ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เคทู"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Luckas-bot (คุย | ส่วนร่วม) ล โรบอต เพิ่ม: vi:K2 |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1:
{{ขาดอ้างอิง}}
[[ไฟล์:K2-big.jpg|ยอดเขาเคทู|thumb|250px|right]]
'''ยอดเขาเคทู''' ({{lang-en|K2}}
รัฐบาลจีนใช้ชื่อของเคทูว่า Qogir ซึ่งเป็นคำที่มาจากนักสำรวจตะวันตก ใช้เรียกภูเขาแห่งนี้โดยตั้งชื่อตาม
== สภาพแวดล้อมและภูมิประเทศ ==▼
== ประวัติการปีน ==▼
ยอดเขาเคทูมีความโดดเด่นในเรื่องของความสูง
ภูเขาเคทูถูกสำรวจครั้งแรกโดยคณะนักสำรวจชาวยุโรปในปี 1856 ที่นำโดย Henry Haversham Godwin-Austen โดย Thomas Montgomerie หนึ่งในคณะสำรวจ เป็นผู้ตั้งชื่อเคทูเนื่องจากเป็นยอดที่สองของ[[เทือกเขาคาราโครัม]] โดยยอดเขาอื่นๆก็ถูกตั้งชื่อตามวิธีนี้เช่นกัน ได้แก่ K1 K3 K4 และ K5 แต่ภายหลังได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Masherbrum, Broad Peak, [[Gasherbrum II|แกเชอร์บรูม 2]] และ Gasherbrum I ตามลำดับ คงเหลือแต่เคทูเท่านั้นที่ไม่ได้รับการเปลี่ยนชื่อ▼
== เส้นทางการปีนและความยากของแต่ละเส้นทาง ==▼
ความพยายามในการพิชิตยอดเขาเคทูเริ่มในปี 1902 โดย Oscar Eckenstein และ Aleister Crowley แต่ภายหลังจากที่ได้พยายามถึงห้ารอบและใช้เงินไปเป็นจำนวนมาก คณะสำรวจก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในการพิชิตยอดเขาแต่อย่างใด สาเหตุของความล้มเหลวน่ามาจากการเตรียมพร้อมร่างกายที่ยังไม่ดีพอ ความขัดแย้งระหว่างบุคคล และสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย โดยคณะสำรวจใช้เวลามากถึง 68 วันบนภูเขาเคทูซึ่งในขณะนั้นถือว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดในการอยู่บนที่ที่มีระดับความสูงมาก) แต่มีแค่ 8 วันเท่านั้นที่สภาพอากาศแจ่มใส▼
เส้นทางการปีนสู่ยอดเขาเคทูมีหลายเส้นทางด้วยกัน ซึ่งมีความยากง่ายแตกต่างกันไป แต่ทุกเส้นทางจะมีความยากที่
* สภาวะขาดออกซิเจนเนื่องจากความสูง โดยที่ระดับความสูงมากกว่า 8,000 เมตรจะมีระดับออกซิเจนเพียงหนึ่งในสามของระดับออกซิเจนที่พื้นราบ▼
* เส้นทางที่ชัน โล่ง ซึ่งทำให้การหันหลังกลับทำได้ยาก โดยเฉพาะในระหว่างพายุ▼
เส้นทางที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้มีดังนี้ ▼
* '''
* '''
* '''นอร์ทเวสต์ริดจ์'''
* '''เซาท์-เซาท์อีสต์สเปอร์'''
* '''นอร์ทเวสต์เฟซ'''
▲== ประวัติการปีน ==
