ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประสาน ศิลป์จารุ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
2T (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
มังกร (คุย | ส่วนร่วม)
เป็นผู้ที่ดำรงตนอย่างเป็นประโยชน์ต่อสังคมชาวไทยตลอดมา
บรรทัด 5:
[[หมวดหมู่:พิธีกรไทย]]
[[หมวดหมู่:นักจัดรายการวิทยุ]]
ประสาน ศิลป์จารุ หรือชื่อเดิม ทองแป๊ะ สินจารุ เป็นศิลปินอาวุโสในวงการบันเทิง และเป็นตลกยุคแรกของไทย ร่วมสมัยกับ ทองฮะ ทองแถม ดอกดิน บังเละ และท่านยังเป็นนักจัดรายการวิทยุชื่อดังมากสมัยก่อน เป็นโต้โผวงดนตรีชื่อดัง เป็นผู้นำในการจัดงานไหว้ครูยุคแรกๆ ที่สวนเจ้าเชษฐ์ จนเป็นที่โด่งดังและยอมรับของเหล่าบรรดาคนในวงการศิลปิน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของการไหว้ครูเหล่าศิลปินมาจนถึงยุคปัจจุบันก็ว่าได้ เป็นผู้หนึ่งในการนำการจัดงานแสดงดนตรี ประชันดนตรีไทย ที่วัดพระพิเรนทร์ และร่วมเป็นคณะกรรมการในการตัดสินด้วย ท่านเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในวงการบันเทิงเป็นอย่างยิ่ง เคยเล่นละครในคณะที่โด่งดังสมัยก่อน คือ “คณะเทพศิลป์การละคร” และท่านยังเป็นที่เคารพรักของศิลปินลูกทุ่งอย่างเช่นคุณสุรพล สมบัติเจริญ อย่างยิ่ง สมัยก่อนนั้นท่านก็เป็นโฆษกแทบทุกงานจึงมีโอกาสเกื้อหนุนคุณสุรพลเป็นอย่างมาก และท่านยังเป็นผู้อนุรักษ์เพลงลูกทุ่งให้อยู่คู่ฟ้าเมืองไทยมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะท่านได้พูดปลุกใจปลุกกระแสให้คนไทย หันมารักและหวงแหนเพลงลูกทุ่งตลอดเวลาที่มีโอกาส สมัยก่อนนั้น ประเทศไทยมีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เพียงแห่งเดียว การจะบอกจะกล่าวอะไรก็มีเพียงสถานีเดียวเท่านั้น ท่านจะเป็นที่รู้จักกันที่ในชื่อนักจัดรายการที่ว่า “ทองแป๊ะ สินจารุ” ท่านเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบในการจัดรายการเป็นอย่างมาก จะไม่มีการพูดจาให้เสื่อมเสียต่อชาติบ้านเมือง ท่านจะพูดปลุกใจให้คนไทยรักชาติ หวงแหนในศิลปะวัฒนธรรมไทย โดยไม่มีการเลือกพรรคเลือกพวก หากเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติแล้วนั้น ท่านจะเป็นผู้นำที่จะมาเตือนสติชาวไทยในทุกโอกาส
ในชีวิตของท่านนั้น ได้ทำคุณประโยชน์ต่อวงการวิทยุโทรทัศน์เป็นอย่างมาก ทั้งการรณรงค์ให้พูดภาษาไทยที่ถูกต้องในการจัดรายการ และการมีจิตสำนึกในการจัดรายการ จะต้องเป็นกลางและไม่พูดจาเลื่อนลอย แม้ว่าท่านจะไม่ได้มีการศึกษาที่สูงเช่นคนอื่นๆ แต่เมื่อถึงคราวการสอบเป็นผู้ประกาศข่าวของกรมกระชาสัมพันธ์ ท่านก็ไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์ใดๆ และทำการสอบเฉกเช่นเดียวกันกับคนอื่นๆ นับร้อยๆ คนในคราวนั้น ผลออกมาว่าท่านสอบได้ที่ 1 ชนะคนที่จบปริญญาตรงสาขาได้ทั้งหมด จากการสอบเพียงครั้งเดียว ทำให้ได้เห็นว่าการดำรงตนและฝึกฝนในการใช้ภาษาไทยของท่านนั้น มีมาตรฐานจริง
