ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า ภาค 1"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Jung (คุย | ส่วนร่วม)
Jung (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 61:
ต่อมาเนื้อเรื่องจะกล่าวถึง'''เนี่ยฟง''' โดยเนี่ยฟงเมื่อยังเด็กอาศัยอยู่อย่างมีความสุขในชนบทกับบิดาและมารดาตามแบบครอบครัวชาวนาธรรมดาทั่วไป. แท้จริงแล้วบิดาของเนี่ยฟงคือ ''จอมดาบคลุ้มคลั่งอุดร'' นาม [[เนี่ยเหยินหวัง]]ผู้ครอบครอง[[ดาบดื่มหิมะ]] ที่หวังจะละทิ้งยุทธภพและใช้ชีวิตอย่างสงบกับครอบครัว ซึ่งตรงข้ามกับความต้องการของภรรยาของเขานาม[[เหยียนอิ๋ง]]ผู้ซึ่งแต่งงานกับเนี่ยเหยินหวังก็เพื่อจะได้เป็นสตรีอันดับหนึ่งผู้สูงศักดิ์ แต่ปัจจุบันนางเป็นได้เพียง ''อาซ้อเนี่ย'' เท่านั้น. เนื่องจากเนี่ยเหยินหวังไม่ต้องการให้เนี่ยฟงยุ่งเกี่ยวกับยุทธภพ จึงไม่ได้สอนวิชาดาบให้ แต่กลับสอน[[เคล็ดใจน้ำแข็ง]]ซึ่งเป็นวิชาที่ใช้ควบคุมสติอารมณ์แทน. และแล้วจุดพลิกผันชีวิตของครอบครัวเนี่ยก็มาถึง เมื่อวันหนึ่งมียอดกระบี่จากแดนทักษิณ ผู้ครอบครอง[[กระบี่กิเลนไฟ]] นาม[[ต้วนซ่วย]] มาท้าประลองกับดาบคลุ้มคลั่งอุดร เนี่ยเหยินหวัง เพื่อวัดกันว่าใครจะเป็นจอมยุทธอันดับหนึ่งในแผ่นดิน. เนื่องจากเนี่ยเหยินหวังปฏิเสธไม่ยอมรับคำท้าประลองทำให้ ภรรยาของเขาผิดหวังมาก. ในคืนนั้นเนี่ยฟงได้ยินเสียงมารดาคุยกับบุรุษผู้หนึ่งซึ่งไม่ใช่บิดาของเขาว่า "เจ้าตัดสินใจจะไปกับข้าแล้วใช่ไหม?" "ใช่". ยังไม่ทันที่เนี่ยฟงจะได้พูดอะไร บิดาของเขาซึ่งแอบฟังอยู่เช่นกันก็พาเนี่ยฟง บินไปยังหุบเขาที่ห่างไกล. เนี่ยเหยินหวังคลุ้มคลั่งมากกับการจากไปของภรรยา เนื่องจากเขาจงใจทิ้งเกียรติยศ ชื่อเสียง ทั้งหมดเพื่อนาง แต่นางกับทิ้งเขาไปอย่างไม่ไยดี ทำให้เนี่ยเหยินหวังจับดาบดื่มหิมะอีกครั้ง และจอมดาบคลุ้มคลั่งอุดรก็กลับคืนสู่ยุทธภพ. เหตุการณ์นี้ทำให้เนี่ยฟงได้รู้ว่าสายเลือดตระกูลเนี่ยจะมี '''ความคลุ้มคลั่ง''' สืบทอดทางกรรมพันธุ์ทุกรุ่น และบิดาของเขาจึงได้ให้เขาฝึกเคล็ดใจน้ำแข็งเพื่อคุมสติตนเอง. แต่บัดนี้บิดาของเขาผู้ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดเคล็ดใจน้ำแข็ง ได้คลุ้มคลั่งและกลายเป็นปีศาจแห่งยุทธจักรที่ฆ่าคนไม่เลือก. ชีวิตที่สงบสุขของเนี่ยฟงจบลงภายในคืนเดียว คืนนั้นนั่นเอง.
 
