ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ลอร์ดออฟเดอะริงส์ ตอน กษัตริย์คืนบัลลังก์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
TXiKiBoT (คุย | ส่วนร่วม)
โรบอต เพิ่ม: ka:მეფის დაბრუნება
Xqbot (คุย | ส่วนร่วม)
โรบอต เพิ่ม: zh:王者再臨; ปรับแต่งให้อ่านง่าย
บรรทัด 1:
{{ต้องการอ้างอิง}}
'''ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ ตอนกษัตริย์คืนบัลลังก์''' ({{lang-en|The Lord of the Rings: The Return of the King}}) เป็นภาคที่สามของนิยายชุด [[เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์]] ซึ่งประพันธ์โดย [[เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน]] โดยภาคที่หนึ่งคือตอน [[ลอร์ดออฟเดอะริงส์ ตอน มหันตภัยแห่งแหวน|มหันตภัยแห่งแหวน]] ส่วนภาคที่สองคือ [[ลอร์ดออฟเดอะริงส์ ตอน หอคอยคู่พิฆาต|หอคอยคู่พิฆาต]]
 
== ความเป็นมา และข้อมูลการตีพิมพ์ ==
บรรทัด 6:
เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งจากบทประพันธ์เรื่อง [[เดอะฮอบบิท]] ซึ่งตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1937 จนทางสำนักพิมพ์ต้องขอให้โทลคีนเขียนนิยายใหม่ส่งมาอีก ในตอนแรกโทลคีนพยายามส่งเรื่อง [[ซิลมาริลลิออน]] ที่เป็นผลงานที่เขารักและทุ่มเทประพันธ์มาโดยตลอด ให้สำนักพิมพ์พิจารณา แต่สำนักพิมพ์ไม่ชอบ สำนักพิมพ์บอกว่าผู้อ่านต้องการเรื่อง 'การผจญภัย' และขอให้โทลคีนแต่งภาคต่อของเดอะฮอบบิท แต่โทลคีนไม่ต้องการเขียนเรื่องผจญภัยแบบเด็กๆ แบบนั้นอีก ในที่สุดโทลคีนก็วางโครงเรื่องใหม่ โดยใช้แหวนที่[[บิลโบ แบ๊กกิ้นส์]] ตัวเอกในเรื่องเดอะฮอบบิท ได้มาด้วยความบังเอิญในระหว่างการเดินทาง มาใช้เป็นแกนของเรื่องใหม่ และนำเอาเรื่องราวตำนานในซิลมาริลลิออน มาเป็นฉากหลังของเรื่อง เขาวางพล็อตให้นิยายเรื่องใหม่มีความจริงจังมากขึ้น จนเมื่อผ่านไป 17 ปี นิยายเรื่อง เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ จึงได้ปรากฏโฉมสู่บรรณพิภพ
 
ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ ตอน กษัตริย์คืนบัลลังก์ ตีพิมพ์ครั้งแรกในประเทศอังกฤษเมื่อปี ค.ศ. 1955 หลังจากที่ภาคแรกและภาคสองออกสู่บรรณพิภพด้วยความสำเร็จอย่างล้นหลาม ส่วนนิยายฉบับแปลภาษาไทย แปลโดย คุณ[[วัลลี ชื่นยง]] ตีพิมพ์โดย[[สำนักพิมพ์แพรวเยาวชน]] เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2545
 
== เนื้อหาโดยย่อ ==
{{เสียรส}}
ใน ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ ตอน กษัตริย์คืนบัลลังก์ ประกอบด้วยเล่ม 5 และ 6 ของนิยายชุดนี้ เล่ม 5 มี 10 บท ส่วนเล่ม 6 มี 9 บท ตอนท้ายมีภาคผนวกซึ่งบรรจุเกร็ดตำนานต่างๆ มากมาย รวมทั้งรายละเอียดของอักขระ[[เทงกวาร์]] และวิธีการเขียนเทงกวาร์ในโหมดต่างๆ
 
=== เล่ม 5 ===
บรรทัด 16:
[[แกนดัล์ฟ]]กับ[[ปิ๊ปปิ้น]]เดินทางมาถึงนคร[[มินัสทิริธ]] เพื่อเจรจาให้[[เดเนธอร์]]ร่วมมือในการศึกต่อต้าน[[เซารอน]] ปิ๊ปปิ้นได้เข้าเป็นมหาดเล็กแห่ง[[กอนดอร์]] เพื่อรับใช้เดเนธอร์เป็นการตอบแทนที่[[โบโรเมียร์]]ปกป้องตนจนต้องเสียชีวิต
 
