ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ระ-ทะ-ทู-อี่ พ่อครัวตัวจี๊ด หัวใจคับโลก"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาด +แจ้งรอตรวจสอบด้วยบอต
Sli20Tw7N96mrv (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 29:
== เนื้อเรื่อง ==
{{เสียรส}}
เรมี่ (RémyRemy) เป็น[[หนู]]ซึ่งอาศัยอยู่ใน[[ประเทศฝรั่งเศส|ฝรั่งเศส]] อยู่กับอาณาจักรหนูโดยมีพี่ชายคือ เอมิล (Emile) และมีพ่อคือ จังโก้ (Django) ซึ่งเป็นหัวหน้าอาณาจักรหนู เรมี่มีประสาทรับรสที่ดีเยี่ยม พ่อของเขาจึงให้เรมี่เป็นคนตรวจสอบยาเบื่อ แต่เรมี่ค่อนข้างแตกต่างจากหนูตัวอื่นๆ ที่เขามักจะเลือกกินแต่ของดีๆ และเดินสองขาเพราะไม่อยากให้มือ (เท้าหน้า) สกปรก เรมี่จึงไม่ค่อยลงรอยกับพ่อเขามากนัก จนวันหนึ่งเรมี่และเอมิลได้เข้าไปภายในบ้านของหญิงแก่เพื่อหาของกิน และเขาก็พบหนังสือของ ออกุส กุสโตว์ (Auguste Gusteau) [[พ่อครัว|เชฟ]]มือทองของฝรั่งเศส โดยเขามี[[ภัตตาคาร|ร้านอาหาร]]ชื่อกุสโตว์ (Gusteau's) ซึ่งเป็นร้านอาหารห้าดาวในปารีส โดยเรมี่ชื่นชมเชฟกุสโตว์มาก โดยเฉพาะ[[คำขวัญ|คติ]]ของเขาที่ว่า ''"ไม่ว่าใครก็ทำอาหารได้" (Anyone can cook!)'' แต่เรมี่ก็ได้ดูโทรทัศน์ก็พบว่า ร้านกุสโตว์ถูกลดดาวเหลือเพียงสี่ดาวหลังจากถูกวิจารณ์โดยนักวิจารณ์อาหาร แอนทอน อีโก้ (Anton Ego) หลังจากนั้นไม่นานเชฟกุสโตว์ก็เสียชีวิตลงในเวลาต่อมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ด้วยเหตุนี้ร้านกุสโตว์จึงถูกลดดาวอีกเป็นสามดาว ขณะที่เรมี่ดูโทรทัศน์อยู่และทราบว่าเชฟกุสโตว์ตายแล้ว หญิงแก่ก็ตื่นขึ้นพอดี และพยายามใช้ปืนไล่ยิงเรมี่และเอมิล จนหลังคาด้านบนแตกออกและหนูจำนวนมากก็หล่นลงมา พ่อของเรมี่จึงรีบให้หนูทุกตัวไปขึ้นแพตรงแม่น้ำ แต่เรมี่เอาหนังสือของกุสโตว์ไปด้วย ทำให้ตามหนูที่เหลือไม่ทันและพลัดพรากจากครอบครัว
 
