ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เฮาส์ (แนวดนตรี)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Hogkany (คุย | ส่วนร่วม)
แปลเป็นไทยจากhttp://en.wikipedia.org/wiki/House_music
Hogkany (คุย | ส่วนร่วม)
ประวัติ
บรรทัด 98:
ในประเทศอังกฤษการเจริญเติบโตของแนวดนตรีเฮาส์สามารถแบ่งออกมาได้เป็นช่วงของเพลง 'ซัมเมอร์ ออฟ เลิฟ' ในปี 1988/9 เฮาส์ปรากฏตัวอยู่ในอังกฤษนานพอๆกับที่ปรากฏตัวอยู่ในชิคาโก เฮาส์เริ่มโตมาจากอังกฤษตอนเหนือก่อนจะลงมายังตอนกลางและตอนตะวันออกเฉียงใต้ตามลำดับ แนวดนตรีเฮาส์พบเมื่อปี 1982 โดยแฟกตอรี เร้กคอร์ท เดอะ ฮาเซียนดาในเมืองแมนเชสเตอร์กลายมันเป็นส่วนขยายของแนวเพลงประเภท[[นอร์ทเทิร์นโซล]]และถือว่าเป็นหนึ่งในบรรดาเพลงเต้นหลักๆของคลับในอังกฤษ
 
คลับเริ่มถึงคราวประสบปัญหาในปี 1986คลับเริ่มเจอปัญหาครั้งใหญ่เมื่อจำนวนฝูงชนจำนวนมากเริ่มขยายออก โตขึ้นเรื่อยๆเมื่อไรก็ตามที่ดีเจประจำคลับอย่าง พิกเกอรฺ์ริ่ง, ปาร์คและดา ซิลวาเริ่มเล่นแนวดนตรีเฮาส์ สถานที่พบปะผู้คนแบบใต้ดินและค่ำคืนแห่งดีเจย์เริ่มแพร่กระจายไปทั่วทุกสารทิศในสหราชอาณาจักรดังตัวอย่างเช่น ปาร์ตี้ส่วนตัวที่จัดขึ้นโดย มิส มันนี่เพนนียุคเริ่มแรกในเบอร์มิ่งแฮมและหลายๆสถานที่พบปะผู้คนในลอนดอน แนวดนตรีเฮาส์ถูกเผยแพร่ในประเทศอังกฤษโดยจากการทัศนาจรในปีเดียวกันกับนักเกิ้ลส์, เจฟเฟอร์สัน, ฟิงเกอร์ส อิงซ์(เฮิร์ด)และอโดนิสที่ได้จัดการทัศนาจรดีเจย์นานาชาติ หนึ่งในทำนองเพลงสดุดีของยุคเริ่มแรกอย่าง 'พรอมิสต์ แลนด์'โดยโจ สมิธถูกนำมาร้องใหม่และติดชาร์ตภายในหนึ่งอาทิตย์โดย เดอะ สไตล์ เคาน์ซิลและติดชาร์ตภายในหนึ่งอาทิตย์ ทำนองเพลงเฮาส์แบบอังกฤษออกมาครั้งแรกเมื่อปี 1986ซึ่งได้แก่ 'คาริโน' โดย ที-คอย ชาวยุโรปต่างอ้าแขนรับนิยมชมชอบเฮาส์เข้าสู่อ้อมอกและเริ่มจองดีเจเฮาส์ชาวอเมริกันแห่งตำนานมาเล่นในคลับใหญ่ๆเช่น มินิสทรี ออฟ ซาวน์ที่ซึ่งดีเจประจำอย่างดีเจฮาร์เวย์ได้ดึงเอาแลร์รีย์ ลีแวนเข้ามา
 
เมืองเบอร์มิ่งแฮม, แมนเชสเตอร์และลอนดอนต่างเปิดแนวดนตรีเฮาส์ตามสถานีเพลงใต้ดินอันผิดกฏหมายโดยดีเจจำเป็นที่ช่วยสันบสนุนแนวเพลงประเภทนี้ซึ่งเป็นนิยมชมชอบแต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากกระแสดนตรีหลัก หนึ่งในค่ายเพลงเฮาส์และเทคโนอังกฤษที่เก่าแก่ที่สุดและมีอิทธิพลที่สุดในยุคนั้นคือ เนตเวิร์ค เร้กคอร์ท หรือที่รู้จักกันในนาม คูล แคท เร้กคอร์ทผู้ซึ่งมีส่วนช่วยในการแนะนำเพลงเต้นรำแบบอาตาเลียนและอเมริกันรวมทั้งการโปรโมตเพลงเต้นแบบอังกฤษแก่ชาวอังกฤษ
 