ด้าน[[โรฮัน]] กองกำลังชาว[[ดูเนไดน์]]เดินทางมาสมทบกับ[[อารากอร์น]]ที่[[โรฮัน|เฮล์มสดีพ]] [[เมอร์รี่]]ปฏิญาณตัวเป็นทหารของโรฮัน อารากอร์นมองเข้าไปใน[[พาลันเทียร์]]แห่ง[[ไอเซนการ์ด|ออร์ธังก์]] เป็นการเผยตัวต่อเซารอน แล้วอารากอร์นตัดสินใจนำกองกำลังของตนแยกจากทัพใหญ่ของโรฮัน เดินทางผ่านเส้นทางมรณะทะลุภูเขาลงไปยังศิลาแห่งเอเร็ค
 
ทัพโรฮันได้รับ 'ลูกศรแดง' จากกอนดอร์ อันเป็นสัญลักษณ์เก่าแก่แสดงการขอความช่วยเหลือ โรฮันจึงยกทัพเร่งรุดไปยังนครมินัสทิริธ
 
แกนดัล์ฟกับปิ๊ปปิ้นได้พบกับ[[ฟาราเมียร์]] และได้ทราบถึงการเดินทางผ่าน[[กอนดอร์|อิธิลิเอน]]ของ[[โฟรโด แบ๊กกิ้นส์|โฟรโด]] ฟาราเมียร์ออกรบที่ออสกิเลียธได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้เดเนธอร์เศร้าโศกจนเสียสติและพยายามจะเผาตัวเองพร้อมกับลูกชาย มินัสทิริธจึงไร้ผู้นำศึก กองทัพออร์คปิดล้อมนครไว้จนกระทั่งทัพของโรฮันมาถึง เกิดเป็นศึกใหญ่ที่ทุ่งกว้างหน้านครเรียกว่า [[สงครามแหวน|สมรภูมิทุ่งเพเลนนอร์]] [[เธโอเดน]]ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงแก่ชีวิต แต่[[เอโอวีน]] ซึ่งปลอมตัวลอบติดตามมาในกองทัพ สามารถสังหาร วิชคิง หัวหน้าของ[[นาซกูล]]ลงได้ ด้วยความช่วยเหลือของเมอร์รี่ โดยที่ตัวนางเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ด้านอารากอร์นที่ตัดผ่านภูเขาลงไปทางใต้ ยึดกองเรือที่จะโจมตีมินัสทิริธไว้ได้ แล้วยกทัพมากระหนาบทัพออร์คที่ทุ่งเพเลนนอร์อีกด้านหนึ่ง
 
ปิ๊ปปิ้นกับแกนดัล์ฟไปช่วยเหลือฟาราเมียร์ไว้ได้ทัน แต่ช่วยเดเนธอร์ไว้ไม่ได้ เมื่อนั้นพวกเขาจึงพบสาเหตุการเสียสติของเดเนธอร์ เนื่องจากเขามองเข้าไปในพาลันเทียร์แห่งมินัสทิริธ และได้พยายามต่อสู้กับเซารอน แต่เสียรู้เล่ห์กลของจอมมารจนกระทั่งหมดสิ้นความหวัง
บรรทัด 26:
ผู้บาดเจ็บทั้งหลายได้รับการรักษาในหออภิบาล อารากอร์นใช้ 'ว่านราชัน' หรือ '[[อะธีลาส]]' รักษาฟาราเมียร์ เอโอวีน เมอร์รี่ และผู้บาดเจ็บทั้งหลาย ด้วยว่า 'หัตถ์แห่งราชันคือหัตถ์แห่งการเยียวยา' ดังนั้นประชาชนจึงพากันร่ำลือว่า กษัตริย์ของตนกลับมาแล้ว
 
แกนดัล์ฟ อารากอร์น [[เลโกลัส]] [[กิมลี]] และปิ๊ปปิ้น นำทัพไปยังประตูดำแห่ง[[มอร์ดอร์]] โอษฐ์แห่งเซารอนออกมาเจรจา โดยให้พวกเขาดูสิ่งของที่ยึดมาจากโฟรโด แล้วเรียกร้องให้ยกดินแดนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำทั้งหมดให้กับเซารอน แกนดัล์ฟขอพบตัวประกัน แต่โอษฐ์แห่งเซารอนลังเล แกนดัล์ฟจึงไม่ตกลง จึงเกิดเป็นการรบที่หน้าประตูดำ เมอร์รี่และเบเรกอนด์ถูก[[สัตว์ประหลาดอื่นๆ (มิดเดิลเอิร์ธ)|โทรลล์]]โจมตี ทันใดนั้นเมอร์รี่ก็ได้ยินเสียงเจ้าแห่งวิหค เหล่า[[นกอินทรี (มิดเดิลเอิร์ธ)|นกอินทรี]]บินมาช่วยแล้ว
 