หลังจากที่เรมี่เริ่มหมดหวัง ภาพในจิตนการของเรมี่ซึ่งเป็นเชฟกุสโตว์ก็ออกมาและบอกเรมี่ว่า "อาหารจะมาหาผู้รักการทำอาหารเสมอ" เรมี่จึงวิ่งไปเรื่อยๆ และพบว่าเขาอยู่ใน[[กรุงปารีส]]และพบร้านกุสโตว์ โดยปัจจุบันมีหัวหน้าเชฟคือ สกินเนอร์ (Skinner) ซึ่งเคยเป็นอดีต ซูเชฟ (sous-chef/รองหัวหน้าเชฟ) ของร้านกุสโตว์ ในขณะนั้นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อ อัลเฟรโด้ ลิงกนกวินี่ (Alfredo Linguini) มาขอทำงานในร้านกุสโตว์โดยมาพร้อมกับจดหมายจากแม่ของเขาซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว สกินเนอร์จึงให้ลิงกวินี่เป็นเด็กเทขยะ และเขาก็ทำหม้อซุปหล่น เขาจึงปรุงซุปแบบหยิบอะไรได้ก็ใส่ลงไป เรมี่บังเอิญหล่นจากหลังคาร้านกุสโตว์ลงไปยังอ่างล้างจาน หลังจากพยายามหนีออกมา เขาได้กลิ่นซุปแล้วรู้สึกไม่ดีเขาจึงพยายามแก้รสของซุป ลิงกนกวินี่เห็นเรมี่พอดีจึงใช้ที่ครอบหม้อจับไว้ สกินเนอร์จึงจับลิงกนกวินี่ไว้ข้อหาที่เขาทำอาหารในครัว ในขณะที่อยู่ในความสับสน ซุปได้ถูกเสิร์ฟไปยังแขกลูกค้าแล้ว และลูกค้าคนนั้นคือนักวิจารณ์อาหาร โซลีน เลอแคลร์ โดยเธอชมว่าซุปของร้านกุสโตว์มีรสชาติดีเยี่ยม
 
เซฟผู้หญิงคนเดียวในร้านกุสโตว์ คอลเลตต์ ทาทูว์ (Colette Tatou) บอกสกินเนอร์ไม่ให้ไล่ลิงกวินี่ออก และยกคติของเชฟกุสโตว์ว่า "ไม่ว่าใครก็ทำอาหารได้" สกินเนอร์จึงไม่ไล่ลิงกนกวินี่ออกแต่จะให้เขาทำซุปใหม่อีกครั้ง ขณะที่สกินเนอร์กำลังคุยกับลิงกนกวินี่อยู่นั้นเขาก็เห็นเรมี่กำลังหนีอยู่พอดี ลิงกนกวินี่จึงจับเรมี่ไว้ในขวด และสกินเนอร์ก็สั่งให้เอาเรมี่ไปไกลๆ แล้วฆ่ามัน แต่เมื่อถึงริมฝั่งแม่น้ำลิงกนกวินี่ไม่สามารถทำใจฆ่าเรมี่ได้ เขาจึงเริ่มคุยกับเรมี่ บอกปัญหาต่างต่างๆ และเขาพบว่าเรมี่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด โดยการพยักหน้าและภาษากาย
 
[[ภาพ:Ratatouille-remy-control-linguini.png|thumb|left|250px|เรมี่ค้นพบว่าเขาสามารถควบคุมลิงกวินี่ได้โดยการดึงผมของเขา]]
วันรุ่งขึ้นร้านกุสโตว์ถูกจับตามองอีกครั้งหลังคำวิจารณ์ของโซลีน เลอแคลร์เผยแผร่ โดยลิงกนกวินี่คิดหาว่าจะไว้เรมี่ที่ไหนดี และสุดท้ายหลังจากใช้ความพยายามหลายครั้งเขาจึงเอาเรมี่ไว้ในหมวกพ่อครัว และตอนนั้นลิงกวินี่เกือบจะชนกับบริกรของร้าน เรมี่ก็ดึงผมของลิงกนกวินี่โดยไม่ได้ตั้งใจ ลิงกนกวินี่ก็หลบบริกรได้ทัน ลิงกนกวินี่จึงถามเรมี่ว่าเขาทำได้อย่างไร เรมี่ก็ลองดึงผมของลิงกนกวินี่ ลิงกวินี่แล้วเขาี่ก็ขยับตามการดึงผมของเรมี่ เรมี่จึงใช้วิธีนี้ให้เขาสามารถควบคุมลิงกนกวินี่ให้ทำอาหารได้
 
