ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แฟร์ไชลด์รีพับลิค เอ-10 ธันเดอร์โบลท์ 2"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Elite501st (คุย | ส่วนร่วม)
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาดบทความด้วยบอต
บรรทัด 39:
 
===ความทนทาน===
[[Imageไฟล์:Kim campbell damage a10.jpg|thumb|right|เอ-10 ธันเดอร์โบลท์ 2 ลำนี้ได้รับความเสียหายอย่างมากจากการยิงในตอนที่มันอยู่เหนือแบกแดแในปฏิบัติการปลดปล่อยอิรักเมื่อต้นปีพ.ศ. 2546 แต่มันก็ยังสามารถบินกลับฐานได้]]
 
เอ-10 มีความคงทนเป็นเยี่ยม มันมีโครงสร้างที่แข็งแรงจนสามารถรอดจากกระสุนเจาะเกราะและระเบิดแรงสูงขนาด 23 ม.ม.ที่ยิงเข้ามาตรงๆ ได้ เครื่องบินมีความซับซ้อนถึงสามชั้นในระบบการบินของมัน ด้วยระบบกลไลที่คอยช่วยเหลือระบบไฮดรอลิกทั้งสอง สิ่งนี้ทำให้นักบินทำการบินและลงจอดได้เมื่อกำลังของไฮดรอลิกหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของปีกหายไป ในการบินโดยปราศจากกำลังของไฮดรอลิกจะใช้ระบบควบคุมด้วยมือ ในโหมดนี้เอ-10 จะสามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้สภาพที่เหมาะสมเพื่อบินกลับฐานและลงจอดถึงแม้ว่าพลังในการควบคุมจะต้องใช้มากกว่าปกติก็ตาม เครื่องบินถูกออกแบบให้บินได้ด้วยเครื่องยนต์เดียว หางเดียว และปีกที่เหลือครึ่งเดียวได้<ref>Henderson, Breck W. "เอ-10 'วอร์ธอง' เสียหายอย่างหนักในสงครามอ่าวแต่ก็รอดอีกครั้งหนึ่ง" ''Aviation Week and Space Technology'', 5 สิงหาคม พ.ศ. 2534</ref> ถังเชื้อเพลิงที่ผนึกตัวถูกป้องกันโดยโฟมที่ลดการจุดติดไฟ นอกจากนี้ล้อลงจอดหลักยังถูกออกแบบให้ลงจอดได้ถึงแม้ว่ามันจะกางออกมาได้เพียงครึ่งเดียวซึ่งทำให้มันต้องลงจอดด้วยท้องหรือแบบที่ไม่กางล้อนั่นเอง แต่ระบบของมันทำให้การลงจอดแบบดังกล่าวทำความเสียหายต่อส่วนท้องเครื่องบินให้น้อยที่สุด พวกมันยังมีบานพับที่ด้านหลังของเครื่องบินเพื่อหากว่ากำลังของไฮดรอลิกเสียหายนักบินจะได้ปล่อยล้อออกและผสมผสานแรงดึงดูดเข้ากับแรงต้านลมเพื่อเปิดล้อและล็อคล็อกมันให้เข้าตำแหน่ง
 
ห้องนักบินและส่วนของระบบควบคุมการบินถูกป้องกันโดยเกราะ[[ไทเทเนียม]]น้ำหนัก 408 กิโลกรัม มันถูกเรียกว่า"ถังไทเทเนียม<ref name="Jenkins_tub">Jenkins 1998, pp. 47, 49.</ref> ถังแบบนี้ถูกทดสอบให้ทนทานต่อการโจมตีจากปืนใหญ่ขนาด 23 ม.ม.และกระสุนขนาด 57 ม.ม.ได้<ref name="Jenkins_tub"/> มันทำมาจากแผ่นไทเทเนียมที่มีความหนาตั้งแต่ครึ่งนิ้วจนถึงหนึ่งนิ้วครึ่ง การป้องกันนี้ต้องแลกด้วยบางอย่าง ตัวเกราะเองนั้นมีน้ำหนักถึง 6% ของเครื่องบินทั้งลำ เพื่อป้องกันนักบินจากสะเก็ดระเบิดจากการปะทะของกระสุนที่กระทบเข้ากับส่วนเกราะ นักบินจึงถูกล้อมด้วยเกราะ[[เคฟลาร์]] กระจกครอบประกอบด้วยอาร์คริลิกแบบกันกระสุนที่สามารถทนทานต่ออาวุธขนาดเบาและป้องกันสะเก็ดระเบิด
บรรทัด 48:
 
