ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วัดธาตุทอง (กรุงเทพมหานคร)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Chainwit. (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: เครื่องมือแก้ไขต้นฉบับปี 2560
Dharmadana (คุย | ส่วนร่วม)
เปลี่ยนไปใช้เลขอารบิกด้วยสจห.
บรรทัด 6:
| image_temple = วัดธาตุทอง ปี 2564.jpg
| short_describtion = วัดธาตุทอง พระอารามหลวง เมื่อมองจาก[[สถานีเอกมัย]]
| type_of_place = [[พระอารามหลวง]]ชั้นตรี ชนิดสามัญ<ref>[[ราชกิจจานุเบกษา]], [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2555/D/071/11.PDF ประกาศสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เรื่อง ยกวัดราษฎร์เป็นพระอารามหลวง [วัดธาตุทอง]], เล่ม ๓๒32, ตอน 0 ก, 3 ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๘2458, หน้า ๒๘๔284 </ref>
| branch = [[เถรวาท]] [[ธรรมยุติกนิกาย]]
| special_things =
บรรทัด 37:
}}
 
'''วัดธาตุทอง พระอารามหลวง''' เป็น[[พระอารามหลวง]] ชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่บน[[ถนนสุขุมวิท]] แขวงพระโขนงเหนือ [[เขตวัฒนา]] วัดนั้นก่อตั้งเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๘๑2481 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๒๔24 ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๘๓2483 (เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๔๐40 เมตร ยาว ๘๐80 เมตร) ผูก[[พัทธสีมา]] ฝัง[[ลูกนิมิต]]อุโบสถ เมื่อวันที่ 2-8 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๐๕2505 มีเนื้อที่ ๕๔54 ไร่ 3 งาน ๘๒82 ตาราง (เลขที่ ๑๔๙149 โฉนดที่ ๔๐๓๗4037) วัดธาตุทองฯ แท้จริงแล้วมีประวัติความเป็นมายาวนาน ย้อนกลับไปถึงยุคสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี ก่อนจะมาตั้งอยู่บนน[[ถนนสุขุมวิท]]ในปัจจุบัน
 
== ที่ตั้ง ==
บรรทัด 45:
 
== ประวัติ ==
วัดธาตุทอง พระอารามหลวง ในอดีต อารามแห่งนี้เดิมมี 2 วัด คือวัดหน้าพระธาตุ และวัดทองล่าง วัดหน้าพระธาตุตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลคลองเตย อำเภอพระโขนง จังหวัดพระนคร เป็นวัดเก่าที่สร้างขึ้นในสมัยอโยธยา ([[กรุงศรีอยุธยา]]) หน้าวัดมีพระพุทธเจดีย์ใหญ่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สถาปนาโดย พระเจ้าสายน้ำผึ้งหรือพระเจ้าดวงกฤษณราช กษัตริย์แห่งอโยธยา (ปรากฏในพงศาวดารเมืองเหนือ-อยุธยามรดกโลก) ส่วนวัดทองล่างนี้เล่ากันมาว่า สถานที่ตรงนั้นเป็นสวนผลไม้ของ ปู่ ย่า ตา ยาย ของนายทอง โดยได้รับมรดกจากวงศ์สกุล นัยว่า กลางสวนนั้นมีต้นโพธิ์ใหญ่โตมาก นายทองจึงเป็นกังวลเพราะเห็นว่าต้นโพธิ์เป็นต้นไม้ในวัด ไม่สมควรจะให้อยู่ในบ้าน จะโค่นทิ้งเสียก็กลัวว่า จะเป็นอันตรายแก่ตนและครอบครัว จึงบริจาคที่ส่วนนั้นสร้างเป็นวัดเล็กๆขึ้น พอเป็นที่อยู่ของพระพอสมควร วัดนั้นยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ดี แต่ก็ยังมีสมภารชาวรามัญรูปหนึ่งชื่อว่า "กะทอ" กะทอเป็นภาษารามัญ กะ แปลว่า ปลาตะเพียน ทอ แปลว่า ทอง กะทอ จึงแปลว่า ปลาตะเพียนทอง ส่วนชาวบ้านแถวนั้นเรียกว่า สมภารทอง สมภารกับนายทองเจ้าของวัดต่างร่วมกันทำนุบำรุงวัดจัดสร้างอุโบสถเสนาราม ต่อมาท่านทั้ง 2 เล็งถึงนิมิตหมาย 3 ประการ คือ ดังนี้
 
