ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ออร์แกน"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Nallimbot (คุย | ส่วนร่วม)
โรบอต แก้ไข: it:Organo (musica)
Preor (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
 
{{รอการตรวจสอบ}}
ออร์แกน (organ) เป็นเครื่องดนตรีตะวันตก ออร์แกนมีประวัติในการประดิษฐ์ที่ยาวนาน และมีความสำคัญควบคู่มากับศาสนาคริสต์เลย ทีเดียว ต้นกำเนิดเสียงของออร์แกนมาจากลม ซึ่งมีแหล่งกำเนิดหลายวิธีซึ่งในสมัยโบราณก็ต้องใช้แรงคนในการผลิตลม เมื่อลมถูกบังคับให้ไหลผ่านท่อที่มีขนาดต่างๆกันก็จะเกิดเสียงที่มีความถี่ แตกต่างกัน
[[ภาพ:Frankfurt Katharinenkirche Orgelprospekt 1990.jpg|thumb|ออร์แกนที่ Katharinenkirche, [[แฟรงก์เฟิร์ต]] [[ประเทศเยอรมนี]]]]
 
ออร์แกนได้รับฉายาว่าเป็นราชาแห่งเครื่องดนตรีตะวันตก เนื่องจากมีความซับซ้อนในการประดิษฐ์ และขนาดที่ใหญ่ ออร์แกนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่ แอตแลนติกซิตีคอนเวนชันฮอล ที่เมืองแอตแลนติกซิตี รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา ซี่งมีจำนวนไปป์ถึง 33,000 ไปป์
 
'''ออร์แกน''' (organ) เป็น[[เครื่องดนตรีตะวันตก]] ออร์แกนมีประวัติในการประดิษฐ์ที่ยาวนาน และมีความสำคัญควบคู่มากับ[[ศาสนาคริสต์]]เลยทีเดียว ต้นกำเนิดเสียงของออร์แกนมาจากลม ซึ่งมีแหล่งกำเนิดหลายวิธีซึ่งในสมัยโบราณก็ต้องใช้แรงคนในการผลิตลม เมื่อลมถูกบังคับให้ไหลผ่านท่อที่มีขนาดต่างๆกันก็จะเกิดเสียงที่มีความถี่แตกต่างกัน
 
ออร์แกนได้รับฉายาว่าเป็นราชาแห่งเครื่องดนตรีตะวันตก เนื่องจากมีความซับซ้อนในการประดิษฐ์ และขนาดที่ใหญ่ ออร์แกนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่ [[แอตแลนติกซิตีคอนเวนชันฮอล]] ที่เมือง[[แอตแลนติกซิตี]] [[รัฐนิวเจอร์ซีย์]] [[สหรัฐอเมริกา]] ซี่งมีจำนวนไปป์ถึง 33,000 ไปป์
 
ออร์แกน หรือ ที่เจาะจงโดยเฉพาะคือ ออร์แกนโบสถ์ (Church Pipe Organ) เป็นเครื่องดนตรีที่มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยโรมัน คำว่า Organ นั้น ก็มาจากภาษาละติน Organum ซึ่งเป็นชื่อเล่น ที่ใช้เรียกเครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อว่า Hydraulis เป็นเครื่องดนตรีประเภทคีย์บอร์ด ประดิษฐ์ขึ้นโดย Ctesibius of Alexandria ในราวคริสต์ศตวรรษที่ 3 เพื่อใช้เป็นเครื่องบรรเลงเวลามีการแสดงละครสัตว์หรือการต่อสู้ในสนามกีฬา โรมัน ซึ่งภาพของเครื่องดนตรีที่เรียกว่า Hydraulis นี้ เราสามารถพบได้ทั่วไปตามภาพฝาผนัง หรือภาพโมเสค หรือในวรรณกรรมสมัยโรมัน ในเวลาต่อมา เมื่อจักรวรรดิโรมันตะวันตกล่มสลายลงในราวคริสตศตวรรษที่ 5 จักรวรรดิโรมันตะวันออก หรือจักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine Empire) ก็ได้รับวัฒนธรรมการเล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้ติดมาด้วย และเนื่องจากจักรวรรดิไบแซนไทน์ เป็นจักรวรรดิที่นับถือคริสตศาสนา ดังนั้น เครื่องดนตรีนี้จึงได้มีบทบาทเข้าไปอยู่ในวัฒนธรรมการขับร้องเพลงสวดในโบสถ์ ทางคริสต์ศาสนานับแต่นั้นเป็นต้นมาก
 
