ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ขุนช้างขุนแผน"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
อัตตะสันติ (คุย | ส่วนร่วม) ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
Miwako Sato (คุย | ส่วนร่วม) ดูเพิ่มใช้แก่ลิงก์ภายใน +จัดรูปแบบไม้ยมกด้วยสจห. |
||
บรรทัด 1:
{{ต้องการอ้างอิง}}▼
{{ไม่เป็นสารานุกรม}}
{{ตารางวรรณคดี
| กวี = ไม่ทราบ....
เส้น 9 ⟶ 11:
| ลิขสิทธิ์ = [[กรมศิลปากร]]
}}
▲{{ต้องการอ้างอิง}}
{{วิกิซอร์ซ|ขุนช้างขุนแผน}}
เสภาเรื่อง'''ขุนช้างขุนแผน''' เป็นนิทาน[[มหากาพย์]]พื้นบ้านของไทย เค้าเรื่องขุนช้างขุนแผนนี้สันนิษฐานว่าเคยเกิดขึ้นจริงในสมัย[[กรุงศรีอยุธยา]] แล้วมีผู้จดจำเล่าสืบต่อกันมา เนื่องจากเรื่องราวของขุนช้างขุนแผนมีปรากฏในหนังสือ[[คำให้การชาวกรุงเก่า]] แต่มีการดัดแปลงเพิ่มเติมจนมีลักษณะคล้าย[[นิทาน]]เพื่อให้เนื้อเรื่องสนุกสนานชวนติดตามยิ่งขึ้น รายละเอียดในการดำเนินเรื่องยังสะท้อนภาพการดำเนินชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของชาวสยามในครั้งอดีตได้อย่างชัดเจนยิ่ง จนนัก[[ภาษาศาสตร์]] นาม[[วิลเลี่ยม เก็ดนี่ย์]] กล่าวว่า "ข้าพเจ้ามักคิด
เรื่องขุนช้างขุนแผนนี้
สำหรับเนื้อหาของขุนช้างขุนแผนในปัจจุบัน [[พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย]]ได้โปรดเกล้าฯ ให้กวีในรัชสมัยของพระองค์ ตลอดจนพระองค์เองร่วมกันแต่งและทรงพระราชนิพนธ์ขี้นเป็น[[วรรณคดี]]ที่มีค่าทั้งในด้านความไพเราะและในลีลาการแต่ง ตลอดจนเค้าโครงเรื่อง ได้รับการยกย่องตาม'''พระราชบัญญัติวรรณคดีสโมสร'''ในรัชกาล[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]]ว่าเป็นยอดของหนังสือประเภท[[กลอน]][[เสภา]] และได้รับประทับราชลัญจกรรูป[[พระคเณศร์]]ไว้เป็นเครื่องหมายของการยกย่องนั้นด้วย
เส้น 28 ⟶ 29:
ขุนช้างขุนแผน เป็น นิทานพื้นบ้านของไทยโบราณ มีต้นกำเนิดมาจากความบันเทิงพื้นบ้านประมาณปี ค.ศ. 1600 ซึ่งพัฒนาโดยนักเล่านิทาน สำหรับผู้ชมผู้ฟังในท้องถิ่น และส่งต่อเรื่องราวด้วยการบอกเล่าแบบปากต่อปาก
อนึ่งในศตวรรษที่ 18 การแสดงเรื่องดังกล่าวได้กลายเป็นรูปแบบความบันเทิงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสยาม นักเล่านิทานมักเล่าเรื่องด้วยการบรรยายอย่างมีสไตล์ โดยใช้ไม้
อนึ่ง การขับแสดงเรื่องของขุนช้างขุนแผนสร้างแนวใหม่ที่เรียกว่าเสภา และเป็นเวลาอย่างน้อย
หนึ่งศตวรรษมาแล้ว
คำศัพท์นี้ใช้เฉพาะบางงานนี้เท่านั้น
ในสมัย[[รัชกาลที่ 4]] (ค.ศ. 1851–1868) ข้อความจากพระราชพงศาวดารบางส่วนและงานอื่น ๆ อีกสองสามชิ้นก็ถูกนำมาเสนอในรูปแบบของเสภานี้ด้วยพระราชกรณียกิจ แต่ทั้งหมดก็หายไป เหลือเพียงเศษเสี้ยว
อนึ่ง ที่มาของคำเสภานี้ ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ มีรูปแบบของดนตรีในชื่อเดียวกันนี้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวข้องกันเลย [[คึกฤทธิ์ ปราโมช]] คิดว่า คำว่า เสภา นี้ หมายถึงคุกและเสภานี้พัฒนามาโดยนักโทษในเรือนจำ ส่วน [[สุจิตต์ วงษ์เทศ]] แย้งว่า เสภามีความเชื่อมโยงกับคำภาษาสันสกฤตว่า "เสวะ" ซึ่งแสดงถึงความเกี่ยวข้องดั้งเดิมกับพิธีกรรม ทางศาสนา
เส้น 49 ⟶ 50:
รัชกาลที่ 3 เมื่อยังทรงกรมเป็น [[กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์]]และกวีอย่าง[[สุนทรภู่]]
