ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจ้าเก้าตื้อ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Mda (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
[[ภาพ:IMG_0031a.jpg|right|200px|thumb|'''พระเจ้าเก้าตื้อ''']]
 
 
'''พระเจ้าเก้าตื้อ''' หรือ พระพุทธรูปพระพุทธเจ้าเก้าตื้อ เป็น[[พระประธาน]]ใน[[พระอุโบสถ]] [[วัดสวนดอก]] หรือวัดบุบผาราม ต.สุเทพ อ.เมือง [[จ.เชียงใหม่]] วัดสำคัญของนครเชียงใหม่ ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพระพุทธลักษณะงดงามที่สุดในล้านนา
เส้น 6 ⟶ 5:
คำว่า '''ตื้อ''' เป็นหน่วยวัดน้ำหนักโลหะของล้านนาในสมัยโบราณ ซึ่ง 1 ตื้อ เท่ากับ 1,000 กิโลกรัม (บางตำรากล่าวว่า 1 ตื้อ หนักเท่ากับ 1,200 กิโลกรัม) พระเจ้าเก้าตื้อ หมายถึงพระพุทธรูปที่หล่อด้วยโลหะหนัก 9,000 กิโลกรัม หรือ 9 ตัน
 
ใน[[พงศาวดารโยนก]]กล่าวว่า พระเจ้าเมืองแก้ว หรือ[[พระเจ้าศิริธรรมจักรพรรดิราช]] กษัตริย์รัชกาลที่ 14 แห่งราชวงศ์มังราย ที่ครองอาณาจักรล้านนาระหว่าง พ.ศ. ได้โปรดให้สร้างพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้น ให้หล่อขึ้น เพื่อเป็นประธานในวิหารพระสิงห์ โดยได้เริ่มทำการหล่อในวันพฤหัสบดี เดือน 8 ขึ้น 11 ค่ำ ปีชวด ฉอศก จุลศักราช 866 (พุทธศักราช 2047) เมื่อหล่อได้ทำการตกแต่ง จนถึงวันพฤหัสบดี เดือน 5 ขึ้น 5 ค่ำ ปีฉลู สัปตศก จุลศักราช 467 (พุทธศักราช 2048) จึงสำเร็จบริบูรณ์ องค์พระมีที่ต่อ 8 แห่ง อย่างไรก็ตามเนื่องจากองค์พระมีน้ำหนักมากเมื่อหล่อเสร็จไม้สามารถชะลอเข้าเมืองได้ พระองค์จึงโปรดฯ ให้สร้างวิหารเป็นที่ประดิษฐาน ณ บริเวณใกล้ๆ กับพระอารามวัดบุปผารามหรือวัดสวนดอก ครั้นถึงวันพุธเดือน 5 ขึ้น 4 ค่ำ ปีมะเส็ง เอกศก จุลศักราช 870 (พุทธศักราช 2052) จึงได้มีการชักพระพุทธปฏิมากรองค์นี้ เข้าประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถใน[[วัดบุบผาราม]]
 
ในพงศาวดารโยนกกล่าวว่า พระเจ้าเมืองแก้ว หรือพระเจ้าศิริธรรมจักรพรรดิราช กษัตริย์รัชกาลที่ 14 แห่งราชวงศ์มังราย ที่ครองอาณาจักรล้านนาระหว่าง พ.ศ. ได้โปรดให้สร้างพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้น ให้หล่อขึ้น เพื่อเป็นประธานในวิหารพระสิงห์ โดยได้เริ่มทำการหล่อในวันพฤหัสบดี เดือน 8 ขึ้น 11 ค่ำ ปีชวด ฉอศก จุลศักราช 866 (พุทธศักราช 2047) เมื่อหล่อได้ทำการตกแต่ง จนถึงวันพฤหัสบดี เดือน 5 ขึ้น 5 ค่ำ ปีฉลู สัปตศก จุลศักราช 467 (พุทธศักราช 2048) จึงสำเร็จบริบูรณ์ องค์พระมีที่ต่อ 8 แห่ง อย่างไรก็ตามเนื่องจากองค์พระมีน้ำหนักมากเมื่อหล่อเสร็จไม้สามารถชะลอเข้าเมืองได้ พระองค์จึงโปรดฯ ให้สร้างวิหารเป็นที่ประดิษฐาน ณ บริเวณใกล้ๆ กับพระอารามวัดบุปผารามหรือวัดสวนดอก ครั้นถึงวันพุธเดือน 5 ขึ้น 4 ค่ำ ปีมะเส็ง เอกศก จุลศักราช 870 (พุทธศักราช 2052) จึงได้มีการชักพระพุทธปฏิมากรองค์นี้ เข้าประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถในวัดบุบผาราม
 
 
[[ภาพ:IMG_0019a.jpg|left|200px|thumb|พระเจ้าเก้าตื้อ]]
 
==พระเจ้าเก้าตื้อในปัจจุบัน==
ปัจจุบันพระพุทธเจ้าเก้าตื้อ ประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถของวัดสวนดอก ซึ่งเป็นวัดสำคัญของล้านนาไทย เนื่องจากในประวัติศาสตร์กล่าวว่าเป็นที่ตั้งของคณะสงฆ์ฝ่ายลังกาวงศ์ ที่พระเจ้าพ[[ระเจ้ากือนามหาธรรมิกราช]]ได้ส่งราชทูตไปขอพระราชทานมาจากพระมหาธรรมราชาลิไท แห่งอาณาจักรสุโขทัย โดย[[พระมหาธรรมราชา(ลิไท)]]ได้โปรดให้พระมหาสุมนเถระ นำตั้งมั่นเผยแพร่พระพุทธศาสนา [[ลัทธิลังกาวงศ์]]ยังอาณาจักรล้านนา ตามที่พระเจ้ากือนาทูลขอ พระมหาสุมนเถระได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาด้วยหนึ่งองค์ เมื่อพระมหาเถระเดินทางมาถึงล้านนา จึงได้ถวายพระบรมสารีริกธาตุแด่พระเจ้ากือนา ในครั้งนั้น[[พระบรมสารีริกธาตุ]]ได้แสดงปาฏิหาริย์ แบ่งออกเป็น 2 องค์ พระเจ้ากือนาได้ทรงมีพระราชศรัทธา โปรดให้สร้างอารามบุบผาราม เป็นที่จำพรรษาของ[[พระมหาสุมนเถระ]] และสร้างพระสถูปเจดีย์ เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระบรมสารีริกธาตุอีกองค์หนึ่งนั้น ได้โปรดให้อัญเชิญขึ้นไว้บนหลังช้าง แล้วอธิษฐานเสี่ยงทายสถานที่สมควรจะประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุดังกล่าว ครั้งนั้นช้างมงคลได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ เดินขึ้นไปบน[[วัดพระธาตุดอยสุเทพ|ดอยสุเทพ]] เมื่อถึงบนยอดดอยแล้ว ช้างได้คุกเข่าลงไม่ยอมเดินต่อ พระเจ้ากือนามหาธรรมิกราชจึงมีพระราชดำรัสให้สร้างพระบรมธาตุขึ้นบนดอยสุเทพ ซึ่งปัจจุบันคือ [[พระบรมธาตุดอยสุเทพ]]
 
ปัจจุบันวัดสวนดอกยังมีศาสนวัตถุที่สำคัญ อาทิ พระบรมธาตุที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระวิหารโถงที่ใหญ่ที่สุดในล้านนา และสถูปบรรจุอัฐิธาตุของ[[ครูบาเจ้าศรีวิชัย]] นักบุญแห่ง[[ล้านนา]] เป็นต้น
 
<gallery>