ผลต่างระหว่างรุ่นของ "บอลเชวิค"

{{รอการตรวจสอบ}}

 

เพื่อนสนิท และเพื่อนร่วมงานที่ใกล้ชิดคนหนึ่งของเลนิน

 

พวกบอลเชวิค มองเศรษฐกิจในแนวสัมคมนิยมสุดขั้ว และเชื่อในความเป็นสากลของชนชั้นกรรมาชีพ

พวกเขายึดหลักอำนาจเผด็จการพรรคเดียว และเป้าหมายสูงสุดเรื่องการปฏิวัติโลก พวกเขาปฏิเสธความ

 

 

การแตกคอกันของเลนิน และมาร์ตอฟ มีขึ้นหลังจากที่เลนินเสนอว่า ควรจำกัดสมาชิกพรรคให้เป็นเฉพาะนักปฏิวัติมืออาชีพเท่านั้น แต่มาร์ตอฟไม่เห็นด้วย เบื้องแรก กลุ่มของเลนิน ถูกเรียกว่ากลุ่มแข็ง ซึ่งหมายถึงมีท่าทีที่แข็งกร้าวในเรื่องนี้ และกลุ่มของมาร์ตอฟ เรียกกันว่า กลุ่มอ่อน จากท่าทีที่อ่อนโอนมากกว่ากลุ่มของเล

นิน แต่ต่อมา ก็เรียกกันว่า บอลเชวิค และ เมนเชวิค เนื่องจากเลนินมีผู้สนับสนุนมากกว่าเล็กน้อย และการที่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถหาเสียงสนับสนุนอย่างเด็ดขาดได้ ในที่สุดในการประชุมครั้งนั้น ก็มีการแยกกันเป็น 2 มุ้งชัดเจน

ครั้งที่ 3ด้านเมนเชวิค ก็จัดการประชุมขึ้นโต้ตอบมาบ้าง และนั่นก็เป็นการแบ่งแยกกลุ่มกันอย่างเป็นทางการ

 

หลังการปฏิวัติรัสเซีย ปี 1905 พรรค RSDLP ได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองในรัฐสภารัสเซีย และทั้งสองมุ้งในพรรคมีความพยายามที่จะกลับมารวมกลุ่มกันหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ และได้แยกตัวกันอย่างถาวรในเดือนมกราคม 1912 เมื่อบอลเชวิค จัดการประชุมใหญ่เฉพาะกลุ่มที่ [[ปราก]] และประกาศขับ เมนเชวิคออกจากพรรค การแบ่งเป็นมุ้งภายในพรรค RSDLP จึงไม่มีอีกต่อไป และพวกบอลเชวิคก็ประกาศตัว

เป็นพรรคอิสระ ที่มีชื่อว่า RSDLP ( บอลเชวิค )

ปฏิวัติเดือนตุลาคม 1917 สถาปนารัสเซียเป็นประเทศสังคมนิยมประเทศแรกของโลก และต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น [[สหภาพโซเวียต]]

 

เป็นสหภาพโซเวียต และพรรคไม่ได้ครอบคลุมเฉพาะคนรัสเซียเท่านั้น ในการประชุมใหญ่พรรคครั้งที่ 19

ปี 1952 พรรคจึงเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็นพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียต และใช้ต่อมาจนสหภาพโซเวียตล่มสลาย

[[fi:Bolševikit]]

[[fr:Bolchevik]]

[[gl:Bolxevique]]

[[he:בולשביזם]]