เฮาส์ยังถูกพัฒนาที่อิบิซาอีกด้วย ในช่วงทศวรรษที่ 1970 ได้มีการขัดขวางการจัดปาร์ตี้ที่มีคนหมู่มาก ช่วงกลางทศววษที่ 1980 เฮาส์แบบบาเลริกมิกซ์ได้เกิดขึ้น หลายๆคลับอย่างแอมนีเชียมีดีเจ อัสฟรีโด้ที่คอยเปิดเพลงมิกซ์ของร็อค,ป๊อป,ดิสโก้และเฮาส์ คลับเหล่านี้ที่ซึ่งถูกเสริมเติมเชื้อเพลิงแห่งความปิติยินดีด้วยเสียงเพลงที่มีความเป็นเอกลักษณ์เริ่มจะมีอิทธิพลต่อวงการอังกฤษ ในช่วงปลายปี 1987 ดีเจพอล โอเคนโฟลและแดนนี่ แรมปลิ้งต่างเริ่มนำเอาเสียงอิบิซาไปใช้ในคลับอังกฤษอย่าง ฮาเซียนดาในแมนเชสเตอร์และคลับในลอนดอน เช่น ชูมในเซาท์วาร์ค, เฮเว่น, ฟิวเจอร์และสเปคตรัม
 
ในสหรัฐอเมริกาดนตรีต่างถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเพืื่อสร้างเสียงที่มีความยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น มันรุดหน้าไปไกลกว่าแค่กลองเสียงและแซมเปิ้ลสั้นๆ ที่นิวยอร์คนักแสดงอย่างมาติโนแอนด์มาโตสและเบลสได้สร้างดิสโก้เฮาส์ที่ข้ามไป-มาระหว่างเพลง ในชิคาโกมาแชล เจฟเฟอร์สันได้ฟอร์มกลุ่มเฮาส์ชื่อ เท็น ซิตี้(ที่มาจากคำว่า อินเท็นซิตี้)ขึ้น ในดีทรอยต์ เสียงดนตรีแบบโปรโต-เทคโนเริ่มปรากฏในการบันทึกเพลงของฮวน แอทคินส์, เดอร์ริก เมย์และเควิน ซวนเดอร์สัน
 
แอทคินส์ สมาชิกผู้ก่อตั้ง ไซบอตรอน ได้ออกอัลบั้มที่ชื่อ โมเดล500 กับงานเพลง 'โน ยูเอฟโอ' ในปี 1985ซึ่งต่อมากลาบเป็นเพลงฮิตระดับภาคตามด้วยเพลงอีกเป็นโหลบน ทรานสแมท, เมโทนเพล็กซ์และฟราจาย หนึ่งในบรรดาเพลงที่แปลกประหลาดสุดคือเพลง 'สตริงส์ ออฟ ไลฟ์' โดย เดอร์ริก เมย์ ซึ่งเป็นแนวเพลงเฮาส์ที่ฟังดูมืดมนและตรึงเครียดมากขึ้น 'เทคโน-สแครช' ที่ปล่อยออกมาโดย เดอะ ไคน้ท์ ออฟ เดอะ เทิร์นอะเบิล ในปี 1984 มีเสียงเทคโนที่คล้ายคลึงกับ ไซบอตรอน ผู้จัดการของไน้ท์คลับ แฟคตอรี่, โทนี่ วิลสันเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ช่วยโปรโมตวัฒนธรรมทางดนตรีแนวเอซิดเฮาส์บนรายการทีวีประจำสัปดาห์ของเขา เดอะ มิดแลนด์ยังน้อมรับเอาเฮาส์ในยุคปลายทศวรรษที่ 1980 เข้ามารใช้กับสถานที่ชุมนุมคนใต้ดิน เช่น อาคารจอดรถและสถานีเต้นรำที่ถูกกฏหมายอย่าง สถาบัน ดิ๊กเบธ(ปัจจุบันคือ 'เดอะ ซังชัวรี่' บ้านของซันดิสเซนทัล)
 
