ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การเน่าเปื่อย"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Drgarden (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Pubat (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{นิติเวชศาสตร์}}
'''การเน่าสลายตัว''' ({{lang-en|Decomposition}}) เป็น[[การเปลี่ยนแปลงหลังการตาย]]ตามธรรมชาติอย่างหนึ่งของร่างกายมนุษย์ เมื่อเกิดการตายและ[[หัวใจ]]หยุดเต้น ร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังการตายตามลำดับก่อนหลัง โดยเกิด[[รอยเขียวช้ำหลังตาย]] [[สภาพแข็งทื่อหลังตาย]] [[การลดลงของอุณหภูมิร่างกายหลังตาย]]และเกิดการเน่าสลายตัวในลำดับสุดท้าย ซึ่งการเน่าสลายตัวของร่างกาย จะเกิดจากการสลายตัวของ[[เนื้อเยื่อ]]ภายในร่างกายโดยมีหลักการเน่าสลายตัวสองประการคือ การเน่าสลายตัวของเซลล์เองและการเน่า
==รูปแบบการเน่าสลาย==
 
=== การเน่าสลายตัวของเซลล์เอง ===
 
[[การสลายตัวของเซลล์เอง]] ({{lang-en|Autolysis}}) เป็นการเกิดจาก[[ปฏิกิริยาทางเคมี]]ที่มี[[น้ำย่อย]][[เซลล์]]ออกมาจากตัวเอง ทำให้เนื่อเยื่อเกิดการสลายตัว และเนื่องจากการสลายตัวของเซลล์เองเป็นปฏิกิริยาทางเคมี จึงขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและสภาพของสิ่งแวดล้อมประกอบด้วย ถ้าอุณหภูมิสูงจะเกิดปฏิกิริยาการเน่าสลายตัวอย่างรวดเร็วเช่น [[ศพ]]ในบริเวณ[[ทะเลทราย]] ความร้อนระอุของทรายจะเป็นตัวช่วยเร่งให้ศพเกิดการเน่าสลายตัวเร็วยิ่งขึ้น ในทางตรงกันข้ามถ้าอุณหภูมิต่ำจะเกิดปฏิกิริยาการเน่าสลายตัวอย่างช้าเช่น ศพในบริเวณ[[ขั้วโลกเหนือ]] ความเย็นของ[[หิมะ]] [[ธารน้ำแข็ง]]จะเป็นตัวช่วยรักษาสภาพของศพให้เกิดการเน่าสลายตัวอย่างช้า ๆ อวัยวะภายในร่างกายส่วนใดที่มีน้ำย่อยเซลล์จำนวนมาก อวัยวะในส่วนนั้นจะเกิดการเน่าสลายตัวอย่างรวดเร็ว เช่นเมื่อตายร่างกายจะเกิดการย่อยสลายที่บริเวณ[[ตับอ่อน]] ซึ่งจะเกิดการเน่าสลายตัวก่อน[[หัวใจ]]เป็นต้น
เส้น 8 ⟶ 9:
การเน่าสลายตัวในร่างกาย เกิดจาก[[แบคทีเรีย]]ทำปฏิกิริยาเคมีในเนื้อเยื่อของร่างกาย เนื่องจากแบคทีเรียส่วนใหญ่มีอยู่ในลำไส้ใหญ่อยู่แล้ว หลังตายแบคทีเรียเหล่านี้จะเริ่มพัฒนาการและเจริญเติบโตมากขึ้น รวมทั้งเริ่มปรากฏให้เห็นเป็นสิ่งแรกในร่างกายคือการเริ่มมี[[สีเขียว]]จาง ๆ ที่บริเวณท้องน้อย เมื่อตายมาประมาณ 24 ชั่วโมง จะพบว่าบริเวณท้องน้อยด้านขวาจะเริ่มปรากฏสีเขียวมากกว่าด้านซ้าย เนื่องจากการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในบริเวณนั้นจะสร้างก๊าซซึ่งส่วนใหญ่เป็น[[ก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์]] ซึ่งก๊าซนี้จะซึมซาบไปทุกส่วนของร่างกาย วิ่งไปตาม[[เส้นเลือด]]ทุกเส้นทำให้เส้นเลือดเกิดเป็นสีเขียวคล้ำ เป็นลวดลายมองดูคล้ายกับลายของ[[หินอ่อน]]ปรากฏบนบริเวณผิวหนังทั่วทั้งร่างกายเรียกว่า "Marbling"<ref name="การเน่าสลายตัวของร่างกาย">การเน่าสลายตัวของร่างกาย, นิติเวชศาสตร์ สำหรับพนักงานสอบสวน, พลตำรวจตรี เลี้ยง หุยประเสริฐ พบ., อว. (นิติเวชศาสตร์) ผู้บังคับการ สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ, 2549, หน้า 31</ref>
 