 
ออร์แกน โบสถ์ นับแต่ยุคสมัยจักรวรรดิไบแซนไทน์ลงมา จนกระทั่งถึงปัจจุบัน มีหลักการที่ไม่แตกต่างกันมากนัก กระบวนการทำให้เกิดเสียง จะคล้ายกับเครื่องดนตรีประเภทเครื่องลม คือ มีการดันลมให้ผ่านท่อที่มีรูปทรงขนาดแตกต่างกัน แต่จะมีการใช้คีย์บอร์ดเป็นตัวบังคับช่องทางเดินของลมว่าจะให้ไปออกในท่อใด แล้วจะได้เสียงออกมาที่แตกต่างกัน ซึ่งท่อที่ใช้ในการสร้างออร์แกนนั้น อาจจะเป็นไม้ หรือโลหะ ก็ได้ ซึ่งจะส่งผลให้มีเสียงที่แตกต่างกัน และออร์แกนหนึ่งเครื่อง สามารถทำเสียงต่าง ๆ ได้เท่า ๆ กับเครื่องดนตรีหลายชิ้นมารวมกัน ดังนั้น ออร์แกนจึงเป็นเครื่องดนตรีสำเร็จรูปในตัวเอง สามารถเล่นได้ทั้งแนวทำนอง และแนวเดินเบส โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องดนตรีอื่นใด ดังนั้น ในสมัยก่อนนั้น ออร์แกนจึงถือเป็นเครื่องดนตรีที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในบรรดาเครื่อง ดนตรีทั้งปวง
 
แต่อย่างไรก็ดี จุดอ่อนที่สุดของออร์แกน คือ กระบวนการในการสร้างลมให้เข้าเครื่องดนตรีนั้น ยังคงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับนักดนตรีในสมัยก่อนอยู่ ดังนั้น การจะเล่นออร์แกนสักครั้งหนึ่งนั้น หมายความว่า จะต้องมีผู้ช่วยอย่างน้อย 1 คน มาช่วยสูบลมให้เข้าเครื่องอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสร้างภาระให้แก่ผู้ที่ไม่ใช่ผู้เล่นเป็นอย่างยิ่ง และถ้าไม่มีผู้ช่วยสูบลมแล้วก็จะเล่นไม่ได้เลย ซึ่งพัฒนาการของระบบการสูบลมเข้าออร์แกนนี้ จะมีการพัฒนามากขึ้นในยุคบาโร้ค เมื่อมีการสร้างออร์แกนขนาดมโหฬารขึ้น
 
แต่ อย่างไรก็ดี ในยุคแรก ๆ เช่น ในยุคกลาง และยุคเรอแนสซองส์ ออร์แกนจะมีขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก บางครั้งก็สามารถใช้เป็นเครื่องดนตรีประจำบ้าน หรือพกพาติดตัวไปไหนมาไหนก็ได้ เรียกว่า Portatif Organ หรือ Positive Organ ซึ่งเรามักจะพบได้เสมอในภาพเขียนทางศาสนา
 
 
ใน ยุคบาโร้ค ความนิยมในการเล่นออร์แกนได้รับสืบทอดมาจากยุคเรอแนสซองส์ โดยในช่วงแรกนั้น ออร์แกน ถือได้ว่าเป็นเครื่องดนตรีที่เป็นสัญลักษณ์ของโบสถ์ ดังนั้น การเล่นออร์แกนจึงเป็นการบรรเลงเพื่อประกอบการขับร้อง หรือการประกอบพิธีทางคริสต์ศาสนาเท่านั้น แต่ในเวลาต่อมา เมื่อความนิยมในการเล่นเพลงบรรเลงซึ่งเป็นเพลงทางโลกล้วน ๆ มีมากขึ้น คีตกวีหลาย ๆ ท่านซึ่งเป็นนักเล่นออร์แกนสำหรับบทเพลงทางศาสนาอยู่แล้ว ก็หันมาประพันธ์บทเพลงสำหรับบรรเลงด้วยออร์แกนล้วน ๆ บ้าง ยิ่งในช่วงเวลาดังกล่าว ออร์แกนมีพัฒนาการมากขึ้น เนื่องจากความต้องการของวัฒนธรรมบาโร้ค ที่ต้องการแสดงความยิ่งใหญ่ อลังการ หรูหรา สง่างาม ก็เป็นตัวผลักดันให้มีการคิดค้นและพัฒนาออร์แกนให้มีศักยภาพในการเล่นสูงมาก ขึ้น ทำให้เทคนิคในการเล่นแตกแขนงมากยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วย และเนื่องจากออร์แกนบาโร้คนั้น มี Function ต่าง ๆ มากมาย ทำให้เล่นยากมากขึ้น ดังนั้นจึงถือว่าผู้ที่เชี่ยวชาญการเล่นออร์แกนนั้น ถือว่าเป็นนักดนตรีที่มีความสามารถสูงมาก และจะไม่มีวันตกงาน เพราะตำแหน่งนักเล่นออร์แกนนั้นเป็นที่ต้องการของโบสถ์ทุกแห่งในยุโรป และมีอัตราเงินค่าจ้างค่อนข้างงามมากทีเดียวสำหรับในยุคนั้น
 
