ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระกัสสปพุทธเจ้า"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาด +แจ้งรอตรวจสอบด้วยบอต
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{รอการตรวจสอบ}}
'''พระกัสสปะพุทธเจ้า''' เป็นพระพุทธเจ้าในภัทรกัปป์นี้ ทรงจุติลงมาในโลกมนุษย์หลังจากสิ้นสุดศาสนาของพระโกนาคมพุทธเจ้าแล้ว โดยนับตั้งแต่อายุมนุษย์ลดลงจากสองหมื่นปีเหลือ 10 ปี แล้วเพิ่มขึ้นจนถึงสองหมื่นปีอีกครั้ง พระองค์จึงเสด็จลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
 
หลังจากศาสนาของ[[พระโกคมนะพุทธเจ้า]]ล่วงไป จึงได้ถึงสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระกัสสปะพุทธเจ้า อุบัติขึ้นในภัททกัปเดียวกัน
พระองค์เกิดในตระกูล[[พราหมณ์]] บิดานามว่าพรหมทัต มารดานามว่าธนวดี มเหสีนามว่าสุนันทา มีโอรสชื่อว่าวิชิตเสน ทรงเป็นฆราวาสอยู่ 2,000 ปี เมื่อเห็น[[เทวทูตสี่]] จึงออกผนวช บำเพ็ญเพียรอยู่ 7 วันก็ได้ตรัสรู้เป็น[[พระพุทธเจ้า]]
พระกัสสปะพุทธเจ้า เกิดในสกุลพราหมณ์นามว่ากัสสปะพราหมณ์ เป็นบุตรของพราหมณ์แห่งพาราณสีนคร นามว่าพรหมทัตตะพราหมณ์ มารดาชื่อธนวดีพราหมณี
กัสสปะพราหมณ์เกษมสำราญอยู่ ๒,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ หังสวาปราสาท ยสวาปราสาท และสิรินันทะปราสาทมีภริยาชื่อว่า สุนันทาพราหมณี และมีบาทบริจาริกาแวดล้อมอีก ๔๘,๐๐๐ นาง
วันหนึ่ง กัสสปะพราหมณ์ได้เห็นเทวทูตทั้งสี่ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนักบวช จึงมีใจน้อมไปทางบรรพชา
เมื่อนางสุนันทาพราหมณีให้กำเนิดบุตร นามว่า วิชิตเสนะกุมาร จึงได้ออกบวชโดยปราสาทลอยเลื่อนไปลงที่ต้นนิโครธ (ต้นไทร) ผู้ที่อยู่ในปราสาทนั้นออกบวชตามทั้งหมด ยกเว้นนางบาทบริจาริกา
กัสสปะพราหมณ์บำเพ็ญความเพียรอยู่เป็นเวลา ๗ วัน จนถึงวันเพ็ญเดือนวิสาขะ รับข้าวมธุปายาสจากนางสุนันทาพราหมณี และรับหญ้า ๘ กำจากคนเฝ้าไร่ข้าวเหนียวชื่อ โสมะ ปูลาดใต้ต้นนิโครธ (ต้นไทร) เป็นโพธิบัลลังก์ และได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในคืนนั้นเอง
พระกัสสปะพุทธเจ้าทรงเสด็จไปยังป่าอิสิปตนะมิคทายวัน ใกล้กรุงพาราณสี และทรงแสดงปฐมเทศนาแก่พระสาวกที่ออกบวชติดตาม ทำให้พระสาวกทั้งหลายเหล่านั้น สำเร็จเป็นพระอริยบุคล
 
ธรรมาภิสมัยในพุทธกาลของพระกัสสปะพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ๓ วาระ คือ
พระอัครสาวกของพระองค์คือพระติสสเถระและพระภารทวาชเถระ พระอัครสาวิกาคือพระอนุลาเถรีและพระอุรุเวลาเถรี อัครอุบาสกคือ สุมงคลอุบาสกและฆฏิการอุบาสก อัครสาวิกาคือวิชิตเสนาอุบาสิกาและภัททาอุบาสิกา พระกายสูง 20 ศอก รัศมีพระกายเหมือนจันทร์ทรงกลด มีพระชนมายุได้สองหมื่นปี พระศาสนาของพระองค์อยู่ได้สองหมื่นปี
วาระที่ ๑ แสดงปฐมเทศนา
ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๒๐,๐๐๐ โกฏิ
วาระที่ ๒ แสดงยมกปาฏิหาริย์ ที่สุนทรนคร
ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๑๐,๐๐๐ โกฏิ
วาระที่ ๓ แสดงธรรมบนดาวดึงส์สวรรค์
ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่เทวดา ๕,๐๐๐ โกฏิ
 
พระกัสสปะพุทธเจ้า ทรงประชุมสาวกสันนิบาตเพียงครั้งเดียว
ในสมัยพุทธกาลนี้ พระโคตมพุทธเจ้าได้เกิดเป็นโชติปาลมานพ สหายของฆฏิการอุบาสก ได้ฟังธรรมแล้วมีจิตเลื่อมใสจึงออกบวช และได้รับพุทธพยากรณ์ว่าต่อไปภายหน้าโชติปาลภิกษุจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป
 
