ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เครื่องจักรแบบเมลลี่"

{{เก็บกวาด}}

 

== การวิเคราะห์วงจรเปลี่ยนสถานะตรงตามจังหวะเวลา ==

* เอาต์พุตปัจจุบัน ของวงจร จะขึ้นอยู่กับ หรือเป็นฟังก์ชันของ ตัวแปรอินพุท และ สถานะปัจจุบัน ถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงค่าของตัวแปรอินพุท หรือ ค่าของตัวแปรสถานะเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จะส่งผลให้ เกิดการเปลี่ยนแปลงค่าของเอาต์พุตด้วย (มี propagation delay ขึ้นกับความซับซ้อนของวงจร G) โดย การเปลี่ยนแปลงสถานะจะเป็นจังหวะตามการ tick ของสัญญาณนาฬิกา ส่วนสัญญาณอินพุทเปลี่ยนแปลงค่าได้โดยอิสระ ไม่ขึ้นกับสัญญาณนาฬิกาของเครื่องจักรนั้นๆ

 

- ตัวอย่างที่ 1 : Mealy Machine ที่ใช้ positive-edge-triggered D flip-flop

 

 

- จากแผนภาพวงจร จะเห็นว่าเป็น clocked synchronous เครื่องสถานะ ชนิด Mealy Machine

เอาต์พุตมากกว่า

 

คือแบบจำลองของวงจร ซีเควนเชียล จาก 1 ใน 2 ประเภท อีกประเภทหนึ่ง คือ Moore model

ภาพด้านล่างนี้คือ แบบจำลอง Mealy จะเห็นได้ว่า มี output รวมอยู่กับการเปลี่ยน State จากStateหนึ่ง ไปอีก State หนึ่ง

Stateเปลี่ยนจาก A ไป B

 

 

ซึ่งเราสามารถที่จะนำ Mealy Model มาทำการวิเคราะห์วงจรซีเควนเชียลได้ โดยการวิเคราะห์วงจร ซีเควนเชียล แยกออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน คือ

 

pulse จะเข้าจังหวะ (Synchronous) กับนาฬิกา หรือ ไม่เข้าจังหวะ (Asynchronous) กับนาฬิกาก็ได้ซึ่งทั้งสองกรณี input pulse จะมีผลต่อการเปลี่ยนสถานะต่อไปของวงจร ในช่วงจังหวะที่มี pulseนาฬิกาเท่านั้น

 

สัญญาณ Input เป็น level ไม่ว่า level นั้นจะเข้าจังหวะกับสัญญาณนาฬิกาหรือไม่

 

 

และภาพด้านล่างนี้คือ '''mealy machine timing diagram'''ตัวอย่างแผนผังเวลาการทำงานของวงจรแต่ละวงจร

 

'''ตัวอย่าง''' :จากตารางสภาวะข้างล่างนี้เป็นรูปแบบของ มิลลี ให้หา

ค) คุณลักษณะของ Z (ลำดับของ Z) เมื่อมี Input x เป็นดังนี้ x = 011011 และสภาวะเริ่มต้นอยู่ที่สภาวะ A

 

 

วิธีทำ พิจารณาจากตารางสภาวะที่ให้มา จะพบว่าOutput Z จะขึ้นกับทั้ง Input x และ PS (y)

ก) เขียน state diagram ได้ดังนี้

 

 

ข) ASM. Chart เขียนได้ดังนี้

 

 

ค) หาลำดับของ output Z เมื่อ input x = 011011 และ สภาวะเริ่มต้นที่สภาวะ A

มาทำความรู้จักกับ Finite State Machines หรือ FSMs ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับออกแบบวงจรที่มีสัญญาณนาฬิกาควบคุมการทำงาน (Sequential) มีการทำงานเป็นสถานะ (State) แต่ละสถานะจะมีการทำงานที่แตกต่างกัน ค่าเอาต์พุตและสถานะถัดไป จะถูกกำหนดโดยอินพุตที่เข้ามายังสถานะนั้นๆ ทำให้สามารถเปลี่ยนจากสถานะหนึ่งไปยังสถานะอื่นๆได้ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากในการออกแบบระบบดิจิตอล เพื่อนำไปอธิบายการทำงานของวงจร โดยทั่วไปวงจรที่ประกอบไปด้วย หน่วยความจำ หรือรีจีสเตอร์ ถือว่าเป็น Finite State Machines (FSMs)

 

[[หมวดหมู่:วงจรดิจิตอล]]