===สหรัฐอเมริกา: ปลายทศวรรษที่ 1980 - ต้นทศวรรษที่ 1990===
 
กลับไปที่สหรัฐอเมริกาเรื่องราวชองเฮาส์ยังไม่ได้ไปไหนไกลเกินกว่าการเป็นคลับจำนวนเล็กๆในชิคาโก, ดีทรอยต์, นิวยอร์คและนิว เจอร์ซี่ พาราไดส์ การาจในนิวยอร์คยังคนเป็นคลับลำดับต้นๆแม่ว่าเข้าจะได้ ท็อดด เทอร์รี่ ผู้ซึ่งงานโคเวอร์ของเขาที่นำเอา 'คลาส แอ็กชั่น' ของแลร์รี่ ลีแวนมามิกซ์กับ 'วีคเก้น' โดยสาธิตแบบต่อเนื่องจากดิสโก้ใต้ดินไปเป็นเสียงเฮาส์แบบใหม่ที่ได้รับอิทธิพลจากฮิพฮอพในเรื่องของการแซมเปิ้ลที่เร็วขึ้นและไลน์เบสที่หยาบๆ เมื่อฮิพฮอพได้กลายเป็นเพลงที่ควรเล่นวิทยุทางเลือกอื่นที่เหลืออยู่คือร๊อค คันทรี่ หรือ อาร์แอนด์บี
 
อิทธิพลอื่นที่มากจากนิวยอร์คจะเป็นพวกฮิพฮอพ, เร้กเก้และสังคมชาวละติน หลายๆโปรดิวเซอร์และดีเจยักษ์ใหญ่อย่างอีริค โมริโย, โรเจอร์ ซานเชสซ์, จูเนียร์ วาสเกซ, แดนนี่ เตนักเลียและโจนาธาน ปีเตอร์ส ต่างเริ่มปรากฏตัวด้วยเสียงที่มีความเจ๋งอันทำให้เกิดวิวัฒนาการในแนวเพลงประเภทอื่นเป็นครั้งแรก(ทริบอลเฮาส์, โปรเกรสซีฟเฮาส์และฟังกี้เฮาส์) โปรดิวเซอร์เช่น มาสเตอร์ส แอท เวิร์ค และ เคอรี่ แชนเดลอร์เริ่มนำทางเสียงที่ฟังเป็นการาจมากขึ้นซึ่งได้ถูกหยิบยืมมาใช้โดย'บุคคลภายนอก'จากโลกของแจ๊ส, ฮิพฮอพและพวกดาวน์บีทหรือแม้กระทั่งพวกที่คลั่งไคล้เฮาส์ด้วยกัน
 
ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1980 นู กรู๊ฟ เร้กคอร์ดได้ยืดเวลาออกไปโดยการไม่ปล่อยงานของ เรจิ บูเรลและราโน่ บูเรลหรือที่รู้จักกันภายใต้ชื่อ บูเรลพร้อมๆกันกับพวกดีเจย์และโปรดิวเซอร์ที่มีความเกี่ยวเนื่องกันในสถานที่ใต้ดินของนิวยอร์ค บูเรลเป็นผู้รับผิดชอบเสียงแบบใต้ดินของนิวยอร์คและยังเป็นแชมป์ที่โต้เถียงไม่ได้เลยของเฮาส์สไตล์นี้ กว่าสามสิบเพลงที่ปล่อยออกมาภายใต้ชื่อของพวกเขาเป็นเหมือนหลักฐานแห่งความสำเร็จ ในปัจจุบันนู กรู๊ฟ เร้กคอร์ทยังคงปล่อยงานเพลงของบูเรลออกมาสู่ตลาดซึ่งทำเงินได้สูงกว่า 100ดอลล่าร์ต่อแผ่นในตลาดเปิดอีกด้วย
 
เพลงสวดวิงวอนและอาร์แอนด์บีได้ส่งอิทธิพลไปยังงานของ อลิ-อัสอย่างเพลง 'ไทม์ พาส ออน'(ทำนอง) ในปี 1993และ 'ฟอลโล่ มี'เป็นอันดับต่อมาซึ่งได้รับการเปิดทั้งทางวิทยุและในคลับ อีกหนึ่งงานฮิตของอเมริกาที่ได้รับเล่นในวิทยุคือซิงเกิ้ลอย่าง 'ไทม์ ฟอร์ เดอะ เพอร์คูเลเตอร์' โดย คาจเมร์ซึ่งต่อมากลายเป็นต้นแบบของแนวเพลงย่อยอย่าง[[เก็ตโต้เฮาส์]] คาจเมร์เป็นผู้ริเริ่ม เดอะคาจวล แอนด์ รีลีฟ เมื่อต้นทศวรรษที่ 1990 ศิลปินใหม่ๆเฮาส์ของชิคาโกได้เกิดขึ้นอย่างดีเจ ฟังก์ผู้จัดการงานบันทึกเสียงของชิคาโกที่เรียกว่า แดนซ์ มาเนียซึ่งจะส่งเสริมเก็ตโต้เฮาส์เป็นหลัก เก็ตโต้เฮาส์และเอซิดเฮาส์เป็นแนวเพลงย่อยของเฮาส์ที่ถือกำเนิดขึ้นในชิคาโก
 