===ขุมกำลัง===
มีเหตุผลมากมายสำหรับตำแหน่งที่ไม่ปกติของเครื่องยนต์เทอร์โบแฟนรุ่นทีเอฟ34-จีอี-100 ของเอ-10 ในตอนแรกนั้นเอ-10 ถูกคาดว่าจะบินออกจากฐานบินในแนวหน้าซึ่งมักจะเป็นทางวิ่งที่ไม่ได้มาตรฐานซึ่งทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อการที่มีสิ่งของเข้าไปทำลายเครื่องยนต์ ตำแหน่งที่สูงของเครื่องยนต์ลดโอกาสการที่ทรายหรือหินเข้าไปในเครื่องยนต์ มันยังทำให้เครื่องยนต์ทำงานตลอดทำให้ใช้เวลาในการซ่อมแซมหรือเติมกระสุนรวดเร็วขึ้น การบำรุงรักษาและการเติมกระสุนง่ายขึ้นด้วยปีกที่ต่ำซึ่งเป็นเพราะไม่มีเครื่องยนต์อยู่บนปีก ตำแหน่งดังกล่าวยังลดสัญญาณอินฟาเรด เพราะตำแหน่งที่สูงเครื่องยนต์จึงทำมุมได้ 90 องศาสร้างความสมดุลย์สมดุลกับศูนย์กลางของอากาศพลศาสตร์ของเครื่องบิน เครื่องยนต์ขนาดหนักต้องการยึดที่มากดังนั้นพวกมันจึงมีสลักสี่ตัวยึดเอาไว้กับโครงส้ราง<ref>{{cite book |last=Bell |first=Dana |title=A-10 Warthog in Detail & Scale |location=[[Blue Ridge Summit, Pennsylvania]] |publisher=TAB Books |year=1986 |isbn=0816850305 |page=64}}</ref>
 
ถังเชื้อเพลิงทั้งสี่อยู่ใกล้กับศูนย์กลางของเครื่องบินเพื่อลดความเป็นไปได้ที่มันจะถูกยิงหรือแยกออกจากเครื่องยนต์ ถังถูกป้องกันโดยเครื่องมือมากมาย ถังแยกออกจากลำตัวเครื่องบิน ดังนั้นกระสุนจะต้องเจาะทะลุผิวก่อนที่จะเข้าถึงถัง ระบบเติมเชื้อเพลิงถูกกำจัดหลังจากไม่มีเชื้อเพลิงส่วนใดที่ไม่ได้รับการปกป้อง ส่วนประกอบของระบบเชื้อเพลิงถังหมดอยู่ในถังดังนั้นหากน้ำมันรั่วมันก็จะไม่ไปไหน หากถังได้รับความเสียหายระบบวาล์วก็จะทำให้มั่นใจว่าเชื้อเพลิงจะไม่ไหลเข้าไปในส่วนบอบบาง ที่สำคัญไปกว่านั้นจะมีตาข่ายโฟมพิเศษอยู่ถังด้านในและด้านนอกของถังเพื่อกันเศษซากหล่นหากได้รับความเสียหาย ส่วนเครื่องยนต์ที่อาจติดไฟได้นั้นถูกป้องกันโดยระบบเชื้อเพลิงและส่วนที่เหลือก็จะติดตั้งด้วยอุปกรณ์ดับไฟและกันไฟ
 
===ระบบอาวุธ===
[[Imageไฟล์:A10Shark.jpg|thumb|right|ปืนจีเอยู-8 อเวนเจอร์ของเอ-10]]
 
ถึงแม้ว่าเอ-10 จะสามารถบรรทุกอาวุธแบบใช้แล้วทิ้งไป แต่อาวุธหลักของมันก็คือ[[ปืนแกทลิ่ง]][[จีเอยู-8 อเวนเจอร์]]ขนาด 30 ม.ม. หนึ่งในปืนใหญ่อากาศยานที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา มันกระสุนเจาะเกราะแบบไร้ยูเรเนียม ในการออกแบบเบื้องต้นนักบินสามารถสับเปลี่ยนอัตราการยิงระหว่าง 2,100 หรือ 4,200 นัดต่อนาที<ref>{{cite book |first=Rick |last=Stephens |title=A-10 Thunderbolt II |publisher=World Air Power Journal |isbn=1874023549 |year=1995 |page=18}}</ref> this was changed to a fixed rate of 3,900 rounds per minute.<ref>TCTO 1A-10-1089, Flight manual TO 1A-10A-1 (20 February 2003, Change 8), page vi, 1-150A.</ref> ปืนใหญ่ยังเร็วขึ้นดังนั้น 50 นัดแรกจึงยิงออกไปในวินาที นัดที่ 65 หรือ 70 จะเร็วขึ้นหลังจากนั้น ปืนมีความแม่นยำที่ลอดคล้องกัน มันสามารถยิงำด้แม่นยำถึง 80% ภายในระยะ 12.4 เมตรขณะบิน<ref>{{cite book |last=Sweetman |first=Bill |title=The Great Book of Modern Warplanes |location=New York City |publisher=Portland House |year=1987 |isbn=0517633671 |page=46}}</ref> จีเอยู-8 ถูกใช้ในแนวเอียงในระยะ 1,220 เมตรโดยทำมุม 90 องศา<ref name="Jenkins_p64">Jenkins 1998, pp. 64–73.</ref>
 
