ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฟรีดริช เอ็งเงิลส์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
VolkovBot (คุย | ส่วนร่วม)
โรบอต เพิ่ม: oc:Friedrich Engels
Pastman (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 6:
== ประวัติ ==
 
เองเงิลส์เกิดวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2363 ที่เมือง[[บาร์เมิน]] [[ปรัสเซีย]] เป็นบุตรของนักธุรกิจสิ่งทอที่มั่งคั่ง เขาเข้าศึกษาในวิทยาลัยแต่เรียนไม่สำเร็จเพราะปฏิเสธที่จะเข้าสอบและลาออกมาช่วยบิดาทำธุรกิจ ใน พ.ศ. 2384 เขาถูกเกณฑ์เป็นทหารและไปประจำการอยู่ที่[[เบอร์ลิน|นครเบอร์ลิน]]เป็นเวลาปีเศษ เขาสนใจศึกษาเกี่ยวกับกองทหารและยุทธศาสตร์การรบ
ซึ่งในเวลาต่อมาเขาก็ได้ถ่ายทอดความรู้ทางทหารดังกล่าวให้มาร์กซนำมาเขียนทฤษฏีการเมืองว่าด้วยอำนาจรัฐ โดยเขามีโอกาสพบและรู้จักมาร์กซเป็นครั้งแรกที่เมือง[[โคโลญ]] ใน พ.ศ. 2385 ในขณะนั้นมาร์กซเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ [[Rheinische Zeitung]] ได้ชักชวนเองเงิลส์ให้ช่วยเขียนบทความเพื่อตีพิมพ์ มิตรภาพที่เริ่มต้นด้วยตัวอักษรทำให้มาร์กซและเองเงิลส์เริ่มใกล้ชิดกันทางความคิด และระหว่าง พ.ศ. 2385 - 2387 เองเงิลส์ได้ส่งข้อเขียนและทัศนะความคิดเห็นที่แหลมคมทางการเมืองและสังคมให้กับหนังสือต่าง ๆ ที่มาร์กซจัดทำอยู่ไม่ขาดระยะ
 
ในปลายปี พ.ศ. 2385 เขาได้ย้ายไปอยู่อังกฤษและทำงานที่โรงงานสิ่งทอของบิดาสาขาเมือง[[แมนเชสเตอร์]] เขาเชื่อว่า ระบบอุตสาหกรรมของอังกฤษที่กำลังพัฒนาและขยายตัวอย่างรวดเร็ว จะทำให้ชนชั้นกรรมกรมีบทบาทและความสำคัญมากขึ้นทั้งกรรมกรจะเป็นพลังหลักของการปฏิวัติเพื่อสร้างสังคมใหม่ เขาจึงเข้าสังกัดกลุ่มปัญญาชนสังคมนิยม และสนับสนุนการเคลื่อนไหวของ[[ขบวนการชาร์ทิส]] (Chartism) ขณะเดียวกันเขาก็ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสภาวะความเป็นอยู่ของกรรมกรและผลกระทบของชุมชนที่สืบเนื่องจากระบบอุตสาหกรรมใน พ.ศ. 2387 เขาเรียบเรียงผลงานการค้นคว้าเป็นหนังสือสำคัญชื่อ ''Die Lage derarbeitenden Klasse in England'' (The Condition of the Working Class in England) โดยเขียนเป็นภาษาเยอรมันและพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกในดินแดนเยอรมันและนับเป็นงานเขียนคลาสสิกที่บุกเบิกแนวความคิดสังคมนิยมว่าด้วยชีวิตของกรรมกรอย่างละเอียด มาร์กซชื่นชมหนังสือเล่มนี้มาก เพราะทำให้เขาได้ข้อมูลว่าด้วยลักษณะและวิธีการทำงานของระบบทุนนิยมและบทบาทของอังกฤษในระบอบทุนนิยม
 