ความพยายามต่างๆที่ตามมาภายหลังทั้งในปี 1909, 1934, 1938, 1939 และ 1953 ต่างก็ประสบกับความล้มเหลวทั้งหมด โดยคณะสำรวจในปี 1909 ที่นำโดย Luigi Amedo, Duke of the Abruzzi สามารถไปถึงระดับความสูงที่ 6,666 เมตร ซึ่งปัจจุบันนี้ สถานที่นี้เป็นที่รู้จักกันในนามว่า Abruzzi Spur หรือสันเขา Abruzzi (Abruzzi Ridge) โดยปัจจุบันนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางมาตรฐานทางหนึ่ง▼
▲ภูเขาเคทูถูกสำรวจครั้งแรกโดยคณะนักสำรวจชาวยุโรปในปี
▲ความพยายามในการพิชิตยอดเขาเคทูเริ่มในปี
ในที่สุดในวันที่ [[31 กรกฎาคม]] 1954 ยอดเขาเคทูก็ถูกพิชิตลงได้ โดยคณะนักสำรวจชาวอิตาลีที่นำโดย Ardito Desio อย่างไรก็ตามสมาชิกของกลุ่มเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่สามารถไปถึงยอดเขาได้ที่สุด คือ Lino Lacedelli และ Achille Compagnoni สมาชิกในคณะคนอื่นๆที่น่าสนใจได้แก่ ผู้พัน Mohammad Ata-ullah ชาว[[ปากีสถาน]] โดยผู้พันเคยเข้าร่วมกับคณะสำรวจ[[ชาวอเมริกัน]]ในปีก่อนหน้า ที่ต้องล้มเหลวเนื่องจาก Art Gilkey สมาชิกคนสำคัญของคณะสำรวจเสียชีวิตจาก[[พายุ]]▼
▲ความพยายาม
ยอดเขาเคทูไม่ถูกพิชิตอีกเลยอีกกว่า 23 ปี จนกระทั่งในวันที่ 9 สิงหาคม 1977 คณะสำรวจชาว[[ญี่ปุ่น]]ที่นำโดย Ichiro Yoshizawa ก็สามารถพิชิตยอดเขาได้อีกครั้งหนึ่ง โดยสมาชิกในทีมยังรวมไปถึง Ashraf Amman นักปีนเขาคนแรกของปากีสถาน โดยคณะนี้ได้ใช้เส้นทาง Abruzzi Spur ซึ่งเป็นเส้นทางที่ใช้โดยคณะสำรวจชาว[[อิตาลี]]ที่พิชิตยอดเขามาก่อนหน้านี้▼
▲ในที่สุดในวันที่ [[31 กรกฎาคม]]
ในปี 1978 คณะสำรวจชาวอเมริกาก็สามารถพิชิตยอกเขาได้เป็นครั้งที่สาม โดยใช้เส้นทางที่ยาวกว่า และขรุขระกว่าเส้นทางเดิม ที่เรียกว่า East Ridge โดยคณะสำรวจชาวอเมริกาคณะนี้นำโดยนักปีนเขาผู้มีชื่อเสียงนามว่า James Whittaker โดยคณะที่สามารถขึ้นถึงยอดได้แก่ Louis Reichardt, James Wickwire, John Roskelley และ Rick Ridgeway โดย Wickwire ต้องเผชิญกับการค้างแรมกลางแจ้งที่ความสูงต่ำกว่ายอดเพียง 150 เมตร โดยการค้างแรมครั้งนี้เป็นการค้างแรมกลางแจ้งที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยการพิชิตยอดเขาครั้งนี้มีความหมายทางจิตใจต่อคณะสำรวจชาวอเมริกันชุดนี้มาก โดยเห็นว่าเป็นการสานต่อภารกิจให้สำเร็จต่อจากคณะสำรวจอเมริกาก่อนหน้าที่เริ่มไว้ตั้งแต่เมื่อ 40 ก่อนในปี 1938 ให้สำเร็จลุล่วงในที่สุด▼
▲ยอดเขาเคทูไม่ถูกพิชิตอีกเลยอีกกว่า 23 ปี จนกระทั่งในวันที่ 9 สิงหาคม