1. ที่เดิมมีต้นโพธิ์อยู่±
 
2. เจ้าของที่ชื่อนายทอง
 
3. สมภารชื่อทอง
 
จึงตั้งชื่อวัดนี้ขึ้นว่า "วัดโพธิ์สุวรรณาราม" หรือวัดโพธิ์ทอง ครั้นนายทองถึงแก่กรรม ผู้เป็นบุตรจึงได้ปฏิสังขรณ์วัดเป็นลำดับมา ในชั้นหลังๆวัดนี้ชาวบ้านเรียกกันว่า "วัดทอง" ภายหลังวัดทอง มีหลายแห่งตามแม่น้ำเจ้าพระยา มีทั้งด้านบนและล่างจึงเพิ่มอักษรท้ายชื่อนี้ว่า "วัดทองล่าง" คู่กับวัดทองบน ที่ตั้งของวัดทองล่างนี้ อยู่ใกล้กับฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ปากคลองพระโขนง
 
ต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๔๘๐2480 รัฐบาลในสมัยนั้นต้องการที่ตำบลคลองเตย ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อสร้างท่าเรือกรุงเทพฯ วัดหน้าพระธาตุและวัดทองล่าง ซึ่งอยู่ภายในบริเวณนั้น จึงถูกเวนคืนที่ดิน โดยรัฐบาลชดใช้เงินให้เพื่อไปรวมกับวัดอื่น หรือไปสร้างวัดใหม่ขึ้น โดยทางคณะสงฆ์จึงตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง มีพระเดชพระคุณพระมหารัชมังคลาจารย์ (เทศ นิเทสสกเถร) สมัยเมื่อยังดำรงสมณศักดิ์ที่พระรัชมงคลมุนี วัดสัมพันธวงศ์ เป็นประธานกรรมการและท่านเจ้าคุณพระพรหมมุนี (ผิน สุวจเถร) ครั้งยังเป็นพระเทพมุนี วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นผู้แนะนำเลือกสถานที่ดินที่สร้างวัด มีเนื้อที่ ๕๔54 ไร่ 3 งาน ๘๒82 ตารางวา ราคาที่ดินไร่ละ ๕๐๐500 บาท หรือวาละ 5 สลึงสถานที่ตั้งอารามในปัจจุบัน โดยถือกรรมสิทธิ์เป็นที่วัดธาตุทอง เมื่อวันที่ ๒๓23 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๘๐2480
 
คณะกรรมการได้จัดการย้ายเสนาสนะถาวรวัตถุ"วัดหน้าพระธาตุและวัดทองล่าง" มาปลูกสร้างรวมกันที่ตำบลคลองบ้านกล้วย ณ สถานที่แห่งนี้ โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารเป็นองค์อุปถัมภ์ และทรงนำมงคลนาม ทั้ง 2 วัดนี้มารวมกันประทานนามใหม่ว่า "วัดธาตุทอง" ย้ายมาเมื่อปี พุทธศักราช ๒๔๘๑2481 ปี ๒๔๘๒2482 จึงเริ่มมีพระภิกษุสามเณรจำพรรษาเป็นคราวแรก ปี ๒๔๘๓2483 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาและได้เริ่มก่อสร้างปูชนียวัตถุ ถาวรวัตถุต่างๆตามลำดับเรื่อยมา
 
ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๙19 กุมภาพันธุ์ ๒๕๕๐2550 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระกรุณารับวัดธาตุทองไว้ในพระอุปถัมภ์ และประทานตราสัญลักษณ์ใหม่ให้แก่วัด เมื่อวันที่ ๑๑11 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐2550 และ [[พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร]] ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกวัดธาตุทอง เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ ในวันที่ ๒๙29 <math></math>พฤษาภาคม ๒๕๕๕2555 จวบจนปัจจุบัน
 