=== เล่ม 6 ===
 
[[แซมไวส์ แกมจี|แซม]]เข้าไปตามหา[[โฟรโด แบ๊กกิ้นส์|โฟรโด]]ในหอคอยของพวกออร์ค พบพวกออร์คทะเลาะวิวาทกันเพื่อแย่งชิงข้าวของของโฟรโด โดยเฉพาะเสื้อเกราะ[[มิธริล]] แซมพบโฟรโดถูกขังอยู่ที่ยอดบนสุดของหอคอย จึงคืน[[แหวนเอก|แหวน]]ให้ แล้วพากันหนีออกมา
 
ทั้งสองเดินทางต่อจนไปถึง[[เมาท์ดูม]] [[กอลลัม]]จึงปรากฏตัวออกมาอีกครั้งและพยายามโจมตีพวกเขา โฟรโดต้องยอมจำนนต่ออำนาจแหวนในที่สุด เมื่อเขาหยิบแหวนขึ้นมาสวมขณะอยู่ในเมาท์ดูม ทำให้เซารอนล่วงรู้การมาถึงของพวกเขา กอลลัมกระโดดเข้ากัดนิ้วของโฟรโดและแย่งแหวนมาได้ แต่ตัวเองกลับลื่นไถลตกลงไปในเปลวอัคคีของภูมรณะพร้อมกับแหวน ทำให้แหวนถูกทำลายไป โฟรโดและแซมได้เห็นการล่มสลายของหอคอยทมิฬด้วยตาของตน
 
ด้านการรบที่ทุ่งคอร์มัลเลน เหล่านกอินทรีและกองทัพมนุษย์แห่งตะวันตกมองเห็นการพินาศของอาณาจักรมอร์ดอร์ แกนดัล์ฟประกาศถึงความสำเร็จของผู้ถือแหวน แล้วขอให้นกอินทรีบินไปยังเมาท์ดูมเพื่อช่วยเหลือผู้ถือแหวนออกมา โฟรโดและแซมได้รับเกียรติอย่างสูง เขาได้พบกับเพื่อนพ้องคณะพันธมิตรแห่งแหวน
 
ฝ่ายในนครมินัสทิริธ ฟาราเมียร์ได้พบกับเอโอวีนในหออภิบาล โดยมีเมอร์รี่คอยเล่าเรื่องราวต่างๆ ของเอโอวีนให้ฟาราเมียร์ฟัง ทั้งสองค่อยๆ ตกหลุมรักกันและกัน
 
แกนดัล์ฟแต่งตั้งให้อารากอร์นขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งกอนดอร์ แล้วอารากอร์นจึงตั้งให้ฟาราเมียร์เป็นเจ้าชายแห่งอิธิลิเอน พร้อมทั้งสืบตำแหน่งสจ๊วตแห่งกอนดอร์ด้วย โดยมีเบเรกอนด์เป็นนายทหารเอก จากนั้นแกนดัล์ฟจึงพาอารากอร์นขึ้นไปบนยอดเขามินโดลลูอิน เพื่อค้นหาหน่ออ่อนของ[[พฤกษาขาว]] แล้วนำกลับมาปลูกในนคร
 
เมื่อถึงวันกลางฤดูร้อน [[เอลรอนด์]] [[กาลาเดรียล]] นำ[[อาร์เวน]] และเอลฟ์จำนวนมากมาเยือนมินัสทิริธ หลังจากนั้นอารากอร์นจึงได้อภิเษกกับอาร์เวน
 
ชาวคณะทั้งหมดเดินทางขึ้นเหนือไปยังโรฮัน อารากอร์นยึดกุญแจ[[ไอเซนการ์ด]]กลับคืนสู่อาณาจักรกอนดอร์ พวกเขาพบกับ[[ซารูมาน]]และ[[กริม่า เวิร์มทัง|กริม่า]]ที่ยังไม่ยอมกลับใจ ซารูมานยังถึงกับขโมยห่อยาสูบไปจากเมอร์รี่แล้วหนีไป กาลาเดรียลนำเอลฟ์ของตนเดินทางข้ามช่องเขาคาราธราสกลับไปยัง[[ลอธลอริเอน]] ส่วนที่เหลือเดินทางกลับไปยัง[[ริเวนเดลล์]] และได้พบกับ[[บิลโบ แบ๊กกิ้นส์|บิลโบ]]อีกครั้ง บัดนี้เขาแก่ลงไปมากอย่างเห็นได้ชัด
 
