ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พรชัย ทองบุราณ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
หน้าใหม่: {{กล่องข้อมูล นักมวย | ชื่อ = พรชัย ทองบุราณ | ชื่อจริง = พรชัย ทองบ...
(ไม่แตกต่าง)

รุ่นแก้ไขเมื่อ 12:24, 15 กรกฎาคม 2553

พรชัย ทองบุราณ (ชื่อเล่น: หมี, เกิด1 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 ที่อำเภอกุดข้าวปุ้น จังหวัดอุบลราชธานี มีศักดิ์เป็นหลานชายของ สมบูรณ์ ทองบุราณ อดีตสว. จังหวัดยโสธร) เป็นอดีตนักมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย ในการชกโอลิมปิก 2000 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ

พรชัย ทองบุราณ
ชื่อจริงพรชัย ทองบุราณ
รุ่นไลท์เวลเตอร์เวท
ไลท์มิดเดิลเวท
เกิดแม่แบบ:เกิด-อายุ
อำเภอกุดข้าวปุ้น จังหวัดอุบลราชธานี
สถิติเหรียญโอลิมปิก
มวยสากลสมัครเล่น
ซีเกมส์
เหรียญทอง - ชนะเลิศ ซีเกมส์ 1997 ไลท์เวลเตอร์เวท
เหรียญทอง - ชนะเลิศ ซีเกมส์ 1999 ไลท์เวลเตอร์เวท
เอเชียนเกมส์
เหรียญทองแดง - อันดับที่ 3 เอเชียนเกมส์ 1994 ไลท์เวลเตอร์เวท
โอลิมปิก
เหรียญทองแดง - อันดับที่ 3 โอลิมปิก 2000 ไลท์มิดเดิลเวท

พรชัยเป็นบุตรชายคนที่ 3 ในจำนวนบุตรทั้ง 4 คนของนายสำลีและนางบังอร ทองบุราณ เริ่มชกมวยครั้งแรกเมื่ออายุได้ 10 ขวบ ด้วยการหัดมวยสากลสมัครเล่นเลย ผิดกับคนอื่นที่หัดมวยไทย พรชัยหัดมวยเป็นครั้งแรกกับ จ.ส.ต.รณยุทร ยี่สันเที๊ยะ ซึ่งเป็นน้าชายของตัวเอง โดยจุดประสงค์ตอนนั้นเพื่อจะต่อยในกีฬาจังหวัด โดยพรชัยได้เป็นตัวแทนของตำบล ชกในรุ่นไม่เกิน 30 กิโลกรัม ซึ่งแม้ว่าพรชัยจะหัดชกไม่กี่เดือน และน้ำหนักตัวตอนนั้นก็เพียงแค่ 22 กิโลกรัม แต่พรชัยก็สามารถคว้าเหรียญทองมาได้ด้วยการชนะรวด 3 คน ภายในวันเดียว

จากนั้น พรชัยก็หันมาชกมวยไทยเมื่ออายุได้ 17 ปีในชื่อ "ศักดิ์กิ่งเฟื่อง ศิษย์ บ.ต." ที่จังหวัดอุบลราชธานี ในช่วงปลายปีได้โชว์ฟอร์มดีจนกระทั่งได้ถูกทาบทามให้มาชกในกรุงเทพ

ในช่วงที่ชกในกรุงเทพ พรชัยได้เปลี่ยนชื่อเป็น "รณยุทร ศิษย์พงษ์ระวี" โดยชกใน รายการนายขนมต้มที่เวทีลุมพินี หรือบางทีก็ย้ายไปชกที่เวทีราชดำเนินบ้าง ทว่าการชกมวยไทยของพรชัยไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

ซึ่งผิดกับการชกมวยสากลสมัครเล่น พรชัยก็ยังชกอยู่อย่างต่อเนื่องโดยชกให้กับการแข่งขันกีฬาเขตให้กับจังหวัดอุบลราชธานี จนกระทั่งจบ ม.6 ก็ได้เข้าเรียนต่อในโรงเรียนจ่าทหารเรือ ในสังกัดของกองทัพเรือ โดยพรชัยก็ชกมวยสากลสมัครเล่นในนามของทีมราชนาวีมาตลอดจนได้แชมป์ประเทศไทยหลายสมัยและติดทีมชาติครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2536 ใน รายการเมเยร์คัพ ที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งพรชัยก็ได้เหรียญทองจนได้ไปชกใน เอเชียนเกมส์ครั้งที่ 12 ที่ฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น แม้พรชัยเป็นนักมวยหน้าใหม่ในขณะนั้น แต่ก็สามารถคว้าเหรียญทองแดงได้ในรุ่นไลท์เวลเตอร์เวท (63.5 กิโลกรัม) มาได้อย่างไม่มีใครคาดคิด

จากนั้น พรชัยก็ติดอันดับทีมชาติมาตลอด สามารถคว้าเหรียญทองได้ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่อินโดนีเซีย และที่บรูไน จนกระทั่งได้มีชื่อติดทีมชาติไปแข่งขันโอลิมปิก ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ด้วยการคว้าเหรียญเงินในการแข่งขันคัดเลือกตัวในเลก 2 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งในครั้งนี้พรชัยได้เปลี่ยนไปชกในรุ่นที่ใหญ่ขึ้น คือ ไลท์มิดเดิลเวท (71 กิโลกรัม)

เส้นทางการชกของพรชัยในโอลิมปิก

  • รอบแรก ชนะคะแนน บัลซ์เซย์ คาโรลี่ (ฮังการี) 17/12
  • รอบรองชนะเลิศ แพ้คะแนน มาริน ซิมิโอน (โรมาเนีย) 16/26 (ดีกรีแชมป์โลก)

โดยในการชกครั้งนี้ ก็ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าพรชัยจะได้เหรียญรางวัลใด ๆ เช่นเดียวกับ วิจารณ์ พลฤทธิ์ ที่ได้เหรียญทองไปในคราวเดียวกัน หลังการชกโอลิมปิกแล้ว พรชัยก็ได้แขวนนวมไป โดยไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับวงการมวยอีกเลย โดยได้รับราชการเป็นทหารชั้นประทวนในสัวงกัดกองทัพเรือ ชีวิตส่วนตัวสมรสแล้ว มีบุตรสาว 1 คน

อ้างอิง