=== การเน่า ===
 
[[การเน่า]] ({{lang-en|Putrefaction}}) ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย จะเกิดหลังจากเกิดการเน่าสลายของเซลล์ ตาม[[ใบหน้า]] [[ไหล่]]และ[[หน้าอก]]เริ่มเกิดสีเขียวคล้ำและเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายค่อย ๆ เกิดการอืดมากขึ้น บริเวณ[[ผิวหนัง]]เริ่มเกิด[[ถุงน้ำ]]จากการที่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังเกิดการเน่าสลายตัว ทำให้เกิด[[น้ำเหลือง]]ดันใต้ผิวหนังส่งผลให้ผิวหนังโป่งบวมมากขึ้น และต่อมาผิวหนังก็จะเกิดการเน่าปริและหลุดลอกออกไป [[เส้นผม]] [[เส้นขน]]ตามบริเวณร่างกายเกิดการหลุดออก ในช่วงระยะเวลานี้จะพบมีน้ำเหลืองซึ่งมีลักษณะสีแดงคล้ำไหลออกมาทางปากหรือทางจมูกของศพอีกด้วย
 
==== ระยะแรก ====
 
การเน่าสลายของร่างกายในระยะแรก จะมีน้ำเหลืองจำนวนมากไหลออกมาขังอยู่ตามช่องต่าง ๆ ในร่างกายเช่นในบริเวณช่องอก ช่องท้อง และในขณะเดียวกันร่างกายก็จะเกิดบวมพองมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเกิดจากแรงดันของก๊าซที่เกิดขึ้นในร่างกาย ก๊าซที่มีการเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้[[ลิ้น]]ใน[[กระพุ้งแก้ม]]ถูกดันออกมาจุกที่[[ปาก]]ในลักษณะของลิ้นจุกปาก เพดานปากและลิ้นไก่เกิดการเน่า ลูกนัยตาทั้งสองข้างจะถูกแรงดันให้ทะลักล้นออกมานอกเบ้าตา ในผู้ชาย[[ถุงอัณฑะ]]จะเกิดการโป่งบวมพอง [[อวัยวะเพศชาย]]มีลักษณะบวมเป่งและมีน้ำเหลืองไหลเยิ้ม ในผู้หญิงจะเกิดการบวมพองที่[[ทวารหนัก]]และ[[ช่องคลอด]] จะถูกแรงดันทำให้เกิดการแบะออกมาภายนอก ร่างกายทั่วไปถูกดันจนข้อต่าง ๆ มีการงอเข้ามาเล็กน้อย [[นิ้วมือ]]บวมเป่งจนดันกันให้กางออกทั้งสองข้าง ซึ่งระยะเวลานี้เรียกว่าเกิดการอืดของร่างกายอย่างเต็มที่ ในอุณหภูมิทั่วไปใน[[ประเทศไทย]]ประมาณ 3-4 วันหลังจากตาย<ref name="การเน่าสลายตัวของร่างกายในระยะแรก">การเน่าสลายตัวของร่างกายในระยะแรก, นิติเวชศาสตร์ สำหรับพนักงานสอบสวน, พลตำรวจตรี เลี้ยง หุยประเสริฐ พบ., อว. (นิติเวชศาสตร์) ผู้บังคับการ สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ, 2549, หน้า 32</ref>
 