 
ออร์แกน โบสถ์ในยุคบาโร้คนั้น บริเวณหัวใจสำคัญในการควบคุมเสียง และการเล่น คือ บริเวณคีย์บอร์ด (Manuals) คันเหยียบ (Pedal) และ หมุดดึงสร้างเสียง (Stops) ซึ่งจะเรียกรวม ๆ กันว่า Console ซึ่งจะเห็นได้ว่า มีขนาดใหญ่มาก มีความหลากหลายและซับซ้อนวุ่นวายไม่แตกต่างจากห้องควบคุมเครื่องในเครื่อง บินเลยทีเดียว
 
หมุดดึงสร้างเสียง (Stops) เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยทำให้ออร์แกนสามารถสร้างเสียงที่หลากหลายประหนึ่ง มีวง Orchestra ทั้งวงมาบรรเลงอยู่ โดยใช้แค่นักดนตรีเพียงคนเดียว เพราะตัวหมุดดึงนั้น มีหน้าที่จะเลือกว่านักดนตรีต้องการใช้ท่อไหน เพื่อสร้างเสียงแบบใด เช่น หากต้องการเสียงแตรทรัมเป๊ต ก็จะดึงหมุดที่จะบังคับลมเข้าไปในท่อเสียงทองเหลือง หากต้องการเสียงฟลุ๊ต ก็จะดันหมุดแตรทรัมเป๊ต กลับเข้าไป แล้วไปดึงหมุดที่บังคับส่งลมเข้าไปในท่อเสียงไม้ เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่า ผู้เล่นออร์แกนโบสถ์ที่เก่ง ๆ นั้น นอกจากจะต้องมีทักษะในการเล่นคีย์บอร์ดแล้ว ยังจะต้องมีปฏิภาณความสามารถในการจินตนาการเสียง และความรวดเร็วว่องไวในการเลือกใช้หมุดบังคับเสียงอีกด้วย
 
 
 
ใน ยุคบาโร้คนั้น เป็นช่วงเวลาแห่งความสุนทรีย์ทางศิลปะในทุก ๆ แขนงมารวมกันอย่างผสมผสานกลมกลืน ทั้งด้านดนตรี สถาปัตยกรรม จิตรกรรม ประติมากรรม ดังนั้น ออร์แกนโบสถ์ (ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นส่วนควบสำคัญอย่างยิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับโบสถ์ทุก แห่ง ไม่ว่าจะเป็นนิกายโรมันคาทอลิก หรือโปรแตสแตนท์ก็ตาม) ในช่วงเวลาดังกล่าว จึงถูกสร้างขึ้นมาอย่างพิถีพิถันและประดับประดาอย่างหรูหรา วิจิตรบรรจงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับโบสถ์ ก่อนที่จะมีการสร้างออร์แกนโบสถ์แต่ละหลัง จะต้อประกอบด้วยความร่วมมือกันระหว่างช่างฝีมือหลายฝ่าย เช่น นักเล่นออร์แกน และนักสร้างออร์แกน ซึ่งจะทราบดีถึงศักยภาพของออร์แกน และความเหมาะสมในการใช้งาน, ช่างก่อสร้าง ซึ่งจะต้องประกอบออร์แกนเข้ากับผนังของโบสถ์โดยคำนึงถึงโครงสร้างทาง วิศวกรรม, สถาปนิก ซึ่งจะต้องออกแบบโครงสร้างออร์แกนให้สอดคล้องกับการประดับตกแต่งรายละเอียด อันวิจิตรบรรจงของภายในโบสถ์ ตลอดไปจนถึง ประติมากร ผู้ที่จะต้องออกแบบ และปั้นรูปประดับตกแต่งบนตัวออร์แกน ซึ่งออร์แกนที่เสร็จสมบูรณ์และสวยงามเหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาที่มีต่อศาสนา และสะท้อนถึงความสามารถในเชิงฝีมือช่างสาขาต่าง ๆ ที่มาร่วมกันสรรค์สร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่นี้ร่วมกัน.
 
 
 
{{คอมมอนส์|Category:Organs (music)|ออร์แกน}}