ลิงกนกวินี่สามารถทำซุปอีกครั้งผ่านการควบคุมอย่างลับๆ ของเรมี่ แต่สกินเนอร์ก็ยังสงสัยว่าทำไมคนไม่เคยทำอาหารอย่างลิงกนกวินี่จึงทำซุปได้อร่อยนัก ในคืนนั้นมีลูกค้าประจำโดยพวกเขาต้องการอาหารใหม่ที่ไม่มีอยู่ในเมนูบ้าง เรมี่และลิงกนกวินี่ก็ทำอาหาร สวีตเบรด-อลากุสโตว์ ซึ่งกุสโตว์ยังเคยพูดเองว่าอาหารสูตรนี้แย่สุดๆ แต่ลูกค้าชอบมากและมีออเดอร์เข้ามาหลายที่ ระหว่างที่ลิงกนกวินี่กำลังฉลองความสำเร็จเล็กๆ ในร้าน ในตอนนั้นสกินเนอร์เขาก็เห็นเงาของหนูในหมวกของลิงกวินี่ เขาจึงให้ลิงกนกวินี่ดื่ม[[ไวน์]] ชาโต ลาตูร์ (Château Latour) จนเมาเพื่ออาจจะได้ความลับบางอย่างแต่ก็ไม่สำเร็จ เขาจึงปล่อยให้ลิงกนกวินี่ล้างจานและทำความสะอาดร้านจนถึงเช้า
 
วันรุ่งขึ้นขณะที่ลิงกนกวินี่กำลังหลับอยู่และยังไม่ส่างเมา คอลเลตต์ได้มาถึงพอดี เรมี่จึงเข้าไปในหมวกของลิงกนกวินี่และใส่แว่นดำให้กับเขา และควบคุมลิงกวินี่ทั้งๆ ที่หลับ จนสุดท้ายลิงกนกวินี่เกือบที่จะเปิดเผยความจริง เรมี่จึงดึงผมของลิงกนกวินี่จนลิงกนกวินี่ล้มบนคอลเลตต์และจูบกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งสองเริ่มเดตกัน ทำให้เรมี่รู้สึกว่าถูกละทิ้ง ในขณะนั้นสกินเนอร์ได้อ่านจดหมายจากแม่ของลิงกนกวินี่และพบว่าลิงกนกวินี่เป็นลูกชายของกุสโตว์ จาก[[พินัยกรรม]]ของเชฟกุสโตว์ หากไม่มีทายาทของกุสโตว์ปรากฏตัวภายใน 2 ปีหลังจากกุสโตว์เสียชีวิต ตำแหน่งหัวหน้าเชฟจะตกเป็นของผู้ช่วยเชฟ ซึ่งนั่นคือสกินเนอร์นั่นเอง ทำให้แผนการของสกินเนอร์ที่จะขายชื่อร้านกุสโตว์ในธุรกิจอาหารแช่แข็งอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม และสกินเนอร์ก็พยายามหาวิธีเขี่ยลิงกนกวินี่ออกจากร้านกุสโตว์ให้ได้
 
คืนหนึ่ง เรมี่ได้พบกับครอบครัว จังโก้พ่อของเขาจัดงานฉลองอย่างใหญ่โต แต่เรมี่บอกว่าเขาจะไม่อยู่กับครอบครัวแต่จะกลับไปอยู่กับมนุษย์ (ลิงกนกวินี่) แล้วจะกลับมาเยี่ยมครอบครัวบ่อยๆ จังโก้จึงพาเรมี่ไปยังร้านขายยาเบื่อและกับดักหนูซึ่งมีแต่หนูที่ตายอยู่ในตู้กระจก และบอกเรมี่ว่านี่คือผลจากการที่หนูทำตัวสบายใกล้มนุษย์เกินไป เรมี่ไม่เชื่อและขอเดินในเส้นทางของเขาเอง
 
ระหว่างที่กำลังหาอาหาร เรมี่ได้พบพินัยกรรมของกุสโตว์ในลิ้นชักของสกินเนอร์ หลังจากหนีการตามล่าของสกินเนอร์ เรมี่ได้นำพินัยกรรมไปให้ลิงกวินี่ ลิงกนกวินี่ถือว่าเป็นเจ้าของร้านกุสโตว์อย่างสมบูรณ์แล้ว ทำให้แผนของสกินเนอร์ต้องล่มทั้งหมด สกินเนอร์ถูกไล่ออก ทำให้ร้านกุสโตว์มีหน้าตาขึ้นมาอีกครั้ง
 
