ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พญาญี่บา"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{รอการตรวจสอบ}}
{{กล่องข้อมูล เชื้อพระวงศ์
| สีพิเศษ = #ffcc00
| สีอักษร = #8f5f12
| ภาพ =
| พระบรมนามาภิไธย =
| พระปรมาภิไธย = พระยายีบา
| วันพระราชสมภพ =
| วันสวรรคต =
| พระอิสริยยศ = พระมหากษัตริย์แห่ง[[อาณาจักรหริภุญชัย]]
| พระราชบิดา = [[พระยาโยทะ]]
| พระราชมารดา =
| พระอัครมเหสี =
| พระมเหสี =
| พระราชสวามี =
| พระราชโอรส/ธิดา = [[พระยาเบิก]]
| ราชวงศ์ = [[ราชวงศ์หริภุญชัย|หริภุญชัย]]
| ทรงราชย์ =
| พิธีบรมราชาภิเษก =
| ระยะเวลาครองราชย์ = [[พ.ศ. 1814]] – [[พ.ศ. 1836]] (22 ปี)
| รัชกาลก่อนหน้า = [[พระยาโยทะ]]
| รัชกาลถัดมา = ''สิ้นสุดราชวงศ์หริภุญชัย''
| วัดประจำรัชกาล =
}}
'''พระยายีบา''' เป็น[[กษัตริย์อาณาจักรหริภุญชัย]] พระองค์สุดท้าย
 
== ประวัติ ==
ในปี [[พ.ศ. ๑๘๐๕]] (จ.ศ. ๖๒๔) [[พระยามังราย]]ใด้สร้างเมือง[[เชียงราย]]ขึ้น และทรงเห็นว่า[[ลานนา]]ไทยแยกกันเป็นหลายวงศ์ ควรรวมกันเป็นแผ่นดินเดียวกันเสีย ดำริแล้วจึงยกทัพไปตีเมืองมอบไร เชียงคำ เชียงร้าง ฝาง เชียงของและเชิง ต่อมาจะตีเมืองลำพูน (หริภุญชัย) เพราะเป็นเมืองที่มั่งคั่ง แต่ขุนนางชื่อขุนฟ้า ค้านว่าเป็นการยากเพราะกำลังข้าศึกมีมากนัก ควรใช้อุบายยุยงให้แตกแยกกันเสียก่อน ครั้นแล้วพระยามังรายจึงทำอุบายเนรเทศขุนฟ้าออกจากเมืองฐานขบถ ขุนฟ้าจึงได้ไปรับราชการอยู่กับพระยายีบาเจ้าเมืองลำพูนนานถึง ๗ ปี และได้ทำอุบายต่างๆ ให้พระยายีบากดขี่ราษฎร จนชาวเมืองเกลียดชังพระยายีบา
'''พระยายีบา''' ได้ปกครองอาณาจักรหริภุญชัยต่อจากพระยาโยทะ ซึ่งพรียาโยทะได้ครองอาณาจักรนี้นานถึง 74 ปี เมื่อพระยาโยทะสิ้นพระชนม์ พระยายีบาจึงได้ปกครองอาณาจักรแห่งนี้ต่อ โดยเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ยใน[[อาณาจักรหริภุญชัย]] และเป็นจุดสิ้นสุดของราชวงศ์หริภุญชัยที่ปกครองมาตั้งแต่สมัย[[พระนางจามเทวี]]เป็นพระปฐมกษัตรีย์พระองค์แรก
 
== การขยายอำนาจของล้านนา ==
 
ในปี [[พ.ศ. ๑๘๐๕1805]] (จ.ศ. ๖๒๔624) [[พระยามังราย]]ใด้สร้างเมือง[[เชียงราย]]ขึ้น และทรงเห็นว่า[[ลานนา]]ไทยแยกกันเป็นหลายวงศ์ ควรรวมกันเป็นแผ่นดินเดียวกันเสีย ดำริแล้วจึงยกทัพไปตีเมืองมอบไร เชียงคำ เชียงร้าง ฝาง เชียงของ และเชิง ต่อมาจะตีเมืองลำพูน (หริภุญชัย) เพราะเป็นเมืองที่มั่งคั่ง แต่ขุนนางชื่อขุนฟ้า ค้านว่าเป็นการยากเพราะกำลังข้าศึกมีมากนัก ควรใช้อุบายยุยงให้แตกแยกกันเสียก่อน ครั้นแล้วพระยามังรายจึงทำอุบายเนรเทศขุนฟ้าออกจากเมืองฐานขบถ ขุนฟ้าจึงได้ไปรับราชการอยู่กับพระยายีบาเจ้าเมืองลำพูนนานถึง 7 ปี และได้ทำอุบายต่างๆ ให้พระยายีบากดขี่ราษฎร จนชาวเมืองเกลียดชังพระยายีบา
 