[[Imageไฟล์:GAU-8 in A-10.jpg|thumb|left|อีกมุมมองหนึ่งของจีเอยู-8 ที่ติดตั้งบนเอ-10]]
 
ลำตัวของเครื่องบินถูกสร้างขึ้นรอบๆ ปืน<ref>[http://www.plane-crazy.net/links/a10.htm The A-10], Plane-Crazy.net</ref> ตัวอย่างเช่น ล้อส่วนหน้าที่เยื้องไปทางขวาซึ่งทำให้ลำกล้องของปืนที่ยิงในตำแหน่ง 9 นาฬิกาเป็นแนวเดียวกับตัวเครื่องบิน มันสามารถจุกระสุนขนาด 30 ม.ม.ได้ 1,175 นัด<ref name="Jenkins_p64"/> เอ-10 รุ่นแรกบรรทุกกระสุน 1,350 นัดแต่ถูกแทนที่เนื่องจากแบบขดนั้นเสียหายง่ายในตอนบรรจุกระสุน กระสุนแบบกลมที่มีจำนวน 1,174 นัดจึงถูกนำมาใช้แทน การเสียหายจะเกิดขึ้นโดยบางส่วนของกระสุนที่ยิงก่อนกำหนดเนื่องจากการปะทะของกระสุนระเบิดจะสร้างความหายนะ ด้วยเหตุผลนี้เองความเหมาะสมจึงตกมาที่แพ็กกระสุนแบบกลมแทน มีแผ่นมากมายที่แตกต่างกันในความหนาระหว่างส่วนกลมและผิว แผ่นเหล่านี้ถูกเรียกว่าแผ่นจุดชนวนเพราะว่าเมื่อกระสุนระเบิดเข้าชนเป้าหมายมันก็จะเจาะทะลุเกราะก่อนที่จะจุดชนวนระเบิด ตามที่แบบกลมมีชั้นมากมายการจุดระเบิดของกระสุนจึงถูกจุดชนวนก่อนที่มันจะถึงส่วนกลม ชั้นสุดท้ายของเกราะรอบๆ ส่วนกลมก็คือการป้องกันมันจากสะเก็ดระเบิด
 
[[Imageไฟล์:Usaf.thunderbolt2.750pix.jpg|thumb|เอ-10 ธันเดอร์โบลท์ 2 พร้อมอาวุธเต็มที่]]
 
อาวุธอีกอย่างของมันก็คือขีปนาวุธอากาศสู่พื้นแบบ[[เอจีเอ็ม-65 มาเวอร์ริก]]ด้วยแบบที่แตกต่างกันไปทั้งนำวิถีด้วยโทรทัศน์หรืออินฟราเรด มาเวอร์ริกสามารถเข้าปะทะเป้าหมายได้ในระยะที่ไกลกว่าปืนใหญ่ได้มากทำเครื่องบินอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัยจากระบบต่อต้านอากาศยานสมัยใหม่ ใน[[สงครามอ่าว|พายุทะเลทราย]]กล้องอินฟราเรดของมาเวอร์ริกถูกใช้ในภารกิจกลางคืน อาวุธอื่นๆ ก็รวมทั้งคลัสเตอร์บอมบ์และจรวด[[ไฮดรา 70|ไฮดรา]] แม้ว่าเอ-10 จะบรรทุก[[ระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์]] พวกมันก็ใช้งานในแบบที่ไม่ปกติ ในระดับความสูงต่ำและความเร็วปกติของเอ-10 ระเบิดแบบธรรมดาก็มีความแม่นยำเพียงพอแล้ว ในสถานการณ์ใดๆ ก็ตามอาวุธนำวิถีจะเพิ่มข้อได้เปรียบเพียงเล็กน้อย ด้วยการที่บางครั้งก็แทบไม่มีเวลาสำหรับการหาวิถี เอ-10 มักบินพร้อมกับกระเปาะอีซีเอ็มรุ่นเอแอลคิว-131 ที่อยู่ใต้บินข้างใดข้างหนึ่งและ[[ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ]]แบบ[[เอไอเอ็ม-9 ไซด์ไวน์เดอร์]]สองลูกที่ใต้ปีกอีกข้างหนึ่งสำหรับป้องกันตัวเอง
บรรทัด 69:
โครงการปรับแต่งของเอ-10 มีมูลค่า 420 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเอ-10 จำนวน 356 ลำจะได้รับคอมพิวเตอร์การบินแบบใหม่ ฝาครอบแบบใหม่ จอสีแสดงผลขนาด 5.5 นิ้วแบบใหม่พร้อมแผนที่เคลื่อนที่<ref>[http://www.gao.gov/cgi-bin/getrpt?GAO-07-415 GAO-07-415 Tactical Aircraft, DOD Needs a Joint and Integrated Investment Strategy], US Government Accountability Office, April 2007. [http://www.gao.gov/htext/d07415.html text version]</ref>
 
