ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฤๅษีโคดม"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Manop (คุย | ส่วนร่วม)
แจ้งต้องการเก็บกวาดด้วยสคริปต์จัดให้
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาด +แจ้งรอตรวจสอบด้วยบอต
บรรทัด 1:
{{รอการตรวจสอบ}}
{{เก็บกวาด}}
ท้าวโคดมผู้ครองนครสาเกด ไม่มีธิดาและโอรส เกิดความเบื่อหน่ายราชสมบัติจึงออกผนวชเป็นดาบสบำเพ็ญพรตสองพันปี จนหนวดเครารกรุงรัง ยังมีนกกระจาบป่าสองตัวผัวเมียเวียนออกไข่ที่หนวดเคราพระฤๅษี จนบังเกิดเหตุ นกตัวผู้ออกไปหากินชะมดอกบัวจนมืดค่ำ กลีบดอกบัวหุบลงมากักตัวไว้ เช้าวันรุ่งขึ้นดอกบัวคลี่บาน จึงบินกลับรัง เล่าเรื่องราวให้นางนกฟัง แต่นางนกไม่ยอมเชื่อ หาว่าไปติดนกสาวตัวอื่น ฝ่ายนกตัวผู้จึงสาบานตนว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ขอรับเอาบาปของดาบสไว้แก่ตนเอง
พระฤาดีฤๅดีจึงถามว่าตนมีบาปข้อใดจึงจะรับเอาไป นกกระจาบตัวผู้ตอบว่า มีบาปที่ไม่มีโอรสและธิดา หนีออกจากเมืองมา จึงไม่มีผู้สืบราชสมบัตินับเป็นบาปอย่างยิ่ง พระมหาดาบสตรึกตรองก็เห็นพ้องกับนก จึงโกนหนวดเครา แล้วทำพิธีกองกูณฑ์บูชาไฟ หลับตาบริกรรมคาถา บังเกิดนางขึ้นนกลางไฟ งดงามยิ่งนัก ให้ชื่อว่า นางกาลอัจนา อยู่ด้วยกันต่อมาจนได้ธิดาชื่อว่า สวาหะ
เมื่อฤๅษีโคดมออกป่า พระอินทร์ต้องการแบ่งกำลังฤทธิ์ไว้คอยช่วยพระนารายณ์อวตาร ก็เลยแอบมาเกี้ยวพานางกาลอัจนา และสัมผัสกายนาง นางจึงตั้งครรภ์คลอดบุตรเป็นชาย มีกายสีเขียวอ่อนดังมรกต พระฤๅษีหลงรักยิ่งกว่าราชบุตรีเสียอีก ต่อมานางกาลอัจนาเกิดหลงรักพระอาทิตย์ พระอาทิตย์ต้องการแบ่งกำลังฤทธิ์ไว้คอยช่วยพระนารายณ์อวตารเช่นกัน จึงลงมาหานาง ลูบหน้าลูบหลังนางด้วยความยินดี นางก็ตั้งครรภ์ คลอดบุตรเป็นชาย ผุดผ่องดั่งดวงตะวัน
วันหนึ่งพระฤๅษีโคดมพาลูกน้อยทั้งสามไปเล่นน้ำ ลูกชายคนโตขี่หลัง ลูกชายคนเล็กอุ้มไว้ ลูกสาวเดินตาม นางสวาหะคับแค้นใจจึงบ่นว่า “ ทีลูกตัวเองให้เดินดิน ลูกเขาล่ะก็ทั้งอุ้มทั้งขี่หลัง ” พระฤๅษีเอะใจในคำนางสวาหะ จึงซักถามจนได้ความ พระฤๅษีจึงยกมือพนม ตั้งสัตย์อฐิษฐานจะโยนเด็กทั้งสามลงกลางน้ำ ถ้าเป็นลูกตนให้ว่ายกลับมาหา ถ้าเป็นลูกชายคนอื่นให้เป็นลิงป่า อย่าว่ายคืนกลับมา นางสวาหะว่ายกลับมา บุตรชายทั้งสองว่ายน้ำขึ้นฝั่ง กลายเป็นลิงวิ่งเข้าป่าไป