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ยินดีในตัวลิงกนกวินี่ แอนทอน อีโก้ นักวิจารณ์อาหารได้มายังร้านกุสโตว์อีกครั้ง และบอกแก่ลิงกนกวินี่ว่าพรุ่งนี้เขาจะมาอีกครั้งด้วยความหวังอย่างสูง แต่ในวันนั้นลิงกนกวินี่และเรมี่แตกคอกัน แต่บังเอิญสกินเนอร์เห็นเรมี่พอดีและรู้ความจริงว่าเรมี่เป็นคนทำอาหาร วันต่อมาสกินเนอร์จึงวางกับดักเรมี่ และจะให้เรมี่ทำอาหารแช่แข็งยี่ห้อเชฟสกินเนอร์แลกกับการไม่ฆ่าเรมี่ ทางด้านร้านกุสโตว์ อีโก้ได้มาถึงและบอกแก่บริกรว่า “บอกเชฟลิงกนกวินี่ของคุณว่าให้เอาอะไรก็ได้ที่เขากล้ามาเสิร์ฟผม ให้เขาซัดผมด้วยสูตรเด็ดของเขาเลย” สกินเนอร์ซึ่งแอบปลอมตัวมาก็สั่งอาหารตามที่อีโก้สั่ง ลิงกนกวินี่ซึ่งไม่รู้จะทำอาหารอะไรดีเพราะตอนนี้เรมี่ไม่อยู่แล้ว เขาจึงกระวนกระวายและวิ่งเข้าห้องทำงานไป
 
เรมี่ได้รับความช่วยเหลือจากพ่อของเขาและเอมิล เรมี่รีบกลับไปที่ร้านกุสโตว์ทันทีเพราะเขารู้ว่าลิงกนกวินี่ต้องทำอาหารไม่ได้แน่ แต่เมื่อเขาไปถึงพวกเชฟก็พยายามจะจับเรมี่ ลิงกนกวินี่เห็นดังนั้นจึงรีบมาปกป้องเรมี่ไว้ และอธิบายว่าเรมี่เป็นคนทำอาหาร ทำให้คนอื่นๆ รับไม่ได้จึงเดินออกจากครัวไปหมด เหลือแต่ลิงกนกวินี่กับเรมี่ ลิงกนกวินี่จึงเดินคอตกเข้าห้องไป พ่อของเรมี่ก็ออกมาและบอกว่าเขามองเพื่อนของเรมี่ผิดไปและมองเรมี่ผิด เขาจึงเรียกพรรคพวกหนูของเขามาและบอกแก่เรมี่ว่า ให้เรมี่สั่งมาได้เลยว่าให้ทำอาหารยังไง แต่บังเอิญเจ้าหน้าที่กรมอนามัยที่สกินเนอร์ได้โทรนัดไว้มาพอดี พ่อของเรมี่จึงให้พรรคพวกส่วนหนึ่งจับไว้ อีกส่วนหนึ่งช่วยเรมี่ทำอาหาร
 
[[ภาพ:Ratatouille movie foodmovie.PNG|thumb|15opx|แรททาทูอีตามที่เห็นในภาพยนตร์]]
ด้านคอเลตต์ ขณะที่เธอกับขี่จักรยานยนต์ไปตามถนน เธอได้เห็นหนังสือของกุสโตว์ ''"ไม่ว่าใครก็ทำอาหารได้"'' เธอจึงยอมที่จะกลับไปที่ร้านกุสโตว์ ขณะนั้นลิงกนกวินี่เป็นบริกรชั่วคราวโดยใช้โรวเลอร์สเก็ตเพื่อความรวดเร็ว เรมี่เสนอคอลเลตต์ให้ทำ [[ราทาทุย|แรททาทูอี]] (Ratatouille) แต่คอลเลตต์แย้งว่ามันเป็นอาหารคนจน แต่เรมี่มั่นใจที่จะทำแรททาทูอี เมื่อแรททาทูอีถูกเสิร์ฟไปยังโต๊ะของอีโก้และสกินเนอร์ เมื่ออีโก้กินเข้าไปคำแรก เขาก็ระรึกถึงวัยเด็กสมัยที่แม่ของเขาเคยทำแรททาทูอีให้กิน สกินเนอร์ซึ่งเมื่อกินแล้วก็บุกเข้าไปถึงในครัวแล้วถามว่าใครเป็นคนทำแรททาทูอี แต่เมื่อเขาเห็นหนูกำลังทำอาหารเขาก็ตกตะลึงและถูกพวกหนูจับขังเหมือนเจ้าหน้าที่อนามัย
 