ทุนอื่นๆ เข้าการพัฒนากองบินเอ-10 ที่รวมทั้งการเชื่อมข้อมูลแบบใหม่ ความสามารถในการใช้อาวุธอัฉริยะอย่างเจแดมและความสามารถในการบรรทุกกระเปาะล็อคล็อกเป้าอย่างไลท์เทนนิ่งของนอร์ทธรอป กรัมแมนหรือเอทีพีของล็อคล็อกฮีด มาร์ติน นอกจากนั้นยังมีระบบสำหรับส่งข้อมูลเซ็นเซอร์ให้กับคนที่อยู่บนพื่นอีกด้วย<ref name="not_fade"/>
 
การพัฒนาด้านโครงสร้างจะเป็นการเปลี่ยนปีกใหม่ทั้งหมดให้กับเอ-10 จำนวน 242 ลำซึ่งเดิมทีเป็นปีกแบบบาง<ref name="not_fade"/> มีการให้ทุนระยะยาวเพื่อพัฒนาแรงขับของเครื่องยนต์ให้มากขึ้น
บรรทัด 79:
หน่วยแรกที่ได้รับเอ-10 ธันเดอร์โบลท์ 2 คือฝูงบินที่ 355 ที่ประจำการอยู่ที่ฐานทัพอากาศเดวิส-มอนแธนในแอริโซนาเมื่อเดือนมีนาคมพ.ศ. 2519 หน่วยแรกที่ใช้มันเข้าทำการต่อสู้คือฝูงบินที่ 354 ที่ฐานทัพอากาศไมเทิล บีชในเซาท์แคลิฟอร์เนียเมื่อพ.ศ. 2521
 
[[Imageไฟล์:A-10 firing AGM-65.JPEG|thumb|เอ-10 ธันเดอร์โบลท์ 2 กำลังยิง[[เอจีเอ็ม-65 มาเวอร์ริก|เอจีเอ็ม-65]]]]
 
ในตอนแรกนั้นเอ-10 ถูกต้อนรับไม่ค่อยดีนักจากมุมมองของคนใหญ่คนโตในกองทัพอากาศ เมื่อผู้นำอาวุโสของกองทัพอากาศส่วนมากเพิ่มขึ้นมาจากสังคมของนักบินขับไล่ กองทัพอากาศชอบเครื่อง[[เอฟ-15 อีเกิล]]และ[[เอฟ-16 ไฟท์ติ้งฟอลคอน]]มากกว่าและดื้อดึงที่จะทิ้งงานสกปรกในการเข้าสนับสนุนระยะใกล้ให้กับ[[เฮลิคอปเตอร์]]ของกองทัพบก (การสร้างขีปนาวุธต่อต้านยานเกราะ[[เอจีเอ็ม-114 เฮลไฟร์]]และเฮลิคอปเตอร์จู่โจมแบบ[[เอเอช-64 อาพาชี่]]ทำให้กองทัพอากาศมีอากาศยานต่อต้านรถถัง) การพยายามย้ายเอ-10 เข้ากองทัพบกและนาวิกโยธินถูกห้ามในตอนแรกและจากนั้นมันก็ถูกยอมรับด้วยความน่าประทับใจของมันใน[[สงครามอ่าว]]เมื่อปีพ.ศ. 2534
บรรทัด 87:
ในปีพ.ศ. 2533 เอ-10 หลายลำถูกเปลี่ยนให้ทำหน้าที่ควบคุมแนวหน้าทางอากาศและได้รับชื่อใหม่ว่าโอเอ-10 ในบทบาทนี้เอ-10 มักจะติดตั้งจรวดไฮดราขนาด 70 ม.ม. 6 ตำแหน่งซึ่งมักเป็นหัวรบควันหรือฟอสฟอรัสขาวเพื่อทำตำแหน่งของเป้าหมาย โอเอ-10 ยังคงอยู่ในประจำการถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนชื่อไปก็ตาม
 