== พระมหาเจดีย์ ๘๔84 พรรษา ราชนครินทร์ ==
 
สิ่งสำคัญยิ่งที่ควรจดจำไว้สำหรับวัดธาตุทองอีกประการหนึ่งคือ พระกรุณาธิคุณของ [[สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์]] ที่นอกจากจะทรงพระกรุณารับวัดธาตุทองไว้ในพระอุปถัมภ์ และประทานตราสัญลักษณ์ใหม่ให้แก่วัด แล้วนั้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๘18 พฤศจิกายน ๒๕๕๐2550 ก็ได้ประทานผ้าพระกฐินให้อัญเชิญมาทอด ณ วัดธาตุทอง โดยรวมปัจจัยเป็นกองทุนสร้างพระมหาเจดีย์ ๘๔84 พรรษา ราชนครินทร์ ด้วย เป็นต้น
 
== ปูชนียวัตถุ ==
บรรทัด 69:
วัดธาตุทองฯ มีปูชนียวัตถุ ที่สำคัญ ดังนี้
1. พระเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ย้ายมาจากวัดหน้าพระธาตุ
 
2. พระสัพพัญญู พระประธานประจำอุโบสถ ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๗๐70 นิ้ว สูง-นิ้ว สร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๙๕2495
 
3. พระพุทธชินินทร ประจำอุโบสถ สมัยอู่ทอง หน้าตักกว้าง ๓๒32 นิ้ว
 
4. หลวงพ่อพระพุทธอภิบาลปวงชน หน้าตักกว้าง ๓๒32 นิ้ว สร้างเมื่อวันที่ ๒๕25 สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๒๕2525 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เปิดพระนามเมื่อวันที่ ๑๒12 ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๕2525
 
5. พระพุทธมนต์ปรีชา สุโขทัย พระประธานหอประชุม (ปัจจุบัน ประดิษฐานภายในอุโบสถ)
 
6. พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุอินแขวนจำลอง
 
7. พระพุทธชินราชจำลอง ประจำวิหารลิมปาภรณ์
 
== ศาสนสถานและเสนาสนะที่สำคัญ ==
 
1. อุโบสถ ขนาดกว้าง ๑๐10 เมตร ยาว ๒๔24 เมตร สร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๙๐2490 ลักษณะอาคารเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก สร้างเสร็จสมบูรณ์ ผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต เมื่อวันที่ 2-8 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๐๕2505
 
2. ศาลาการเปรียญ ขนาดกว้าง ๑๒12.๒๐20 เมตร ยาว ๒๒22 เมตร สร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๘๒2482 (ย้ายมาจากวัดทองล่าง คุณหญิงศวงศ์บูรณะใหม่)
 
3. หอระฆัง 1 หลัง สร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๙๗2497 ปัจจุบันรื้อถอน เพื่อใช้สถานที่สร้างพระมหาเจดีย์
 
4. หอประชุม-ศาลา เอนกประสงค์ ขนาดกว้าง ๑๔14.๓๐30 เมตร ยาว ๒๔24.๓๐30 เมตร ลักษณะอาคารเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก สร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๙๙2499(มีการแสดงพระธรรมเทศนาเช้า-เย็นในวันพระ และในวันอาทิตย์) ปัจจุบันรื้อถอนเพื่อใช้สถานที่สร้างพระมหาเจดีย์
 
5. วิหารลิมปาภรณ์ ขนาดกว้าง ๑๐10 เมตร ยาว ๒๐20 เมตร เป็นสถานที่ศึกษาพระอภิธรรม และ เป็นสถานที่เจริญสมาธิภาวนา สำหรับประชาชนทั่วไป ทุกวันอาทิตย์ สร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๑๔2514
 
6. ฌาปนสถานทรงไทย 2 หลังติดกัน กว้าง ๑๑11.๘๐80 เมตร ยาว ๓๗37.๓๐30 เมตร
 
7. อาคารศาลาบำเพ็ญกุศล เพื่อประกอบพิธีกรรมต่างๆ จำนวน ๘๓83 หลัง ลักษณะอาคารเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
 
8. กุฏิสงฆ์ จำนวน ๔๕45 หลัง ลักษณะอาคารเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
==ลำดับเจ้าอาวาส==
 
นับตั้งแต่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา พระอารามแห่งนี้มีเจ้าอาวาสมาแล้วทั้งสิ้น 4 องค์ได้แก่
 
{|class="wikitable" align="center" style="text-align:center"