===ยุคปลายทศวรรษที่ 1980 - ทศวรรษที่ 1990===
 
ในอังกฤษได้มีการทดลองแนวดนตรีประเภทนี้มากขึ้น เฮาส์และเรฟคลับอย่าง ลาโคต้า, มิส มันนี่เพนนี'ส์และครีมปรากฏตัวทั่วประเทศอังกฤษเพื่อเป็นผู้อุปถัมภ์งานเฮาส์และงานเต้นรำต่างๆ แนวความคิด'การชิลเอ้าท์'ถูกพัฒนาขึ้นที่ประเทศนี้ด้วยอัลบั้มของ[[แอมเบี้ยนเฮาส์]]อย่าง เดอะ เคแอลเอฟ'ส์ ชิลเอ้าท์ และ อะนาลอก บับเบิ้ลบาธ โดย เอเพล็กซ์ ทวิน
 
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองการเต้นแนวๆแบบใหม่ได้เกิดขึ้น ในนิวยอร์ควงดนตรีอย่าง ดี-ไลท์ ได้ขยายอิทธิพลของเฮาส์ต่อนานาชาติ สองแนวเพลงที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจในยุึคนี้ได้แก่ 'ลิตเติ้ล ฟลัฟฟี คลาวด์ส'ของออบซึ่งได้แซมเปิ้ลเสียงอันเป็นเอกลักษณ์จาก ริกกี้ ลี โจนส์และเพลงของ เดอะ แฮปปี้ มันเดย์อย่าง 'โร้ท ฟอร์ ลักค์ (รฟล)'ซึ่งภายหลังถูกนำมาแปลงเป็นเพลงเต้นโดยพอล โอเคนโฟลด์
 
กฏหมายว่าด้วยกระบวนการยุติธรรมและความสงบเรียบร้อยของประชาชนของประเทศอังกฤษฉบับปี 1994 กล่าวถึงการที่รัฐบาลพยายามจะแบนงานเต้นรำแบบเรฟที่เล่นเพลงประเภทที่มีบีทซ้ำๆกันโดยมีการสาธิตการ'ตัดบิล'ซึ่งไร้ผลเป็นจำนวนมาก แม้ว่าบิลจะกลายมาเป็นกฏหมายในเดือนพฤศจิกายนปี 1994 แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ดนตรียังคงเติบโตและเปลี่ยนแปลงต่อไปเรื่อยๆยิ่งเมื่อได้เกิดปรากฏการณ์ทางดนตรีอย่างพวก เลฟฟิวด์กับงาน 'รีลีส เดอะ เพลสเชอร์'ซึ่งได้นำ[[ดับ]]และ[[เร้กเก้]]เข้ามาในแนวเพลงเฮาส์ ในการบันทึกเสียงเพื่อการค้าได้มิกซ์เอาอาร์แอนด์บีเข้ากับไลน์เบสที่เข้มขึ้น เฮาส์ได้ถูกหล่อหลอมด้วยอิทธิพลหลายอย่างรวมไปถึงวัฒนธรรมทางคลับ อย่างดิสโก้คลับในช่วงทศวรรษที่ 1970 เฮาส์คลับก็ได้ข้องเกี่ยวกับยาเสพติดจำนวนมหาศาลที่บรรดานักเต้นใช้กันเพื่อเพิ่มบรรยากาศและประสบการณ์ทางการเต้นเช่น อามิล ไนเตรด, เอ็มดีเอ็มเอ, เคตามินและแอลเอสดี
 
