ผลต่างระหว่างรุ่นของ "น็อทร์ดามดูว์โอ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Poonyo (คุย | ส่วนร่วม)
จัดรูปแบบ +เก็บกวาด
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{ต้องการอ้างอิง}}
'''ชาเปลโนนอเทรอดามดูโอท์แห่งรงชองป์ดูว์โอแห่งรงช็อง''' ({{lang-en|Notre Dame du Haut}}; {{lang-fr|Chapelle Notre-Dame-du-Haut de Ronchamp}}) หรือ ที่รู้จักกันในนาม '''รงชองป์ช็อง''' (Ronchamp) เป็น[[ชาเปล]]ในประเทศฝรั่งเศส ก่อสร้างเสร็จภายในปี [[ค.ศ. 1954]] ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในผลงานที่ดีที่สุดของสถาปนิกชาวสวิส [[เลอกอร์บูซีเย]] (Le Corbusier) สถาปนิกชาวสวิส และยังเป็นหนึ่งในผลงานที่สำคัญของสถาปัตยกรรมทางศาสนาในศตวรรษที่ 20
 
'''ชาเปลโนเทรอดามดูโอท์แห่งรงชองป์''' ({{lang-fr|Chapelle Notre-Dame-du-Haut de Ronchamp}}) หรือ ที่รู้จักกันในนาม '''รงชองป์''' (Ronchamp) เป็น[[ชาเปล]]ในประเทศฝรั่งเศส ก่อสร้างเสร็จภายในปี [[ค.ศ. 1954]] ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในผลงานที่ดีที่สุดของสถาปนิกชาวสวิส [[เลอกอร์บูซีเย]] (Le Corbusier) และยังเป็นหนึ่งในผลงานที่สำคัญของสถาปัตยกรรมทางศาสนาในศตวรรษที่ 20
 
 
== แหล่งที่ตั้ง ==
โบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้กับเมือง Belfortแบลฟอร์ ในฝรั่งเศสตะวันออก ที่ซึ่งเคยมีโบสถ์แสวงบุญอุทิศให้แก่[[พระแม่มารี]] แต่ได้ถูกทำลายลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากที่สงครามได้สิ้นสุดลงมันก็ถูกวางแผนว่าจะสร้างอยู่บนทำเลเดิม
 
ชาเปล โนนอเทรอดาม ดู โอท์ดูว์โอ เป็นสถานที่บูชาสำหรับโบสถ์โรมันแคทอลิคในรงชองคในรงช็อง ประเทศฝรั่งเศส มันถูกสร้างขึ้นเพื่อโบสถ์ลักษณะใหม่ที่ยังต้องการคงความสัมพันธ์กับแบบเดิม และเพื่อที่จะต่อต้านกับการเสื่อมโทรม ผู้ปฏิรูปของโบสถ์ได้มองเห็นถึงวิธีที่จะฟื้นฟูจิตวิญญานของโบสถ์โดยการโอบรับแนวคิดของศิลปะและสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ หลวงพ่อมารี-อาแล็ง กูตูว์รีเย (Marie-Alain Couturier) ผู้ที่เคยสนับสนุนเงินทุนให้กับเลอกอร์บูซีเยในงานลาตูแร็ต (La Tourette) ยังเป็นคนขับเคลื่อนโครงการที่แสนพิเศษนี้ให้สำเร็จได้ในปี 1954
 
โบสถ์ในรงชองช็องแห่งนี้ยังเป็นผลงานเดียวของเลอกอร์บูซีเยที่ปลีกห่างออกจากหลักการของเขาที่คำนึงถึงความสากลและสุนทรียภาพของเครื่องจักร เพื่อที่จะตอบสนองกับความจำเพาะของสถานที่ ในความคิดของเลอกอร์บูซีเย สถานที่นี้ได้สื่อถึงความเป็นจิตวิญญานในตัวมันออกมาได้อย่างแรงกล้า ด้วย[[เส้นขอบฟ้า]]ที่สามารถมองเห็นได้จากทั้งสี่ด้านของเนินเขาและยังเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ที่ถูกสืบทอดกันมานานนับศตวรรษที่เป็นสถานที่สักการะ
 
มรดกทางประวัติศาสตร์มากมายได้ถูกจารึกลงไปใน[[ชั้นดิน]]ตั้งแต่สมัย[[ผู้บูชาพระอาทิตย์]] [[ชาวโรมัน]] ไปถึงผู้ที่นับถือพระแม่มารีใน[[ยุคสมัยกลาง]] รวมไปถึงช่วงโบสถ์สมัยใหม่และการต่อสู้ที่ต้านกับการครอบครองของชาวเยอรมัน เลอกอร์บูซีเยยังสามารถสัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่มีระหว่างเนินเขากับสถานที่รอบข้าง ซึ่งก็คือภูเขาฌูว์รา (Jura) ที่อยู่ไกลออกไปเป็นจุดเด่นของภูมิประเทศ
 