อีโก้ตอนแรกคิดว่าลิงกนกวินี่เป็นเชฟ แต่ลิงกวินี่บอกอีโก้ว่าเขาเป็นแค่เด็กเสิร์ฟ อีโก้ต้องการจะพบเชฟ คอลเลตต์จึงบอกอีโก้ว่าเขาต้องรอจนกว่าแขกคนอื่นๆ กลับไปหมดก่อน หลังร้านปิดลิงกวินี่ก็เผยว่าเรมี่เป็นคนทำอาหาร และได้พาไปดูถึงในครัว อีโก้จึงได้เปลี่ยนความคิดเดิมๆ ของเขาแล้วเขียนคำวิจารณ์ว่า ตอนนี้ผมพอที่จะเข้าใจความหมายของคำที่ว่า "ไม่ว่าใครก็ทำอาหารได้" และกล่าวว่าเชฟที่ร้านกุสโตว์เป็นเชฟที่ยอดเยี่ยมที่สุดของฝรั่งเศส
 
อย่างไรก็ตามร้านกุสโตว์ถูกปิดโดยกรมอนามัย อีโก้เสียเครดิตไปจำนวนมาก ถึงกระนั้น ลิงกนกวินี่, คอลเลตต์, และเรมี่จึงไปเปิด[[ร้านอาหาร]]เล็กๆ แห่งใหม่ที่ชื่อว่า La Ratatouille โดยมีอีโก้เป็นลูกค้าประจำ ระเบียงด้านบนร้านเป็นร้านอาหารเล็กๆ สำหรับหนู ภาพยนตร์จบลงด้วยภาพคนต่อแถวยาวจากร้าน โดยมีสัญลักษณ์ร้านเป็นหนูใส่หมวกพ่อครัวและถือทัพพี และขึ้นคำว่า "Fin" ซึ่งเป็น[[ภาษาฝรั่งเศส]]แปลว่า "จบ"
{{จบเสียรส}}
 
== ตัวละคร ==
*'''เรมี่''' (RémyRemy)
:หนูชนบทที่มีความใฝ่ฝันอยากที่จะเป็นเชฟชื่อดังในกรุงปารีส โดยตอนหลังอยู่ที่ร้าน La Ratatouille โดยคอยช่วยลิงกวินี่และคอลเลตต์ทำอาหาร<br>ให้เสียงพากย์โดย ''แพทตัน ออสวัลท์''
*'''อัลเฟรโด้ ลิงกนกวินี่''' (Alfredo Linguini)
:ลูกชายของออกุส กุสโตว์ เชฟชื่อดังของฝรั่งเศส ตอนแรกเขาทำงานเป็นเด็กเทขยะ แต่เมื่อมีเรมี่คอยให้ความช่วยเหลือ เขาก็กลายเป็นเชฟที่มีชื่อเสียง โดยมีความสัมพันธ์กับคอลเลตต์ตั้งแต่เรมี่ทำให้ลิงกนกวินี่จูบคอลเลตต์โดยไม่ได้ตั้งใจ<br>ให้เสียงพากย์โดย ''ลู โรมาโน''
*'''คอลเลตต์ ทาทูว์''' (Colette Tatou)
:เชฟผู้หญิงคนเดียวในร้านกุสโตว์ โดยเธอคอยฝึกการเป็นเชฟให้กับลิงกวินี่ตอนที่เข้ามาทำงานใหม่ๆ ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยถูกใจลิงกวินี่เท่าไหร่นัก แต่เมื่อลิงกวินี่จูบเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอกับลิงกวินี่ก็เริ่มออกเดตด้วยกัน ทำให้เรมี่รู้สึกโดดเดี่ยว โดยเธอเป็นคนๆ เดียวที่กลับช่วยเหลือลิงกวินี่จนผ่านวิกฤตไปได้<br>ให้เสียงพากย์โดย ''จานีน กาโรฟาโล''
บรรทัด 77:
 