ฮอบบิททั้งสี่เดินทางกลับบ้านพร้อมกับแกนดัล์ฟ เมื่อมาถึงเมือง[[บรี]] ก็ได้ทราบข่าวจากเจ้าของโรงเตี๊ยม[[บรี|แพรนซิ่งโพนี่]]ว่าเกิดเหตุวุ่นวายไปทั่วแว่นแคว้น แกนดัล์ฟปลอบใจว่า อารากอร์นกษัตริย์องค์ใหม่ (ซึ่งเจ้าของโรงเตี๊ยมรู้จักในชื่อ 'สไตรเดอร์') จะจัดการนำความสงบมาสู่แผ่นดินโดยเร็ว ทั้งหมดเดินทางต่อมุ่งหน้าสู่ไชร์ แต่แกนดัล์ฟแยกกับพวกเขาที่[[เขาสุสาน]] เพื่อแวะเยี่ยม [[ทอม บอมบาดิล]] แล้วว่าต่อจากนั้นไปฮอบบิททั้งสี่สามารถจัดการกับเรื่องราวในแผ่นดินของตัวเองได้แน่
 
ฮอบบิททั้งสี่กลับมาถึงไชร์แล้วพบว่า ไชร์ตกอยู่ใต้การปกครองของ โลโธ แซกวิลล์-แบ๊กกิ้นส์ ญาติห่างๆ คนหนึ่งของโฟรโด ที่เป็นหุ่นเชิดของ 'ชาร์กี้' (นั่นคือซารูมาน) พวกเขาไปยังดินแดนของตระกูลตุ๊กซึ่งยังไม่ได้ถูกยึดครองไปทั้งหมด แล้วเมอร์รี่กับปิ๊ปปิ้นจึงเป็นผู้นำกองกำลังกอบกู้ไชร์ เกิด[[สงครามแหวน|การรบที่บายวอเตอร์]] แล้วพวกที่ยอมอยู่ใต้อำนาจมืดก็ถูกขับไล่ออกไป พวกเขาพบซารูมานกับกริม่าที่[[ไชร์ (มิดเดิลเอิร์ธ)|แบ๊กเอนด์]] ซารูมานพยายามฆ่าโฟรโดแต่ไม่สำเร็จเพราะโฟรโดสวม[[เสื้อเกราะมิธริล]] ภายหลังกริม่าจึงสังหารซารูมาน แล้วฆ่าตัวตายด้วยลูกธนูของพวกฮอบบิท เป็นอันสิ้นสุดยุคของสงครามแหวน ที่หน้าประตูแบ๊กเอนด์นั่นเอง
 
ทั้งหมดช่วยกันฟื้นฟูแคว้นไชร์ แซมพบว่าของขวัญที่เลดี้กาลาเดรียลเคยมอบให้ตนสามารถนำมาช่วยฟื้นฟูผืนดินได้เป็นอย่างดี จนกระทั่งสามารถปลูกต้น''มัลลอร์น'' ขึ้นที่ไชร์ได้ในที่สุด หลายปีผ่านไป โฟรโดรู้สึกอ่อนล้าและเจ็บปวดกับบาดแผลที่เคยได้รับจากพวก[[ภูตแหวน]] โฟรโดกับแซมไปหากาลาเดรียล เหล่าเอลฟ์ และบิลโบ ที่เดินทางผ่านมาทางไชร์ พวกเขาเดินทางต่อไปจนถึง[[เกรย์เฮเวนส์]]เพื่อพบกับแกนดัล์ฟ เมอร์รี่กับปิ๊ปปิ้นเดินทางตามมาสมทบที่นี่ หลังจากนั้น โฟรโด บิลโบ แกนดัล์ฟ และเหล่าเอลฟ์ทั้งหมดก็ออกเดินทางไปยังแดนประจิม ส่วนแซมและเพื่อนก็เดินทางกลับไปยังบ้านของตน
{{จบเสียรส}}
{{LOTR}}
บรรทัด 77:
[[tr:Yüzüklerin Efendisi: Kralın Dönüşü]]
[[uk:Повернення короля]]
[[zh:王者再臨]]