ในกลางปี พ.ศ. 2387 เมื่อเขาเดินทางมาฝรั่งเศสและมีโอกาสพบกับมาร์กซซึ่งขณะนั้นพำนักอยู่ที่ปารีส บุคคลทั้งสองถูกคอกันและในเวลาอันสั้นก็ได้กลายเป็นเพื่อนสนิทและคู่คิดทางปัญญาของกันและกัน และต่อมาเขาก็ได้ถอนตัวออกจากธุรกิจที่รับผิดชอบโดยมาช่วยมาร์กซทำงานค้นคว้าที่[[บรัสเซลส์]]และในดินแดนเยอรมัน งานเขียนร่วมกันชิ้นแรกของทั้งสองคือ ''The German Ideology'' งานเขียนเรื่องนี้ถือเป็นตำราแบบฉบับที่สำคัญเล่มหนึ่งของสำนักคิดมาร์กซิสต์
 
ในต้นปี พ.ศ. 2390 เขาและมาร์กซเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มสังคมนิยมที่รู้จักกันในชื่อ ''"สันนิบาตของผู้รักความเป็นธรรม"'' (League of the Just) ทั้งเขาและมาร์กซต่างมีบทบาทสำคัญในการชี้แนะทางความคิดและจัดทำโครงการปฏิบัติงานของสันนิบาตฯ ในการประชุมครั้งที่ 2 ของสันนิบาตฯ ในวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2390 ที่ประชุมมีมติให้เขาและมาร์กซร่วมเขียนร่างโครงการที่กำหนดสถานภาพและบทบาท ตลอดจนหลักนโยบายและการดำเนินงานของสันนิบาตเพื่อพิจารณา เขาเป็นผู้ยกร่างโครงการและมาร์กซแก้ไขปรับปรุงให้ชื่อว่า ''"หลักการลัทธิคอมมิวนิสต์"'' (Principles of Communism) แต่ที่ประชุมให้นำออกประกาศในชื่อ ''"[[แถลงการณ์พรรคคอมมิวนิสต์]]"'' (Communist Manifesto) ซึ่งพิมพ์เผยแพร่ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2391 ก่อนหน้าการปฏิวัติเดือนกุมภาพันธ์ในฝรั่งเศส 1 สัปดาห์ พร้อมกันนี้สันนิบาตของผู้รักความเป็นธรรมก็เปลี่ยนชื่อเป็น ''"สันนิบาตคอมมิวนิสต์"'' (Leagues of the Communist)
 
เมื่อเกิดการปฏิวัติ พ.ศ. 2391 ทั่วยุโรป เขาได้เดินทางกลับไปบาร์เมินเพื่อเคลื่อนไหวปฏิวัติ แต่ในเวลาอันสั้นก็ต้องลี้ภัยกลับมาอังกฤษอีกครั้งหนึ่งเนื่องจากการปฏิวัติในดินแดนเยอรมันล้มเหลว
 
ใน พ.ศ. 2393 เขากลับไปทำธุรกิจโรงงานสิ่งทอที่เมืองแมนเชสเตอร์อีกครั้ง เพราะตระหนักว่าเขาต้องมีรายได้ประจำเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว และจุนเจือมาร์กซที่กำลังศึกษาค้นคว้าเพื่อเขียนหนังสือเรื่อง "[[ทุน (หนังสือ)|ทุน]]" (Capital)
 
ใน พ.ศ. 2407 เขาเป็นผู้แทนสันนิบาตคอมมิวนิสต์เข้าร่วมประชุมใหญ่ครั้งแรกของ[[สมาคมกรรมกรสากล]] (International Workingmen's Association) ซึ่งต่อมามีชื่อเป็นที่รู้จักกันว่า ''องค์การคอมมิวนิสต์สากลที่ 1'' เขาได้รับเลือกเป็นกรรมการในคณะมนตรีทั่วไป
 
ในปลายปี พ.ศ. 2412 บิดาของเขาก็เสียชีวิต เขาจึงขายกิจการโรงงานสิ่งทอทั้งหมดและใน พ.ศ. 2413 ก็อพยพไปลอนดอนเพื่อใช้ชีวิตอิสระและเพื่อดูแลมาร์กซให้มีเวลาเขียนหนังสือเรื่อง "ทุน" ให้สำเร็จ ภายหลังมรณกรรมของมาร์กซ ใน พ.ศ. 2426 เขาได้ใช้ชีวิตในบั้นปลายของเขาเกือบ 12 ปี ในการรวบรวมงานเขียนต่าง ๆ ของมาร์กซมาเรียบเรียงโดยเฉพาะหนังสือเรื่องทุน เล่มที่ 2 และเล่มที่ 3 ซึ่งมากทำค้างไว้ออกเผยแพร่