คลับรุ่นใหม่ๆอย่าง มิส มันนีเพนนี'ส์, ครีมของลิเวอร์พูล(ไม่ใช่คลับใต้ดินที่ชื่อ ซี.อาร์.อี.เอ.เอ็ม)และ เดอะ มินิสทรี ออฟ ซาวน์ได้เปิดขึ้นเืพื่อเป็นสถานที่สำหรับเพลงเพื่อการค้า ค่ายเพลงใหญ่ๆหลายค่ายเริ่มเปิด ซุปเปอร์คลับ ขึ้นเพื่อโปรโมตงานของพวกเขา สามซุปเปร์คลับใหญ่ๆเริ่มได้รับการสปอนเซอร์โดยอาหารประเภทฟาสฟู้ด, เครื่องดื่มอัดลมและบริษัทเสื้อผ้า ใบปลิวของคลับต่างๆในอิบิซาเริ่มใส่โลโก้จองบริษัทต่างๆเข้าไป แนวเพลงย่อยแนวใหม่อย่าง [[ชิคาโกฮาร์ดเฮาส์]]ถูกพัฒนาขึ้นโดยดีเจเช่น แบด บอย บิล, ดีเจ ลินวู้ด, ดีเจ ไอรีณ, ริขาร์ด 'ฮัมป์ตี้' วิชชั่นและดีเจเอ็นรี่โดยมิกซ์เอาชิคาโกเฮาส์, ฟังกี้เฮาส์และฮาร์ดเฮาส์เข้าด้วยกัน
 
ย่างเข้าช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 ก้าวสู่ทศวรรษที่ 2000 โปรดิวเซอร์อย่าง ดาฟ พังค์, แคสสัส, เซนต์. เจอร์เมนและดีเจ ฟอลคอน เริ่มผลิตเสียงแนวใหม่ออกมาจากเฮาส์ของปารีส พวกเขาได้วางฐานงานเอาไว้เพื่อสิ่งที่รู้จักกันในนาม การเคลื่อนไหวของเฮาส์แบบฝรั่งเศส โดยการรวบรวมเอา ปรัชญาแบบ'เหลี่ยมคมที่ชัดขึ้นแต่ยังคงซึ่งความเป็นโซล'ของชิคาโกเฮาส์กับเสียงดนตรีของเพลงฟังก์และดิสโก้จากยุค 1970 การก้าวหน้าพัฒนาระดับสูงสุดในช่วงเวลาหนึ่งนั้นของเทคนิคกระบวนการผลิต(อย่างสิ่งบางอย่างอาจล้ำสมัยจึงไม่เป็นที่ยิสมในกระแสดนตรีหลัก)รวมไปถึงเสียงจากเครื่องสังเคราะห์เสียงแบบอะนาลอก พวกเขาได้เริ่มสร้างมาตรฐานเพื่อที่จะได้คลอบคลุมแนวเพลงเฮาส์ที่จะถูกสร้างขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาฟ ฟังก์ที่ช่วยในเรื่องของความก้าวหน้าของประเภทเพลงในหลายๆด้านรวมไปถึงการที่พวกเขาได้นิยามการแสดงของเฮาส์ขึ้นมาใหม่ ก่อนที่พวกเขาจะปรากฏตัวดนตรีอิเลคโทรนิคส่วนใหญ่โดยเฉพาะเฮาส์และอีดีเอ็มที่ดีเจได้นำมาแสดงมักจะถูกสร้างขึ้นในสตูดิโอ วางกดลงไปในไวนิลแล้วนำมาเล่นบนระบบเสียงขนาดยักษ์อย่างไรก็ตามในช่วงเดบิวท์ทัวร์ของพวกเขา ดาฟ พังค์เลือกที่จะนำสตูดิโอของพวกเขาไปด้วยแล้วแสดงสดทุกเพลงบนเกียร์แบบอะนาลอก100เปอร์เซ็นต์ จวบจนปัจจุบันนี้พวกเขายังคงใช้เครื่องมือบางอย่างที่พวกเขาได้เคยใช้ในการแสดงทัวร์ครั้งนั้น
 
===เมื่อป๊อปก้าวเข้าสู่เฮาส์===
 
แม้แนวดนตรีเฮาส์จะหนักไปทางการเต้นแต่เฮาส์ก็เริ่มก้าวเข้าสู้วงการเพลงป๊อปในช่วงปลายทศวรรษที่ 1980ด้วยดนตรีแนวเฮาส์สไตล์ใหม่ที่รู้จักกันดีว่า [[ป็อปเฮาส์]] ดนตรีเฮาส์กับป๊อปได้กลายเป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงปี 1987-1989กับศิลปินอย่าง ครัช, โคลคัต, แย๊ส, เพนท์เฮาส์4, ป๊อปสตาร์, บอมบ์ เดอะ เบส, เอส-เอ็กซ์เพลสและแบล๊คบ๊อกซ์ซึ่งเป็นกลุ่มศิลปินแนวป็อปเฮาส์จากอิตาลี
.
===ศตวรรษที่ 21: ช่วงทศวรรษที่ 2000===
 
