ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กินรีไมมัส"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Thijs!bot (คุย | ส่วนร่วม)
โรบอต เพิ่ม: pt:Kinnareemimus khonkaenensis
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 15:
}}
 
'''กินรีไมมัส''' ([[Kinnareemimusภาษาอังกฤษ]] : Kinnareemimus) เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นมาอย่างไม่เป็นทางการของไดโนเสาร์สกุลหนึ่งที่ยังไม่ได้รับการบรรยายลักษณะ ([[โนเมน นูดัม]]) ของไดโนเสาร์[[เทอร์โรพอด]]พบในหินทราย[[หมวดหินเสาขัว]][[ยุคครีเทเชียส]] จากหลุมขุดค้นที่ 5 [[อุทยานแห่งชาติภูเวียง]] [[อำเภอเวียงเก่า]] [[จังหวัดขอนแก่น]] ลักษณะกระดูกที่ได้มีความละม้ายคล้ายคลึงกับไดโนเสาร์พวก[[ออร์นิโถมิโมซอเรียน]] หลักฐานที่พบเป็นเพียงกระดูกอุ้งตีนข้อที่สามที่มีสภาพที่ไม่สมบูรณ์แต่มีลักษณะของพินชิ่งด้านข้างที่เด่นชัดซึ่งพบได้ใน ออร์นิโถมิโมซอร์ ไทรันโนซอรอยด์ ทรูดอนติดส์ และ ครีแนกนาธิดส์ หากมีอายุยุคครีเทเชียสตอนต้นจริง จะถือว่าเป็นออร์นิโถมิโมซอร์รุ่นแรกๆที่มีความเก่าแก่กว่าที่เคยพบเห็นมา ชื่อกินรีไมมัส ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกโดย [[ริวอิชิ คาเนโกะ]] ([[Ryuichi Kaneko]]) ด้วยชื่อว่า "Ginnareemimus" ในปี ค.ศ. 2000 ทั้งนี้ยังไม่ถือว่าเป็นสิ่งตีพิมพ์ทางวิชาการ
 
ต่อมา Buffetaut et al, 2009 ได้ศึกษากระดูกหลายชิ้น ประกอบด้วยกระดูกหัวหน่าว กระดูกขาหลังท่อนล่าง กระดูกน่อง กระดูกฝ่าตีน และกระดูกนิ้ว จากหลุมขุดค้นที่ 5 ในอุทยานแห่งชาติภูเวียงพบว่าเป็นไดโนเสาร์พวก Ornithomimosaur เป็นสกุลและชนิดใหม่และได้ตั้งชื่อว่า Kinnareemimus khonkaenensis (กินรีไมมัส ขอนแก่นเอนซิส) การค้นพบสกุลและชนิดใหม่ในยุคครีเทเชียสตอนต้นนี้กล่าวได้ว่า ornithomimosaur รุ่นถัดๆมาอาจมีถิ่นกำเนิดและแพร่กระจายพันธุ์ไปทั่วเอเชีย
 
'''กินรีไมมัส''' มาจากชื่อสิ่งมีชีวิตในเทพนิยายไทยซึ่งมีชื่อเรียกว่า ''[[กินรี]]''
== อ้างอิง ==
 
== อ้างอิง ==
* [[วิฆเนศ ทรงธรรม]] และ [[เบญจา เสกธีระ]] (2549) ''ไดโนเสาร์ภูเวียง เจ้าฟ้าสิรินธร'' กรมทรัพยากรธรณี กรุงเทพมหานคร 100 หน้า
* Buffetaut, E., Suteethorn, V., and Tong, H. (2009) An early 'ostrich dinosaur' (Theropoda: Ornithomimosauria) from the Early Cretaceous Sao Khua Formation of NE Thailand, pp. 229-243 in E. Buffetaut, G. Cuny, J. Le Loeuff, and V. Suteethorn (eds) Late Paleozoic and Mesozoic Ecosystems in SE Asia. The Geological Society, London, Special Publications, 315, 229-243 DOI: 10.1144/SP315.16.