ต่อมาได้มีการรวบรวมบท
ซึ่งน่าจะเป็นในสมัยรัชกาลที่ 3
โดย[[ครูแจ้ง]]นักขับเสภาและนักเล่นเพลงปรบไก่ ไม่ค่อยมีใครรู้จักประวัติของเขานัก นอกจากเขาอ้างอิงชื่อตัวเองใว้ในบทกวีเท่านั้น
เส้น 57 ⟶ 58:
อนึ่ง สว่นฉบับมาตรฐานที่จัดพิมพ์แบบสมัยใหม่นั้นปรากฏพิมพ์เป็นสามเล่มในปี พ.ศ. 2460-2461 จัดพิมพ์โดยหอพระสมุดพระวชิรญาณ
และชำระใหม่โดย[[สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ]] ที่ทรงรวบรวมมาจากต้นฉบับสมุดไทย ทั้งสี่ชุด และสมุดไทยเล่มปลีก
อนึ่ง ฉบับมาตรฐานนี้มีประมาณ 20,000 คำกลอน ทรงแบ่งออกเป็น 43 ตอน เรื่องตอนต้นจบลงในตอนที่ 36 แต่ทรงรวมอีกเจ็ดตอนไว้ด้วยเนื่องจากตอน
นักกวีและนักเขียนได้แต่งตอน
แต่เรื่องภาคปลายนี้ประมาณ 50 บท ต่อมาได้รับการตีพิมพ์ในโอกาศ
== ที่มาของเรื่อง ==
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเชื่อว่าเรื่องราวของขุนช้างขุนแผนนั้น มีพื้นฐานมาจากเหตุการณ์จริงซึ่งเกิดขึ้น
ในแผ่นดินรัชสมัยของ[[สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2]] หลักฐานที่พระองค์ทรงอ้างอิงนั้นเชื่อกันว่าเป็นคำให้การของนักโทษชาวไทยในพม่าที่ถูกจับไปหลังจากการล่มสลายของกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2310 ชื่อว่า [[คำให้การชาวกรุงเก่า]] ที่ค้นพบและแปลแล้วตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2457 เป็นบันทึกที่เล่าถึงชื่อขุนแผนในการทำสงครามกับทางเชียงใหม่
เส้น 75 ⟶ 76:
เช่นตอนพลายแก้วสู่ขอและแต่งงานกับนางพิม แต่แล้วก็ถูกเกณฑ์ไปสงคราม ขุนช้างมาสู่ขอจากแม่และเกลี้ยกล่อมนางพิม ฉุดกระชากนางพิม จนเป็นเมียขุนช้าง พลายแก้วกลับมาจากสงคราม ได้เป็นขุนแผน เกิดการทะเลาะวิวาทที่ตามมา
จนวันทองถูกตัดสินประหารชีวิต จากนั้นเรื่องราวก็ถูกขยายออกไป เมื่อตอน
บางตอนเป็นที่รู้จักว่าเป็นการนำเหตุการณ์
== การดัดแปลงเป็นสื่อ ==
แม้กวีนิพนธ์นั้นจะกลายเป็นฉบับมาตรฐานของเรื่องขุนช้างขุนแผนก็ตาม แต่เรื่องราวเหล่านี้ก็ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบ
ในช่วงศตวรรษที่ 19 มีการนำตอน
ในช่ววศตวรรษที่ 20 มีการนำตอน
มีการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์อยู่ 5 เวอร์ชั่น
เส้น 121 ⟶ 122:
ใน[[จังหวัดสุพรรณบุรี]]และ[[พิจิตร]]เมืองที่มีความโดดเด่นในเนื่อเรื่อง ยังมีชื่อถนนสายหลักที่ได้รับการตั้งชื่อตามตัวละครในเรื่องด้วย
ในสถานที่
เมืองพิจิตรเก่าของนางศรีมาลาและบ้านถ้ำในจังหวัดกาญจนบุรีของนางบัวคลี เป็นต้น
ในพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันมีการสร้างบ้านทรงไทยแบบเก่าแล้วตั้งอยู่ในบริเวณคุกที่เชื่อกันว่าขุนแผนถูกจองจำ บ้านหลังนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "คุ้มขุนแผน" และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในจังหวัด บ้านที่คล้ายกันนี้ก็เพิ่งสร้างขึ้นที่วัดแคในจังหวัดสุพรรณบุรีเช่นกัน วัดนี้ยังมีต้นมะขามเก่าแก่ที่มีตำนานเล่าขานกันว่าเป็นที่เณรแก้วลองวิชาเสกใบมะขามให้เป็นตัวต่อได้
ที่[[วัดป่าเลไลยก์]]จังหวัดสุพรรณบุรีก็ได้สร้างแบบจำลองเรือนของขุนช้างขึ้น ให้ตรงกับที่พรรณาในเสภาให้มากที่สุด และได้เริ่มงานการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องขุนช้างขุนแผน
==ตัวละคร==
{{โครง-ส่วน}}
== อ้างอิง ==
|