นายกเทศมนตรีของชิคาโก ริชาร์ด เอ็ม ดาเล่ย์ประกาศให้วันที่ 10 สิงหาคม 2005 เป็นวัน'รวมพลเฮาส์'เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองแนวดนตรีเฮาส์ครบ21ปี(ในความเป็นจริงคือ21ปีแห่งการก่อตั้งแืทร็กซ์ เร้กคอร์ท ) จากการประกาศครั้งนี้ได้ทำให้ชิคาโกได้เป็นที่จดจำว่าเป็น'ต้นกำเนิดของแนวดนตรีเฮาส์'และที่ว่าผู้สร้างสรรค์แนวเพลงนี้ขึ้นมา'ได้รับแรงบันดาลใจจากความรักที่มีต่อเมืองกับความฝันที่เชื่อว่าสักวันเพลงของพวกเขาจะกลายเป็นข้อความแห่งสันติภาพและการรวมเป็นหนึ่งเดียวของโลก' ดีเจอย่างแฟรงกี้ นักเกิ้ลส์, มาแชล เจฟเฟอร์สัน, พอล จอห์นสันและมิกกี้ โอลิเวอร์ต่างฉลองการประกาศในครั้งนี้ที่ เดอะ ซัมเมอร์ แดนซ์ ซีรีย์ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นโดยกระทรวงวัฒนธรรมของชิคาโก
 
กลางทศวรรษที่ 2000 ประเภทเพลงผสมอย่าง [[อิเลคโทรเฮาส์]], [[ดาร์กเฮาส์]], [[ฟิดเจ็ทเฮาส์]]และ[[เทคเฮาส์]]ได้ปรากฏขึ้น การผสมผสานแนวดนตรีครั้งนี้เกิดจากการข้ามสไตล์ทางดนตรีโดยศิลปินอย่าง เดนนิส เฟอร์เรอร์และบูก้า เชดด้วยสไตล์การผลิตที่มีวิวัฒนาการมาจากโซลฟูลเฮาส์ของนิวยอร์คที่มีอยู่ก่อนเก่าผนวกกับรากฐานใหม่ของเทคโน ดีเจต่างๆในวันนี้ต่างมีความสามารถในการผสมผสานแนวเพลงย่อยประเภทต่างๆของเฮาส์ด้วยการแชร์องค์ประกอบทางดนตรีที่ดีเยี่ยมเข้าด้วยกัน
 
เมื่อถึงช่วงปลายทศวรรษที่ 2000 แนวดนตรีเฮาส์ยังคงมีอิทธิพลต่อเพลงในคลับทั่วโลก ทั้งยังได้เห็นการกลับมาของเฮาส์ในกระแสแนวดนตรีหลักกับงานของโปรดิวเซอร์อย่าง จัสติน, เดวิด กูเอ็ตต้าและเบนนี่ บีนาซซิที่ทำให้เพลงเฮาส์ที่เบาขึ้น เจือจางลง มีความรู้สึกแบบยูโรแดนซ์กลับเข้ามาติดอเมริกัน ท๊อป 40 ชาร์ต ด้วยแนวดนตรีที่มั่นคงแต่เบาบางทำให้ประสบความสำเร็จท่ามกลางกระแสแนวดนตรีหลัก การพัฒนาทางแนวความคิดโดยโปรดิวเซอร์ของเฮาส์ได้ส่งผลกระทบไปยังโลกแห่งป๊อปและฮิพฮอพด้วย ด้วยการเปิดตัวของโวคอเดอร์และออโต้ทูนที่ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกโดยดาฟ พังค์รวมทั้งการเป็นที่นิยมโดยทั่วไปของสถานีทำเพลงแบบดิจิตอลและเทคนิคการผลิตแบบใหม่อย่างไซด์เชนนิ่งและเฮฟวี่ คอมเพรสชั่น เฮาส์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมทางดนดรีของอเมริกามากขึ้นและมากขึ้น
 
== ตัวอย่างเพลงแนวดนตรีเฮาส์ ==