การพิชิตยอดเขาเคทูที่สำคัญอีกครั้งหนึ่ง คือ การพิชิตยอดเขาโดยคณะสำรวจชาวญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคม 1982 ซึ่งใช้เส้นทาง North Ridge ที่มีความยากมาก โดยคณะสำรวจนี้ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมการปีนเขาแห่งญี่ปุ่น โดยคณะสำเรวจแบ่งออกเป็นสองชุด โดยชุดแรกซึ่งนำโดย Isao Shinkai และ Masatsugo สามารถพาสมาชิกอีกสามคน คือ Naoe Sakashita, Hiroshi Yoshino และ Yukishiro Yanagisawa พิชิตยอดเขาในวันที่ 14 สิงหาคม แต่เป็นที่น่าเศร้าว่าในระหว่างการปีนลงจากยอดเขา Yanagisawa พลัดตกจากเขาและเสียชีวิต ส่วนทีมชุดที่สองซึ่งประกอบไปด้วยคนสี่คนก็สามารถพิชิตยอดเขาได้ในวันต่อมา▼
▲ในปี
แม้ว่ายอดเขาเอเวอเรสจะมีความสูงมากกว่ายอดเขาเคทูแต่เคทูถูกพิจารณาว่าปีนยากกว่า สาเหตุเป็นเพราะสภาพอากาศที่แปรปรวนได้ง่าย และระยะทางระหว่างตีนเขาถึงยอดเขาที่ยาวกว่า โดยนักปีนเขาหลายคนถือว่าเคทูเป็นยอดเขาที่ปีนยากที่สุดและอันตรายที่สุดในโลก โดยเคทูมีอัตราการเสียชีวิตของผู้ที่พยายามพิชิตยอดเขากว่าร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับเอเวอเรสที่มีอัตราการเสียชีวิตที่ร้อยละ 9 (อย่างไรก็ตามยอดเขาที่มีอัตราการเสียชีวิตมากที่สุด คือ [[ยอดเขาอันนะปุรณะ]] (ความสูง 8,091 เมตร) ในเทือกเขาหิมาลัย ที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 40) ทำให้เคทูมีชื่อเล่นว่า ยอดเขาดุร้าย (Savage Mountain) โดยข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคม 2004 มีคนที่สามารถพิชิตยอดเขาได้เพียง 246 คน เทียบกับ 2,238 คนที่สามารถพิชิตเอเวอเรสได้ (เหตุผลหนึ่งก็อาจะเป็นเพราะมีคนนิยมไปปีนยอดเขาเอเวอเรสมากกว่าเช่นกัน) โดยจำนวนผู้เสียชีวิตที่เคทูมีสูงถึง 56 คน โดยในปี 1986 มีผู้คนเสียชีวิตสูงถึง 13 คนจากการปีนครั้งเดียว ซึ่งเหตุการณ์นี้เรียกว่าเคทูTragedy▼
▲การพิชิตยอดเขาเคทูที่สำคัญอีกครั้งหนึ่ง คือ การพิชิตยอดเขาโดยคณะสำรวจชาวญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคม
ตำนานอีกอย่างหนึ่งของเคทูคือ การเป็นยอดเขาต้องสาปสำหรับสตรี โดย Wanda Rutkiewicz ชาวโปแลนด์ผู้ที่เป็นสตรีคนแรกที่สามารถพิชิตยอดเขาเคทูและผู้หญิงอีกห้าคนที่สามารถพิชิตยอดเขาได้ต่างก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยสามคนในจำนวนนั้นเสียชีวิตระหว่างการปีนลง และ Rutkiewicz เสียชีวิตในระหว่างการปีน[[ยอดเขากันเจนชุงคา]] ในปี 1992 อย่างไรก็ตามคำสาปนี้ถูกทำลายได้ในปี 2004 เมื่อ Emurne Pasaban สามารถพิชิตยอดเขาและสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัยในปี 2004 และ Nives Meroi ชาวอิตาลีและ Yuka Kamatsu ชาวญี่ปุ่นต่างก็ประสบความสำเร็จในการพิชิตยอดเขาในปี 2006▼
▲แม้ว่ายอดเขา