=== ตัวละครอื่นๆ ===
*Will Arnett พากย์เสียง '''ฮอสส์ฮอร์สท์''' (Horst) ซูเชฟร้านกุสโตว์
*James Remar พากย์เสียง '''ลาร์รูส''' (Larousse) เชฟร้านกุสโตว์
*Tony Fucile พากย์เสียง '''บอมปีดูปอมปีดู''' (Pompidou) เชฟร้านกุสโตว์ และ คนจากกรมอนามัย
*Julius Callahan พากย์เสียง '''ลาโล''' (Lalo) เชฟร้านกุสโตว์ และ '''ฟรังซัวส์''' (Francois) คนออกแบบอาหารให้กับสกินเนอร์
*John Ratzenberger พากย์เสียง '''มุสตาฟาร์''' (Mustafa) บริกรของร้านกุสโตว์
บรรทัด 108:
เนื่องจาก Ratatouille มีเนื้อหาเกี่ยวกับความใฝ่ฝัน ความสวยงาม อย่างเช่นทิวทัศน์ของ[[กรุงปารีส]] ทำให้ Ratatouille แตกต่างจากภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ<ref name="early taste"/>
ของพิกซาร์อย่างชัดเจน ผู้กำกับแบรด เบิร์ด ผู้อำนวยการสร้างแบรด ลูอิส และลูกทีมต้องไปที่ปารีสเพื่อดูสภาพแวดล้อมของเมือง ขี่จักรยานยนต์รอบเมือง และกินอาหารที่ร้านอาหารชื่อดัง 5 ร้านในปารีส<ref name="parlez">{{cite web | title = Parlez-vous Francais | publisher = [[Yahoo!]] | date = [[2007-05-22]] | url = http://movies.yahoo.com/summer-movies/Ratatouille/1808490293/trailers/8/381 | accessdate=2007-05-23}}</ref>
นอกจากนั้น Ratatouille ยังมีฉากเกี่ยวกับน้ำ 2 ฉาก อย่างเช่นฉากที่เรมี่เข้าไปอยู่ในท่อระบายน้ำ และฉากที่ลิงกนกวินี่ค้วาขวดโหลที่ใส่เรมี่ไว้แล้วตกน้ำ พนักงานของพิกซาร์ (Shade/Paint Dept Coordinator Kesten Migdal) ต้องใส่ชุดพ่อครัวและกระโดดลงไปในสระว่ายน้ำของพิกซาร์เพื่อดูว่าผ้าส่วนไหนเปียกจนแนบเนื้อหรือมีสีเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง<ref>{{cite web | title = The Technical Ingredients | publisher = Official site | url = http://disney.go.com/disneypictures/ratatouille/main.html | accessdate=2007-05-23}}</ref>
 
=== การออกแบบอาหาร ===
บรรทัด 493:
*ร้านกุสโตว์ตั้งอยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำแซน (Seine) ใน 5th arrondissements กรุงปารีส
*เพื่อความรวดเร็วในการสร้างตัวละคร [[พิกซาร์]]จึงทำให้ตัวละครที่เป็นคนทั้งหมดไม่มีนิ้วเท้า
*ห้องพักเล็กๆ ของลิงกนกวินี่อยู่ในเขต Montmartre 18th arrondissement ของปารีส
*เรมี่มีขนบนตัวทั้งหมด 1,150,070 เส้น คอลเลตต์มีผมบนศีรษะทั้งหมด 176,030 เส้น เส้นผมมนุษย์ส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 100,000 ถึง 200,000 เส้น
*ลิงกนกวินี่มีความสูง 6 ฟุต 3 นิ้ว (190.5 ซม.) แต่เรมี่มีความสูงเมื่อยืนแค่ 7 นิ้ว (17.78 ซม.)
 
== อ้างอิง ==