ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การปฏิบัติการพิเศษ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Intarat51 (คุย | ส่วนร่วม)
Intarat51 (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 3:
 
== แนวคิดเกี่ยวกับการปฏิบัติการพิเศษ ==
สถานการณ์ของโลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นับแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป และสหรัฐ ทำให้ความต้องการใช้ทรัพยากรมีสูงขึ้น รัฐต่างๆ มีความต้องการใช้ทรัพยากรจึงมีการใช้กำลังเข้ารุกรานประเทศอื่นๆ เพื่อแย่งชิงทรัพยากรอยู่เสมอ ทำให้รูปแบบการรบในสงครามแต่ละครั้งมีการพัฒนามาโดยลำดับอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ล้วนขึ้นอยู่กับยุทธศาสตร์ในการทำสงครามของแต่ละประเทศ ซึ่งในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง (WWII) และโลกเริ่มเข้าสู่ยุคสงครามเย็น (Cool War) โดยเป็นการแย่งชิงความคิดการเมืองในระบอบประชาธิปไตยโดยประเทศสหรัฐ และระบอบคอมมิวนิสต์ โดยสหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นสองขั้วอำนาจ (Bi-Polar) ที่เข็มแข็งที่สุด และการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคโลกาภิวัติ (Globalization) ได้ผลักดันใ ห้นัการทหารเปลี่ยนมูมให้นักการทหารเปลี่ยนมูมมองด้านยุทธศาตร์การป้องกันประเทศเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง การปฏิบัติการในช่วงนั้น เริ่มใช้การแสดงกำลัง การซ้อมรบ การทูต การกีดกันการค้า การจารกรรม และอื่นๆ ที่เป็น Soft Power เพื่อโดยการใช้พลังอำนาจของชาติในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น การเมือง การทหาร สังคมจิตวิทยา และเทคโนโลยี กดดันอีกประเทศหนึ่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเปลี่ยนรูปแบบของสงครามไปเป็นสงครามไม่ตามแบบ (Unconventional Warfare) และเป็นหลักสำคัญมากกว่าสงครามตามแบบ
 
เดิม การสงครามไม่ตามแบบ จะกล่าวถึงเพียง การสงครามพิเศษ (Special Warfare) ประกอบไปด้วยการปฏิบัติหลัก 3 ประการ คือการสงครามนอกแบบ, การปฏิบัติการจิตวิทยา และการป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบ และในท้ายที่สุดได้จัดให้รวมถึงการปฏิบัติในสงครามแบบอื่นที่ไม่ใช่สงครามตามแบบไว้ด้วย ได้แก่ สงครามเศรษฐกิจ สงครามต่อต้านการก่อการร้าย การป้องกันภายในให้กับมิตรประเทศ การลาดตระเวนพิเศษ การปฏิบัติภารกิจโดยตรง และการปฏิบัติการข่าวสาร นอกจากนี้ยังรวมไปถึงกิจกรรมรองที่เกี่ยวข้องได้แก่ การช่วยเหลือด้านการรักษาความปลอดภัย การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม การปราบปรามยาเสพติด และการค้นหาและกู้ภัย และใช้มาโดยตลอดจนทุกวันนี้ และเรียกชื่อการปฏิบัติต่างๆ เหล่านี้เสียใหม่ว่า "การปฏิบัติการพิเศษ"