โดยตลอดประวัติศาสตร์การปีนยอดเขาเคทูมักจะเป็นการปีนโดยไม่ใช้[[ออกซิเจน]]ช่วย และใช้อุปกรณ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา การใช้ออกซิเจนได้เป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว▼
▲ตำนานอีกอย่างหนึ่งของเคทูคือ การเป็นยอดเขาต้องสาปสำหรับสตรี โดย[[วันดา
▲== เส้นทางการปีนและความยากของแต่ละเส้นทาง ==
▲เส้นทางการปีนสู่ยอดเขาเคทูมีหลายเส้นทางด้วยกัน ซึ่งมีความยากง่ายแตกต่างกันไป แต่ทุกเส้นทางจะมีความยากที่เหมือนๆกัน คือ
▲* สภาวะขาดออกซิเจนเนื่องจากความสูง โดยที่ระดับความสูงมากกว่า 8,000 เมตรจะมีระดับออกซิเจนเพียงหนึ่งในสามของระดับออกซิเจนที่พื้นราบ
▲* สภาพอากาศทีแปรปรวนได้ง่ายและรุนแรง
▲* เส้นทางที่ชัน โล่ง ซึ่งทำให้การหันหลังกลับทำได้ยาก โดยเฉพาะในระหว่างพายุ
▲เส้นทางที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้มีดังนี้
▲* '''Abruzzi Spur''' เป็นเส้นทางที่เป็นที่นิยมอย่างมาก ซึ่งถูกสำรวจโดย Luigo Amedeo Duke of the Abruzzi ในปี 1909 โดยเส้นทางนี้เป็นสันเขาทางด้านใต้ของภูเขา โดยการปีนจะเริ่มที่ระดับความสูง 5,400 เมตร
▲* '''North Ridge''' เป็นเส้นทางที่ปีนจากฝั่งจีน เป็นเส้นทางที่ไม่นิยมนัก เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ยากมาก ที่ต้องข้ามแม่น้ำและธารน้ำแข็งที่เป็นอันตรายมาก
▲* '''South Face''' เป็นเส้นทางที่อันตรายที่สุดและยากที่สุด
▲* '''Northeast Ridge''' เป็นเส้นทางที่ยาวและขรุขระมาก
▲โดยตลอดประวัติศาสตร์ การปีนยอดเขาเคทูมักจะเป็นการปีนโดยไม่ใช้[[ออกซิเจน]]ช่วย และใช้อุปกรณ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี
▲== สภาพแวดล้อมและภูมิประเทศ ==
▲ยอดเขาเคทูมีความโดดเด่นในเรื่องของความสูง และความชัน โดยตัวภูเขาเป็นทรง[[พีระมิด]]ที่มีด้านทั้งสี่ที่ชันมาก โดยด้านเหนือของภูเขาจะมีความชันมากที่สุด โดยมีความสูงถึง 3,200 เมตรจากธารน้ำแข็งเคทูในระยะทางในแนวราบเพียง 3 กิโลเมตร หรือมีความชันเกือบ 47 องศา โดยเฉลี่ยแล้วแต่ละด้านจะมีความสูง 2,800 เมตรในระยะทางแนวราบประมาณ 4 กิโลเมตรหรือความชันกว่า 35 องศา ซึ่งเป็นองศาความชันที่ไม่มี[[ภูเขา]]ใดในโลกจะเทียบได้ จึงทำให้เคทูเป็นภูเขาที่ชันที่สุดและเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เคทูปีนได้ยากมาก
{{coor title dms|35|52|57|N|76|30|48|E|type:mountain}}
{{คอมมอนส์|เคทู}}
{{Eight-thousander}}
{{Seven Second Summits}}
{{เรียงลำดับ|คเคทู}}
[[หมวดหมู่:ยอดเขาที่มีความสูงเกิน 8000 เมตร]]
[[หมวดหมู่:ภูเขาในประเทศปากีสถาน]]
|