ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ลอเรนโซ วัลลา"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
M-Bot (คุย | ส่วนร่วม)
แทนที่คำอัตโนมัติ (-[[ภาพ: +[[ไฟล์:) ด้วยบอต
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 4:
[[ไฟล์:Lorenzo_Valla.JPG|thumb|ลอเรนโซ วัลลา]]
 
ลอเรนโซ วัลลา (Lorenso; Laurentius Valla ค.ศ. 1406-1457) เป็นนักประวัติศาสตร์ชาวเมืองเนเปิลใน[[สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา]] (Renaissance) ก่อนการปฏิรูปศาสนาของ[[มาร์ติน ลูเทอร์]] (Martin Luther ค.ศ. 1483-1546) ซึ่งการเขียนประวัติศาสตร์ในยุคนี้จะมีลักษณะวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น วัลลามีผลงานด้านประวัติศาสตร์หลายชิ้น ที่โดดเด่นและได่รับการกล่าวถึงมากที่สุดคือเรื่อง Discourse on the Forgery of the Alleged Danation of Constantine ซึ่งเขียนขึ้นใน ค.ศ. 1440
'''ลอเรนโซ วัลลา''' (Lorenso หรือ Laurentius Valla) (ค.ศ. 1406-1457) ชาวอิตาลี ครอบครัวของวัลลามาจากเมือง Piacenza บิดาของเขาคือ Luca dellea Vallea ซึ่งเป็นนักกฎหมาย วัลลาเป็นนักมนุษยนิยม นักภาษาศาสตร์ และนักศึกษาศาสตร์ วัลลามีความสนใจในการอ่านต้นฉบับของเอกสารสมัยคลาสสิคจนสามารถสังเกตวิวัฒนาการของภาษา วัลลามีไหวพริบในการวิเคราะห์ถ้อยคำและเป็นผู้บุกเบิกในการวิพากษ์วิจารณ์เอกสารต้นฉบับของจริง
 
== ประวัติ ==
 
'''ลอเรนโซ วัลลา''' (Lorenso หรือ Laurentius Valla) (ค.ศ. 1406-1457) วัลลาเป็นชาวอิตาลี ครอบครัวของวัลลามาจากเมือง Piacenza บิดาของเขาคือ Luca dellea Vallea ซึ่งเป็นนักกฎหมาย วัลลาเป็นนักมนุษยนิยม นักภาษาศาสตร์ และนักศึกษาศาสตร์ วัลลามีความสนใจในการอ่านต้นฉบับของเอกสารสมัยคลาสสิคจนสามารถสังเกตวิวัฒนาการของภาษา วัลลามีไหวพริบในการวิเคราะห์ถ้อยคำและเป็นผู้บุกเบิกในการวิพากษ์วิจารณ์เอกสารต้นฉบับของจริง
 
== การศึกษา ==
เส้น 18 ⟶ 22:
วัลลาได้แสดงให้เห็นว่าถ้อยคำในเอกสารมิได้ถูกเขียนขึ้นมาในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 4
 
2. == การเปิดเผยความหลอกลวงของประวัติศาสตร์ ==
 
วัลลาเป็นนักวิพากษ์วิจารณ์ที่เฉียบแหลม และมีความรู้เกี่ยวกับ Classical Latin Style ซึ่งถูกนำไปใช้ในงานเขียนของเขาที่ถูกเขียนขึ้นในปี ค.ศ. 1439 คือ De falso credita et ementita Constantini donatione declamatio ในสมัยของสันตะปาปา Eugene IV (ค.ศ. 1383-1447) วัลลาได้ทำงานให้กับ Alfonso of Aragon ซึ่งขณะนั้นทรงมีปัญหาพิพาทอยู่กับสันตะปาปา วัลลาได้วิพากษ์วิจารณ์เอกสารที่สันตะปาปาทรงใช้เป็นหลักฐานในการอ้างว่าในคริสต์ศตวรรษที่ 4 จักรพรรดิคอนสแตนตินทรงมอบที่ดินให้กับศาสนจักร วัลลาอาศัยการวิเคราะห์ทางประวัติศาสตร์ และภาษาศาสตร์ เช่น เขาระบุว่าการพบคำว่า “fief” ในเอกสารดังกล่าวเป็นการแสดงให้เห็นว่าเอกสารดังการน่าจะถูกสร้างขึ้นในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 8
บทความของวัลลานี้ถูกตีพิมพ์ใน ค.ศ. 1440 เขาได้พิสูจน์ให้เห็นว่าบทความ “Constitutum Constantini” ไม่ได้เขียนขึ้นในสมัยอาณาจักรโรมัน ซึ่งที่จริงแล้ววัลลาไม่ได้ต้องการที่จะโจมตีศาสนา แต่การกระทำของเขาก็ยังผลให้คนที่กำลังเสื่อมศรัทธากับศาสนจักรยิ่งรู้สึกคลางแคลงใจมากขึ้น
 