ธรรมชาติของสถานที่จะมีผลต่อสถาปัตยกรรมทั้งหมด ทำให้มีส่วนที่คล้ายคลึงกับ [[Acropolis]] อยู่หลายข้อ เริ่มจากทางขึ้นจากตีนเขาที่มีเหตุการณ์ทางด้านสถาปัตยกรรมและภูมิทัศน์ไประหว่างทาง ก่อนที่จะมาสิ้นสุดลง ณ sanctus sanctorum หรือตัวโบสถ์นั่นเอง คุณจะไม่สามารถมองเห็นตัวอาคารได้จนกว่าที่จะถึงบริเวณยอดเขา และจากจุดสูงสุดนั้นทัศนียภาพอันตระการตาจะมีให้เห็นไปทั่วทุกสารทิศ
เส้น 19 ⟶ 17:
โครงสร้างส่วนใหญ่นั้นทำมาจาก[[คอนกรีต]] ซึ่งส่วนน้อยนั้นถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงที่หนา ประกอบกับหลังคาที่หงายขึ้นรองรับโดยเสาที่ฝังอยู่ในกำแพง ดูคล้ายกับเรือใบที่โต้คลื่นอยู่ในสายลมบนยอดเขา โบสถ์คริสเตียนแห่งนี้ได้เปรียบตัวมันเองเป็นเรือของพระเจ้าที่นำพาเอาความปลอดภัยและความช่วยเหลือให้พ้นภัยมาสู่เหล่าผู้ติดตาม ด้านในนั้น พื้นที่ที่ถูกเว้นว่างไว้ระหว่างกำแพงและหลังคา ถูกเติมเต็มด้วยหน้าต่าง และยังมีแสงที่ไม่สมมาตรเข้ามาจากช่องเปิดของกำแพง เพื่อที่จะส่งเสริมธรรมชาติที่ศักดิ์สิทธิ์ของพื้นที่และยังส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างตัวอาคารและพื้นที่รอบด้าน การใช้แสงภายในตัวอาคารนั้นเป็นแบบละมุนละไมและไม่เป็นแสงที่อาทิตย์ที่เข้ามาโดยตรง ซึ่งเข้ามาทางหน้าต่างและสะท้อนออกจากกำแพงปูนสีขาวโบสถ์และหอคอยที่ต่อออกมา
 
โครงสร้างส่วนมากสร้างขึ้นจากคอนกรีตและหิน ที่เป็นเศษเหลือมาจากโบสถ์เดิมบนยอดเขา ซึ่งถูกทำลายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง บางคนได้กล่าวว่ารงชองนั้นเป็นช็องนั้นเป็น [[post-modern]] อาคารแรกเนื่องจากมันถูกสร้างขึ้นในช่วงต้นของ 1950s
 
ส่วนหลักของโครงสร้างนั้นประกอบไปด้วยชิ้นส่วนคอนกรีตสองชิ้นที่มีช่องว่างขนาด 6 ฟุต 11 นิ้ว ขั้นระหว่าง ทำให้เกิดรูปทรงของเปลือกหอยและก่อเกิดเป็นหลังคาของอาคาร หลังคานี้สามารถป้องกันน้ำไม่ให้รั่วเข้ามาและยังสามารถระบายน้ำให้ออกไปได้ในขณะเดียวกัน ซึ่งถูกพยุงไว้ด้วยคานสั้นหลายชิ้น และทำให้เกิดส่วนหนึ่งของพื้นผิวแนวตั้งของคอนกรีตที่ถูกคลุมด้วย [[gunite]] นอกจากนี้เสาค้ำกำแพงที่ทำมาจากหินเก่า Vosges ถูกนำมาจากโบสถ์หลังก่อนที่ถูกทำลายโดยระเบิด กำแพงที่ไม่ได้มีตัวค้ำจุนเหล่านี้ จากมุมบน รูปทรงโค้งนั้นได้ถูกคำนวณมาอย่างดีเพื่อที่จะสร้างเสถียรภาพให้กับหินหยาบเหล่านี้ พื้นที่ว่างหลายเซนติเมตรระหว่างหลังคาเปลือกหอยและกำแพงแนวตั้งที่หุ้มล้อมได้สาดแสงลงมาสร้างความสำคัญให้กับทางเข้า พื้นของโบสถ์นั้นได้เป็นไปตามลักษณะธรรมชาติที่เป็นเนินเอียงลาดลงไปยังส่วนของ[[แท่นบูชา]] ในบางส่วน โดยเฉพาะที่ภายนอกและภายในมีแท่นบูชาอยู่ จะถูกทำขึ้นจากหินสวยงามสีขาวที่มาจากภูมิภาค Bourgogne ตัวหอคอยนั้นทำขึ้นมาจากหิน[[อิฐ]]และถูกปกคลุมโดยโดม[[ซีเมนต์]] ส่วนโครงสร้างที่เป็นแนวตั้งถูกปกคลุมด้วยปูนโดยใช้ปูนซีเมนต์พ่นใส่แล้วตามด้วยการขัดล้างขาวทั้งภายในและภายนอกของตัวอาคาร ส่วนหลังคาเปลือกหอยที่ทำจากคอนกรีตนั้นถูกปล่อยให้หยาบตามสภาพที่ออกมาจากตัวโครง การป้องกันการรั่วซึมของน้ำนั้นถูกทำให้มีประสิทธิภาพโดยการมุงหลังคาแบบก่อตัวขึ้นมาที่มีภายนอกหุ้มด้วยอะลูมิเนียม กำแพงภายในเป็นสีขาว หลังคาเป็นสีเทา ม้านั่งทำด้วยไม้แอฟริกาสร้างโดย Savina และม้านั่งสำหรับพีธีทำจากเหล็กหล่อมาจากโรงหล่อ the Lure
 
[[หมวดหมู่:ชาเปล]]
[[หมวดหมู่:วัดคริสต์ศาสนาในประเทศฝรั่งเศส|รงชองป์ช็อง]]
[[หมวดหมู่:สิ่งก่อสร้างในคริสต์ทศวรรษ 1950]]
[[หมวดหมู่:สิ่งก่อสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 20]]