ครั้นแล้วด้วยอุบายของขุนฟ้าที่ประจบสอพลอพระยีบาทำให้ประชาชนเกลียดชัง พระยามังรายก็ได้ยกทัพไปตีเมืองลำพูนใด้โดยง่าย เมื่อได้อย่างง่ายดายในปี [[พ.ศ. ๑๘๒๔1824]] (จ.ศ. ๖๔๓643) พระยายีบาเสด็จหนีออกเมืองไปถึงดอยกลางป่าก็คิดนึกได้ที่เสียรู้ขุนฟ้าเป็นไส้ศึกให้พระยาเม็งรายก็เสียใจหลั่งน้ำตาร้องไห้ สถานที่น้ำตาตกนี้จึงมีชื่อว่า “ดอยพระยายีบาร้องไห้” มาจนทุกวันนี้<ref>[http://www.vcharkarn.com/varticle/259 วิชาการ.คอม - จามเทวี]</ref> ต่อมาพระยายีบาจึงหนีมาอยู่กับพระยาเบิกเจ้าเมืองลำปาง(เขลางค์) ผู้เป็นโอรส เวลาล่วงไป ๑๔14 ปี พระยาเบิกทรงช้างชือชื่อ ปานแสนพล ยกทัพไปหมายจะตีเมืองลำพูนคืนให้พระบิดา พระยามังรายให้เจ้าขุนสงครามทรงช้างชื่อแก้วไชยมงคลออกรับศึก ทั้งสองได้ทำยุทธหัตถีกัน ที่บ้านขัวมุงขุนช้าง ใกล้[[เวียงกุมกาม|เมืองกุมกาม]] พระยาเบิกถูกหอกแทงบาดเจ็บ และตีฝ่าวงล้องออกมาได้ จึงมาตั้งรับอยู่ที่ตำบลแม่ตาล เขตเมืองลำปาง ได้สู้รบกันเป็นสามารถผล ที่สุดทัพลำปางแพ้ยับเยิน เจ้าขุนสงครามจับกุมตัวพระยาเบิกแม่ทัพได้ และปลงพระชนม์เสียที่นี่ ดวงวิญญาณอันกล้าหาญเปี่ยมไปด้วยกตัญญูเวทิคุณนี้ จึงได้รับพระราชทานนามว่า "เจ้าพ่อขุนตาน" ฃึ่งสถิตอยู่ศาลอันศักสิทธิ์ แห่งนี้ (ที่มา จาก<ref>พงษาวดารโยนก ฉบับหอสมุดแห่งชาติ)</ref>
 
ครั้นแล้วพระยามังรายก็ยกทัพไปตีเมืองลำพูนใด้โดยง่าย เมื่อ [[พ.ศ. ๑๘๒๔]] (จ.ศ. ๖๔๓) พระยายีบาหนีมาอยู่กับพระยาเบิกเจ้าเมืองลำปาง(เขลางค์) ผู้เป็นโอรส เวลาล่วงไป ๑๔ ปี พระยาเบิกทรงช้างชือปานแสนพล ยกทัพไปหมายจะตีเมืองลำพูนคืนให้พระบิดา พระยามังรายให้เจ้าขุนสงครามทรงช้างชื่อแก้วไชยมงคลออกรับศึก ทั้งสองได้ทำยุทธหัตถีกัน ที่บ้านขัวมุงขุนช้าง ใกล้เมืองกุมกาม พระยาเบิกถูกหอกแทงบาดเจ็บ และตีฝ่าวงล้องออกมาได้ จึงมาตั้งรับอยู่ที่ตำบลแม่ตาล เขตเมืองลำปาง ได้สู้รบกันเป็นสามารถผล ที่สุดทัพลำปางแพ้ยับเยิน เจ้าขุนสงครามจับกุมตัวพระยาเบิกแม่ทัพได้ และปลงพระชนม์เสียที่นี่ ดวงวิญญาณอันกล้าหาญเปี่ยมไปด้วยกตัญญูเวทิคุณนี้ จึงได้รับพระราชทานนามว่า "เจ้าพ่อขุนตาน" ฃึ่งสถิตอยู่ศาลอันศักสิทธิ์ แห่งนี้ (ที่มา จากพงษาวดารโยนก ฉบับหอสมุดแห่งชาติ)
ศาลเจ้าพ่อขุนตานสร้างขึ้นเป็นที่สักการะแด่ดวงวิญญาณการสร้างวีรกรรม และความกตัญญูกตเวทิตาของพระยาเบิก โอรสของพระยายีบา แต่เดิมสร้างเป็นศาลเล็กๆ ต่อมามีการสร้างรูปหล่อเจ้าพ่อขุนตานและศาลขึ้นควบคู่กับศาลเดิม เพื่อให้ประชากรสักการะบูชา กราบไหว้
 
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}
http://www.guidescenter.com/message_board.php?msg_type=3&msg_id=820 (เป็นเว็บบอร์ด ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์)