สำหรับในเรื่องอื่นๆ ที่ท่านได้ไปช่วยเหลือกิจการต่างๆ ก็มีเช่น งานกิจการลูกเสือชาวบ้าน ซึ่งท่านได้ช่วยงานมานานแล้วควบคู่กันไปกับการทำรายการวิทยุโทรทัศน์ของท่าน จนท่านได้ดำรงตำแหน่งประธานลูกเสือชาวบ้านกรุงเทพมหานคร ถึง 2 สมัย ซึ่งถือได้ว่าตำแหน่งนี้จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับจากคนในวงกว้างขวางจริงๆ เพราะลูกเสือชาวบ้านกรุงเทพฯ มีทั้งอดีตข้าราชการระดับสูงมากจนถึงระดับธรรมดา และยังมีพ่อค้าวานิชที่มีฐานะอีกเป็นจำนวนมากเข้าร่วม ได้พร้อมใจกันยกให้ท่านเป็นประธาน ทั้งๆ ที่ท่านไม่ได้เป็นผู้ที่มีฐานะร่ำรวย และทุกคนก็ยังพร้อมใจกันยกให้ท่านเป็นประธานในครั้งนั้นถึง 2 สมัย และท่านยังทำผลงานในกิจการลูกเสือจนได้รับพระราชทานเหรียญราชอิสริยาภรณ์ลูกเสือสรรเสริญ ชั้นที่ 1 จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว , ท่านเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิชาวไทยเชื้อสายจีนที่เยาวราช และร่วมก่อตั้งมูลนิธิ 5 ธันวามหาราช ซึ่งปัจจุบันได้เป็นปึกแผ่นในทุกวันนี้ จนส่งผลให้ท่านได้รับรางวัล “สังข์เงิน” สาขา “เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์” จาก ฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น นับเป็นเกียรติประวัติอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนไทยอย่างเต็มตัวและหัวใจที่มีจิตเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างจริงใจ ทำให้ทางรัฐบาลต้องจัดทำรางวัลนี้มอบให้ท่าน สำหรับการดำเนินโครงการต่างๆ ในสมัยที่ท่านช่วยงานมูลนิธิ 5 ธันวามหาราชนั้น ท่านเป็นผู้หนึ่งที่ร่วมทำโครงการต่างๆ มากมาย ทั้งการเทิดทูนคำว่ามหาราชแด่องค์ในหลวง การทำโครงการจัดสร้างระฆังคู่ในหลวงพระราชินี ถวายในโอกาสครองคู่อย่างยาวนาน การเดินขบวนถวายพานพุ่มทีพระตำหนักสวนจิตรลดา และการจัดงานมหรสพที่ท้องสนามหลวงที่ยิ่งใหญ่ จนเป็นต้นแบบของการจัดงานมาจนถึงปัจจุบันนี้ แต่ท่านก็ยังถ่อมตัวว่าท่านเป็นผู้อยู่เบี้องหลังเท่านั้น ความสำเร็จจะไม่เกิดขึ้นได้ถ้าคนไทยไม่ร่วมมือกัน
ปัจจุบัน แม้ท่านจะมีอายุ 82 ปี ในปี 2553 นี้ ท่านยังได้รับการยอมรับจากนักจัดรายการต่างๆ ให้ท่านดำรงตำแหน่ง “นายกสมาคมนักจัดรายการวิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์” ซึ่งมีบทบาทอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ทำวิชาชีพในด้านนี้ เพราะต้องทำหน้าที่เป็นคนกลางให้ได้ในสภาวการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน
การดำรงตนตลอดชีวิตที่ผ่านมา ท่านยังไม่หยุดทำคุณประโยชน์ให้กับวงการศิลปิน และวงการบันเทิงของเมืองไทย ท่านยังเป็นผู้ที่จัดรายการ “นายมั่น นายคง” และพัฒนามาเป็นรายการ “ขิงแก่ กรุงสยาม” อยู่ในเคเบิลทีวีดาวเทียม รูปแบบการจัดรายการก็ยังเป็นในลักษณะการเมืองในปัจจุบัน และการเตือนสติคนไทยให้รู้รักสามัคคี และรักษาวัฒนธรรมประเพณีของไทย สมกับที่ท่านได้ดำรงตนมานานแล้วในเรื่องของความรักชาติ ทุกวันนี้ ท่านยังทำหน้าที่ของท่านในการให้ความรู้รักสามัคคีกับประชาชนและรักษามรดกไทย โดยไปจัดรายการขิงแก่กรุงสยามทุกวันจันทร์-ศุกร์ ส่วนในวันเสาร์ก็ยังไปช่วยงานต่างๆ ที่หน่วยงานอื่นๆ ขอมา และวันอาทิตย์ก็มีไปจัดรายการวิทยุอีก โดยหวังเพียงว่าให้คนไทยหันมาตระหนักถึงชาติบ้านเมืองเป็นสำคัญ