==== ระยะสุดท้าย ====
 
หลังจากการเน่าสลายตัวในระยะแรก อวัยวะบางส่วนจะเกิดจากหลุดลอก หลังจากในช่วงระยะเวลาประมาณ 3-4 วัน เนื้อเยื่อจะเริ่มสลายตัวมากยิ่งขึ้นจนเริ่มมองเห็น[[กระดูก]]บริเวณ[[หน้าผาก]]หรือ[[โหนกแก้ม]] ซึ่งการเน่าสลายตัวของร่างกายในช่วงระยะเวลานี้ จะใช้เวลาประมาณ 7 วันและเริ่มมากขึ้นจนเห็นมอง[[กระดูกซี่โครง]]และ[[อวัยวะ]]ภายในช่องอกที่เน่าสลายตัวอยู่ภายใน เมื่อเวลาประมาณ 2 อาทิตย์การเน่าสลายตัวจะเพิ่มมากขึ้นจนเกิดการสลายตัวในช่องท้อง จนสามารถมองเห็นอวัยวะต่าง ๆ ได้เกือบหมดในช่วงระยะเวลาประมาณ 3 อาทิตย์ และเมื่อ 4 อาทิตย์หลังจากตาย ร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังการตายและการเน่าสลายตัวจนมองเห็นกระดูกเกือบทั้งตัว<ref name="การเน่าสลายตัวของร่างกายในระยะสุดท้าย">การเน่าสลายตัวของร่างกายในระยะสุดท้าย, นิติเวชศาสตร์ สำหรับพนักงานสอบสวน, พลตำรวจตรี เลี้ยง หุยประเสริฐ พบ., อว. (นิติเวชศาสตร์) ผู้บังคับการ สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ, 2549, หน้า 32</ref>
เส้น 22 ⟶ 23:
หลังจากนั้นเนื้อเยื่อภายในร่างกายยังคงย่อยสลายตัวต่อไป จน[[เส้นเอ็น]]ต่าง ๆ ที่ยึดตาม[[ข้อกระดูก]]เริ่มหลุดออกจากกัน [[กระดูกนิ้วมือ]] [[กระดูกนิ้วเท้า]]หลุดแยกออกจากกัน [[ข้อมือ]] [[ข้อเท้า]]หลุดออกจากกัน การเน่าสลายตัวของร่างกายในช่วงระยะเวลานี้จะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ร่างกายจะคงเหลือเพียง[[กระดูกสันหลัง]]เท่านั้นที่ยังคงยึดติดกันอยู่ได้ และในช่วงระยะเวลา 6 เดือนหลังจากตาย กระดูกทุกชิ้นในร่างกายจะหลุดออกจากกันจนเกือบหมด และยังอาจจะได้กลิ่นเหม็นเน่าของกระดูกซึ่งคงมีอยู่ตลอดเวลา กลิ่นเหม็นเน่านี้อาจจะมีต่อไปอีกนานหลายเดือนกว่าจะหมดกลิ่น ในช่วงระยะเวลาประมาณว่า 1 ปี ศพจะคงเหลือแต่เพียงโครงกระดูกขาวโพลน ปราศจากเนื้อเยื่อใด ๆ หลงเหลืออยู่อีกต่อไป
 
=== การเน่าสลายในความร้อน ===
 
บางครั้งศพที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่อากาศร้อนและแห้งจัดเช่นในทะเลทราย ร่างกายอาจเกิดเป็น[[มัมมี่]] ({{lang-en|Mummification}}) ขึ้น โดยบริเวณผิวหนังทั่วทั้งร่างกายเริ่มเปลี่ยนสี จากสีผิวหนังเดิมเกิดการเปลี่ยนแปลงออกไปเป็นลักษณะคล้ายหนังหมูตากแห้ง แต่เนื่อเยื่อภายในจะยังคงสลายตัวต่อไป ดังนั้นเมื่อมีการค้นพบมันมี่ จะสามารถพบร่างกายที่ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ผิวหนัง ใบหน้า นิ้วมือนิ้วมือจะแฟบลงเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกเท่านั้น ซึ่งการเน่าสลายในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศเย็นหรือในโคลนตม จะเป็นการช่วยรักษาสภาพของศพไม่ให้เกิดการเน่าสลายตามธรรมชาติได้อีกด้วย