3. == การงานในช่วงหลัง ==
 
ที่เนเปิลส์ วัลลายังคงทำงานเกี่ยวกับด้านปรัชญาอยู่ เขาได้แสดงความคิดเห็นว่า จดหมายของพระเยซูถึง Abgarus นั้นเป็นของปลอม และเขายังมีความสงสัยในเอกสารที่คิดว่าเป็นของแท้อีกหลายชิ้น และการสอบถามที่เป็นประโยชน์ต่อนักบวช เขายังได้กระตุ้นให้เกิดความโกรธจากเรื่องจริงที่เชื่อถือได้ เขาได้ผลักดันให้มันเกิดขึ้นก่อนที่ศัตรูของเขา และเขาก็ได้หนีไปจากการถูกแทรกแซงจาก Alfonso เขายังได้ดูหมิ่นพระคัมภีร์ฉบับ Vulgate และกล่าวหาว่า St.Augustine (ผู้ซึ่งต่อมาถูกเรียกว่า St.Augustine of Heresy) ว่าเป็นพวกนอกรีต ในปี ค.ศ. 1444 วัลลาได้เดินทางไปยังกรุงโรม แต่ที่เมืองนี้เต็มไปด้วยศัตรูของเขาจำนวนมากและล้วนแต่เป็นผู้มีอำนาจมากมาย แต่เขาก็ได้ปกป้องชีวิตของตัวเองด้วยการหลบหนีไปยัง Bacelona และกลับไปที่เนเปิลส์ และโชคชะตาที่ดีของเขาก็มาถึง หลังการสิ้นพระชนม์ของสันตะปาปา Eugene IV ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1447 วัลลาก็ได้กลับไปยังกรุงโรมอีกครั้ง และครั้งนี้เขาได้รับการต้อนรับจากสันตะปาปา Nicolas V (ค.ศ. 1447-1455) ซึ่งเป็นสันตะปาปาพระองค์ใหม่ และวัลลาก็ได้ดำรงตำแหน่งเลขานุการส่วนพระองค์ ซึ่งการกลับเข้ามายังกรุงโรมของวัลลาครั้งนี้ถูกเรียกว่า “ชัยชนะของมนุษยนิยมเหนือหลักปฏิบัติและประเพณีดั้งเดิม” และวัลลาก็ได้มีความสนิทสนมกับสันตะปาปา Calixtus III (ค.ศ. 1378-1458)
 
4. == ผลงานของวัลลา ==
 
วัลลามีผลงานมากมาย แต่ส่วนมากจะยังไม่สมบูรณ์ โดยผลงานของเขาได้ถูกตีพิมพ์ใน Basel ในปี ค.ศ. 1540 และในเวนิส ในปี ค.ศ. 1592 และ De Elegantiis ได้รับการตีพิมพ์ใหม่ถึง 60 ครั้ง ในช่วงปี ค.ศ. 1471 ถึง 1536 บางส่วนของผลงานของวัลลา ได้แก่
ผลงานของวัลลา เช่น
4.1 * '''De Voluptate หรือ (On Pleasure)''' ใน De Voluptate เขาได้เปรียบเทียบหลักการของ Stoics กับคำสอนของ Epicurus ซึ่งเป็นการประกาศให้แสดงความเห็นใจกับสิ่งที่อ้างสิทธิ์เพื่อความถูกต้องของการทำตามใจสำหรับความอยากอาหารของคนทั่วไป มันเป็นคำพูดที่แปลก นี่เป็นครั้งแรกที่ค้นพบของการแสดงออกอย่างตั้งใจของพวกศาสนานอกรีตในช่วงเรอแนสซองซ์ (Renaissance) ในงานของเขาอย่างเป็นวิชาการและหลักปรัชญาที่น่ายกย่อง
4.2 * '''De Elegantiis Latinae Linguae (Elegances of the Latin Language)''' หรือแปลว่าความงดงามของภาษาลาติน) เป็นหนังสือหลักไวยากรณ์ภาษาลาตินเล่มแรก ได้รับการตีพิมพ์ใน ค.ศ. 1471
4.3 * '''Annotations on the New Testament''' หรือคำอธิบายประกอบพระคัมภีร์ใหม่ เป็นผลงานชิ้นสำคัญของเขา ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1505
 
5. == ประวัติของวัลลากับการถูกวิพากษ์วิจารณ์ ==
 
5. ประวัติของวัลลากับการถูกวิพากษ์วิจารณ์
มีความเป็นไปได้สูงที่จะประมาณว่าชีวิตส่วนตัวและนิสัยของวัลลามีความคลุมเครือ วัลลาถูกวิพากษ์วิจารณ์ไว้ว่าตัวเขาเองก็มีความไร้ค่า มีความระแวงและการที่ชอบวิวาท แต่เขาก็มีลักษณะของนักมนุษย์นิยมที่ดีเลิศ มีการวิจารณ์ที่แหลมคม และเป็นนักเขียนที่ประสงค์ร้าย
 
ลูเธอร์ ได้แสดงความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับวัลลาไว้ในงานเขียนของเขา
 
Cardinal Bellarmine ได้เรียกวัลลาว่า praecursor lutheri
 
Sir Richard Jebb กล่าวว่า งานเขียน “De Elegantiis” ของวัลลาเป็นสัญลักษณ์ถึงการวิพากษ์วิจารณ์การเรียนภาษาลาติน
 
Erasmus สรุปไว้ใน De ratione studii ว่าไม่มีผู้ชักนำที่ดีกว่าวัลลาแล้ว