[[Imageไฟล์:A-10A Thunderbolt II Desert Storm.jpg|thumb|left|เอ-10เอของกองทัพอากาศในปฏิบัติการพายุทะเลทราย]]
 
เอ-10 ได้เข้าประจำการอีกครั้งในพ.ศ. 2542 ใน[[สงครามโคโซโว]] ในสงครามอัฟกานิสถาน ในปฏิบัติการอานาคอนดาในอัฟกานิสถานเมื่อเดือนมีนาคมพ.ศ. 2545 และในสงครามอิรักปีพ.ศ. 2546 ในอัฟกานิสถานเอ-10 ตั้งฐานอบู่ที่บาแกรม
บรรทัด 94:
ในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2546 กองทัพอากาศสหรัฐฯ ส่วนกลางได้ประกาศอย่างเปิดเผยถึงภารกิจทางอากาศในสงคราม มีเอ-10 จำนวนหกสิบลำถูกใช้ในอิรัก มีหนึ่งลำถูกยิงตกใกล้กับสนามบินนานาชาติของแบกแดด ในเอ-10 ทั้งหมดที่ถูกวางพลมี 47 ลำเป็นเครื่องบินของกองกำลังป้องกันชาติและ 12 ลำมาจากกองกำลังสำรองของกองทัพอากาศ เอ-10 ทำภารกิจ 80% ของสงครามและยิงกระสุนขนาด 30 ม.ม.ไป 311,597 นัด เอ-10 ยังได้ทำภารกิจอีก 32 ภารกิจซึ่งได้ทิ้งใบปลิวประชาสัมพันธ์เหนืออิรัก<ref>[http://www.globalsecurity.org/military//library/report/2003/uscentaf_oif_report_30apr2003.pdf Iraq], GlobalSecurity.org</ref>
 
[[Imageไฟล์:A-10C arrives in Davis-Monthan.jpg|thumb|เอ-10 ลำใหม่มาถึงที่ฐานทัพอากาศเดวิส-มอนแธนเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549]]
 
เอ-10 ถูกวางกำลังครั้งแรกในอิรักในไตรมาสที่สามของปีพ.ศ. 2550 พร้อมกับฝูงบินที่ 104 จากกองกำลังรักษาดินแดนของแมรี่แลนด์ เครื่องเจ็ทยังรวมทั้งการพัฒนาแบบใหม่มาด้วย<ref>[http://www.af.mil/news/story.asp?id=123074946 "Upgraded A-10s prove worth in Iraq"], U.S. Air Force, 7 November 2007.</ref> ระบบดิจิตอลและการสื่อสารของเอ-10 ได้ลดเวลาในการเข้าโจมตีเป้าหมายลงไปมาก<ref>Doscher, Staff Sgt. Thomas J. [http://www.acc.af.mil/news/story_print.asp?id=123087237 "A-10C revolutionizes close air support"], กองทัพอากาศสหรัฐฯ, 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551</ref>
บรรทัด 106:
;โอเอ-10เอ : แบบที่นั่งเดียวสำหรับการควบคุมทางอากาศในแนวหน้า
;วายเอ-10บี ไนท์/แอดเวิร์ส เวทเธอร์: แบบสองที่นั่งที่เป็นรุ่นทดลองสำหรับการทำงานตอนกลางคืนและสภาพอากาศที่เลวร้าย ต่อมามันมีชื่อใหม่ว่า'''วายเอ-10บี''' มีแบบนี้เพียงหนึ่งลำเท่านั้นที่ถูกสร้างขึ้นมาซึ่งปัจจุบันถูกนำไปแสดงเพียงอย่างเดียว
;เอ-10ซี : เอ-10 ที่ได้เข้าโครงการพัฒนาด้านอาวุธโดยมีฝาครอบแบบใหม่ การเชื่อมข้อมูล และอาวุธหลากสภาพอากาศและความสามารถในการใช้เลเซอร์ล็อคล็อกเป้า<ref name="DID_A-10C">[http://www.defenseindustrydaily.com/2007/06/a-highertech-hog-the-a10c-pe-program/index.php A Higher-Tech Hog: The A-10C PE Program], Defense Industry Daily, 30 มิถุนายน 2551</ref>