ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เหมา เจ๋อตง"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 28:
เหมาเป็นลูกชายของชาวนาเจ้าของที่ดินใน[[เฉาชาน]] มณฑลหูหนาน เขาเป็นฝ่ายชาตินิยมจีนและมีทัศนคติต่อต้านจักรวรรดินิยมในช่วงชีวิตแรกของเขา และได้รับอิทธิพลจากเหตุการณ์ของการปฏิวัติซินไฮ่ในปี ค.ศ. 1911 และขบวนการ 4 พฤษภาคมในปี ค.ศ. 1919 หลังจากนั้นเขาได้นำลัทธิมากซ์-เลนินมาใช้ ในขณะที่ทำงานในมหาวิทยาลัยปักกิ่ง และกลายเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ได้นำการก่อการกำเริบเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงในปี ค.ศ. 1927 ในช่วงสงครามกลางเมืองจีนระหว่าง[[พรรคก๊กมินตั๋ง]]และพรรคคอมมิวนิสต์จีน เหมาได้ช่วยในการก่อตั้งกองทัพกรรมากรและชาวนาจีนหรือก็คือกองทัพจีนแดงในปัจจุบัน ภายใต้การนำโดยนโยบายที่ดินที่หัวรุนแรงของเจียงซี-โซเวียต และท้ายที่สุดก็กลายเป็นหัวหน้าของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในช่วง[[การเดินทัพทางไกล]] แม้ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะเป็นพันธมิตรชั่วคราวกับพรรคก๊กมินตั๋งภายใต้แนวร่วมที่สองในช่วง[[สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง]](ค.ศ. 1937-1945) สงครามกลางเมืองจีนก็ได้กลับมาอีกครั้งหลังจากญี่ปุ่นได้ยอมจำนน และในปี ค.ศ. 1949 กองทัพของเหมาเอาชนะรัฐบาลฝ่ายชาตินิยมมาได้ ซึ่งก็ได้หลบหนีไปยังเกาะไต้หวัน
วันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1949 เหมาได้ประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นรัฐที่มีพรรคเดียวที่ถูกควบคุมโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในปีต่อมา เขาได้
ในฐานะที่เป็นคนที่ได้มีการถกเถียงกันว่า เหมาเป็นบุคคลที่สำคัญและมีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกสมัยใหม่ เขายังเป็นที่รู้จักกันคือ นักปัญญาชนทางการเมือง นักทฤษฎี นักยุทธศาสตร์การทหาร กวี และผู้มีวิสัยทัศน์ ในยุคสมัยเหมา จีนได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ[[สงครามเกาหลี]] [[ความแตกแยกระหว่างจีน–โซเวียต|ความขัดแย้งของจีน-โซเวียต]] [[สงครามเวียดนาม]] และการเถลิงอำนาจของ[[เขมรแดง]] โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี ค.ศ. 1972 เหมาได้[[การเยือนประเทศจีนของนิกสัน พ.ศ. 2515|ต้อนรับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ ริชาร์ด นิกสัน]] ในกรุงปักกิ่ง เป็นการส่งสัญญาณการเริ่มต้นนโยบายการเปิดประเทศจีนสู่โลก ผู้สนับสนุนต่างยกย่องเขาว่าเป็นผู้ขับไล่ลัทธิจักรวรรดินิยมออกไปจากประเทศจีน ปรับปรุงประเทศให้มีความทันสมัย และสร้างให้กลายเป็นมหาอำนาจของโลก ส่งเสริมสถานะสตรี ปรับปรุงเรื่องการศึกษาและสุขภาพ เช่นเดียวกับการเพิ่มอายุขัยโดยเฉลี่ยของชาวจีน ในทางกลับกัน ระบอบการปกครองของเขาก็ถูกเรียกว่าเป็นเผด็จการและระบบรวบอำนาจเบ็ดเสร็จ และถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการกดขี่ข่มเหงมวลชนและทำลายศิลปวัตถุทางศาสนาและวัฒนธรรม นอกจากนี้ยังมีส่วนรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของเหยื่อจำนวนมากโดยมีการประมาณตั้งแต่ 30 ถึง 80 ล้านคนผ่านทางความอดอยาก กดขี่ข่มเหง นักโทษแรงงาน และการประหารชีวิตหมู่
|