พระกัสสปะพุทธเจ้าทรงมีพระสาวกองค์สำคัญ คือ
พระอัครสาวก คือ พระติสสะเถระ และพระภารทวาชะเถระ
พระอัครสาวิกา คือ พระอนุฬาเถรี และอุรุเวฬาเถรี
พระอุปัฏฐาก คือ พระสัพพมิตตะ
 
พระกัสสปะพุทธเจ้าทรงมีพระวรกายสูง ๒๐ ศอก เมื่อพระชนมายุได้ ๒๐,๐๐๐ ปี จึงปรินิพพาน ณ เสตัพยอุทยาน ใกล้เสตัพยนคร แคว้นกาสี
 
พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทั้งหลายเกิดเป็น มาณพ ชื่อว่า โชติปาละ ในตำบลบ้านเวหลิงคะ เป็นสหายที่รักใคร่ชอบใจของช่างปั้นหม้อชื่อ ฆฏิการะ ผู้เป็นอุปัฏฐากดีเลิศของพระกัสสปะพุทธเจ้า ฆฏิการะได้ชวนโชติปาละไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วทูลขอให้ทรงแสดงธรรมโปรดโชติปาละ สองสหายพากันรื่นเริงบันเทิงใจ อนุโมทนาพระธรรมกถาของพระบรมศาสดา ฆฏิการะทูลขอพระผู้มีพระภาคเจ้าประทานบรรพชาอุปสมบทให้แก่โชติปาละ เมื่อโชติปาละได้บรรพชาอุปสมบทแล้ว เป็นผู้ปรารภความเพียรเรียนนวังคสัตถุศาสน์ อันเป็นพระพุทธดำรัสตลอดทั้งหมด ฉลาดในข้อวัตรใหญ่น้อย ยังพระศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าให้งดงาม
พระกัสสปะพุทธเจ้าทรงเห็นความอัศจรรย์ของพระโชติปาละนั้น ทรงพยากรณ์ว่า ในภัทรกัปนี้ท่านผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้า ได้ตรัสพุทธพยากรณ์แก่เหล่าภิกษุว่า
 
"ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงดูภิกษุผู้ประพฤติตามคำสอนของเรา ในภัทรกัปนี้ท่านผู้นี้จักตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระตถาคตจะเสด็จออกจากพระนครกบิลพัสดุ์ ทรงเริ่มตั้งความเพียร บำเพ็ญทุกรกิริยา พระตถาคตจักประทับนั่ง ณ ควงไม้อชปาลนิโครธ ทรงรับข้าวปายาส ณ ที่นั้น แล้วเสด็จไปยังแม่น้ำเนรัญชรา พระชินเจ้าพระองค์นั้นจักเสวยข้าวปายาส ณ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา แล้วเสด็จเข้าไปยังควงไม้โพธิพฤกษ์ ตามมรรคาอันประเสริฐที่ตกแต่งไว้อย่างดี ต่อแต่นั้นพระตถาคตผู้มียศใหญ่ จักทำประทักษิณโพธิมณฑลอันยอดเยี่ยม ประทับนั่งขัดสมาธิและตรัสรู้ ณ โพธิบัลลังก์อันประเสริฐ ต้นไม้ที่ตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ชาวโลกเรียกว่า อัสสัตถะ พระมารดาผู้ให้กำเนิดพระตถาคตนี้มีพระนามว่ามายา พระบิดามีพระนามว่าสุทโธทนะ พระตถาคตนี้จักมีนามว่าโคตม พระเถระนามว่าสารีบุตรและโมคคัลลานะจักเป็นพระอัครสาวก พระเถระนามว่าอานนท์จักเป็นพระอุปัฏฐากปฏิบัติพระชินเจ้านั้น พระเถรีนามว่าเขมาและอุบลวรรณาจักเป็นอัครสาวิกา จิตตคฤหบดีและหัตถกอาฬวกะชาวเมืองอาฬวีจักเป็นอัครอุบาสก นางอุตราและนางขุชชุตตราจักเป็นอัครอุบาสิกา
 
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ได้สดับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ต่างพากันร่าเริงยินดี กระทำสาธุการมากมาย แล้วตั้งความปรารถนาที่จักได้มรรคผลนิพพานในพระศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นี้ในอนาคตกาล"
 
ส่วนโชติปาละภิกษุ ได้รับคำพยากรณ์จากพระกัสสปะพุทธเจ้าแล้ว ยินดีอย่างยิ่ง เกิดความอุตสาหะบำเพ็ญพุทธการกธรรมให้บริบูรณ์ ยกย่องคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าให้งดงาม เมื่อสิ้นอายุก็ไปบังเกิดในเทวโลก
พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทั้งหลาย ได้รับพยากรณ์ในสำนักของพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ มาตลอดถึง ๔ อสงไขยหนึ่งแสนกัป ด้วยประการฉะนี้
 
== อ้างอิง ==