จากนั้นเนื้อเรื่องจะตัดไปยังวัยเด็กของ'''ปู้จิงอวิ๋น''' ... ปู้จิงอวิ๋นมีบุคลิกเงียบขรึมตั้งแต่เด็ก ไม่ค่อยพูดจากกับคนอื่น ๆ ปู้จิงอวิ๋นอยู่กับมารดาผู้ซึ่งเป็นม่ายเพียง 2 คน ภายหลังมารดาได้แต่งงานใหม่กับ ''กระบี่คุณธรรม'' [[ฮั่วปู้เทียน]] ปู้จิงอวิ๋นจึงได้รับชื่อใหม่ว่า '''ฮั่วจิงเจี๋ย'''. ฮั่วปู้เทียนแม้มีบุตรชายอีก 2 คนแต่ก็รักจิงเจี๋ยเหมือนบุตรแท้ ๆ ของตน แม้ว่ามารดาของจิงเจี๋ยได้เสียชีวิตไปแล้ว ปู้เทียนก็ยังดูแลจิงเจี๋ยเป็นอย่างดี จนทำให้ลูกชายแท้ ๆ อีกสองคนไม่พอใจจิงเจี๋ยเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามจิงเจี๋ยไม่เคยเรียกปู้เทียน ว่าพ่อ เลยแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งนี้ทำให้ปู้เทียนคิดว่าจิงเจี๋ยยังไม่ยอมรับตนเป็นบิดา. จิงเจี๋ยมีพรสวรรค์ด้านวรยุทธสูง สามารถเรียนรู้เพลงกระบี่สกุลฮั่วได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้ฮั่วปู้เทียนเอ็นดูจิงเจี๋ยมากขึ้นไปอีก แต่จิงเจี๋ยก็ยังคงเงียบขรึมเหมือนเดิม. อยู่มาวันหนึ่งเหตุการณ์ ที่พลิกผันชีวิตจิงเจี๋ยก็เกิดขึ้น เมื่อ'''พรรคใต้หล้า'''ของ'''สงป้า'''ได้แผ่ขยายอำนาจมาถึงเมืองที่สกุลฮั่วอยู่. สงป้าได้ส่ง ''มุสิกแดง'' ซึ่งเป็นจอมยุทธที่มีชื่อเสียงมาขู่ให้สกุลฮั่วยอมสวามิภักดิ์ ต่อพรรคใต้หล้า. ฮั่วปู้เทียนไม่ยอมสวามิภักดิ์ จึงได้เกิดการตอนสู้ขึ้น ฮั่วปู้เทียนแม้ขับไล่มุสิกแดงไปได้ ตนเองก็ได้รับบาดเจ็บ. อย่างไรก็ตาม ในระหว่างพักรักษาตัว ได้จิงเจี๋ยคอยปรุงยาให้กินเป็นอย่างดี ฮั่วปู้เทียนจึงซาบซึ้งเป็นอย่างมาก. ฮั่วปู้เทียนได้คิดแผนรับมือพรรคใต้หล้า แต่เมื่อประเมินแล้วคิดว่ามุสิกแดงบาดเจ็บหนักกว่าตน จึงจะรอให้พ้นงานครบรอบวันเกิดของตนเองไปก่อน ค่อยคิดวิธีต่อต้านอย่างจริงจัง. ฮั่วปู้เทียนได้ขอร้องให้จิงเจี๋ย มาในงานวันเกิดของตนเพื่อที่จะได้ประกาศให้คนทั่วไปได้รับรู้ว่า เขายังมีลูกชายที่น่าภูมิใจอีกคน ฮั่วจิงเจี๋ยแม้ไม่ได้เอ่ยปาก ก็พยักหน้าตกลง. ในงานวันเกิดฮั่วจิงเจี๋ยไม่ปรากฎตัว แต่กลับเป็นมุสิกแดงและ ''ค้างคาวไฟ'' พี่ชายที่ปรากฎตัวแทน ทำให้ปู้เทียนต้องรับศึกพร้อม ๆ กันถึงสองคนทั้งที่ยังไม่หายเจ็บ.
 
ความจริงแล้วจิงเจี๋ยไม่เคยกล่าวเรียกปู้เทียนว่าบิดาเลย แต่ก็มีความสำนึกในบุญคุณของปู้เทียนเป็นอย่างมาก และคิดที่จะเรียกบิดาในงานครบรอบวันเกิด เพื่อเป็นของขวัญชิ้นหนึ่งนั่นเอง. ในวันนั้นจิงเจี๋ยไปดักรอสิงโต เพื่อที่จะนำหัวสิงโตไปมอบให้กับปู้เทียนโดยเฉพาะ ซึ่งเด็กอายุเพียง 8 ขวบอย่างเขาก็ทำสำเร็จจนได้. อย่างไรก็ตามเมื่อไปถึงบ้านสกุลฮั่ว จิงเจี๋ยกลับพบว่าบ้านตกอยู่ในกองเพลิง และบิดาผู้ซึ่งถูกรุมจากสองจอมยุทธ์ มุสิกแดง และค้างคาวไฟ กำลังจะเพลี่ยงพล้ำ.
 
==รายชื่อศาตราวุธที่มีชื่อเสียง==