พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์

พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ หรือ พิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์ จัดขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อปี พ.ศ. 2496 และเริ่มจัดพิธีนี้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระมหากษัตริย์ไทย

พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงตรวจกำลังพลสวนสนามในปี พ.ศ. 2547

ประวัติการจัดพิธีฯ

แก้

แต่เดิมพิธีนี้มิได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี หากแต่จัดเป็นครั้งคราวตามที่กระทรวงกลาโหมหรือกองทัพบกจะกำหนด ปรากฏมีบันทึกว่า พิธีนี้เริ่มขึ้นครั้งแรกในรัชกาลที่ 9 ในปี พ.ศ. 2496 สมัยที่จอมพล แปลก พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี โดยจัดให้มีขึ้น เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ซึ่งตรงกับวันที่ 11 พฤศจิกายน และเพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานธงไชยเฉลิมพล เพื่อใช้แทนธงไชยเฉลิมพลของเดิม โดยมีพล.อ. กฤษณ์ สีวะรา ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ในขณะนั้น เป็นผู้บังคับการขบวนสวนสนาม และทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ เป็นพลสวนสนาม

หลังจากพิธีในครั้งนั้นก็ได้ว่างเว้นมาอีกเป็นเวลาหลายปี จนถึง พ.ศ. 2500 สมัยที่จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์เป็นนายกรัฐมนตรี มีบัญชาให้ กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ จัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรขึ้นเป็นครั้งแรก ในวันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2500[1]

ต่อมาได้กำหนดให้มีการถวายพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินนิวัตพระนคร หลังจากทรงเสร็จสิ้นพระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศในทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยได้จัดพิธีสวนสนามของบรรดาทหารบก ทหารเรือ และ ทหารอากาศ เมื่อวันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2504 ซึ่งรัฐบาลในขณะนั้นประกาศให้เป็น "วันพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม" แต่ทหารทั้งสามเหล่าแต่งกายด้วยเครื่องแบบของแต่ละเหล่าทัพ มิได้แต่งเครื่องแบบเต็มยศ

หน่วยทหารรักษาพระองค์ในกรุงเทพมหานครเข้าร่วมพิธี จำนวนทั้งหมด 8 กองพัน จัดเป็น 2 กรมสวนสนาม มีรายละเอียดดังนี้

นับจากนั้นเป็นต้นมา พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามฯ ที่จัดขึ้นในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ นี้ ก็ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ พระลานพระราชวังดุสิต หลังจากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม กำหนดให้วันที่ 3 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันพิธีฯ เนื่องจากต้องการให้ได้ทรงพักผ่อนพระวรกายในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ซึ่งในช่วงระหว่างนั้น (4 และ 6 ธันวาคม) มีพระราชกรณียกิจหลายประการอันเกี่ยวเนื่องกับพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

ต่อมา ในปี พ.ศ. 2525 หน่วยทหารรักษาพระองค์ในส่วนภูมิภาคและเหล่าทัพอื่น ๆ คือ กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ได้เข้ามาร่วมพิธีด้วย จึงกำหนดการจัดหน่วยเข้าร่วมพิธีเพิ่มขึ้น จาก 8 กองพัน เป็น 12 กองพัน แบ่งออกเป็น 4 กรมสวนสนาม กรมละ 3 กองพัน แต่ละกองพันสวนสนามประกอบด้วยพลสวนสนาม 144 นาย (จัดแถวแบบ 12x12) หมู่แตรเดี่ยว 8 นาย หมู่เชิญธงไชยเฉลิมพล 4 นาย และผู้บังคับกองพัน 1 นาย

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 เป็นต้นมา กองพันทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ ได้จัดให้กำลังพลขี่ม้าเข้าร่วมพิธีด้วย จำนวนกองพันที่เข้าร่วมพิธีจึงเพิ่มเป็น 12+1 กองพัน โดยกองพันทหารม้าดังกล่าวจะเป็นกองพันสุดท้ายในขบวนสวนสนาม

อนึ่ง ช่วงปี พ.ศ. 2521 - 2526 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (เมื่อครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร) ได้ทรงร่วมในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ ในฐานะผู้บังคับกองพันสวนสนาม และในปี พ.ศ. 2529 ทรงร่วมในพิธีอีกครั้งในฐานะผู้บังคับการกรมสวนสนาม

ตัวอย่างการจัดหน่วยสวนสนามในพิธีฯ ประจำปี พ.ศ. 2548

แก้

ลำดับขั้นตอนพิธี

แก้
  1. ทหารรักษาพระองค์ทั้ง 12 กองพันพร้อมกันที่จุดรวมพลบริเวณถนนราชดำเนินนอก
  2. ทหารปืนใหญ่ยิงพลุสัญญาณ ทหารทั้ง 12 กองพันเริ่มเดินสวนสนามมาตามแนวถนนราชดำเนินมาจนถึงลานพระราชวังดุสิต แล้วจัดแถวรอรับการเสด็จพระราชดำเนิน
  3. พระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนินมาถึงพลับพลาที่ประทับ
  4. เมื่อใกล้ถึงเวลาเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้บังคับกองผสมสั่งทหารติดดาบ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ออกจากพลับพลาที่ประทับไปยังหัวแถวกองผสมเพื่อรอรับเสด็จ
  5. พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (ขณะทรงดำรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร) เสด็จพระราชดำเนินออกทางประตูทวยเทพสโมสรด้วยรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุน ผู้บังคับกองผสมสั่งวันทยาวุธถวายความเคารพ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี แตรเดี่ยวเป่าสัญญาณถวายคำนับ 3 จบ ผู้บังคับกองผสมออกวิ่งไปยังหัวแถวทหารเพื่อไปถวายรายงาน
  6. เมื่อสิ้นสุดการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ผู้บังคับกองผสมกราบบังคมทูลถวายรายงานและกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินทรงตรวจพลสวนสนาม
  7. พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินทรงตรวจพลสวนสนามโดยมีผู้บังคับกองผสมและนายทหารชั้นผู้ใหญ่ตามเสด็จ ดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ชธงไชยเฉลิมพล เสร็จแล้วเสด็จพระราชดำเนินขึ้นพลับพลาที่ประทับ
  8. ผู้บังคับกองผสมสั่งปลดดาบ เจ้ากรมสารบรรณทหารบกทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนฯ
  9. พลแตรเดี่ยวเป่าสัญญาณเตรียมตัว หมู่เชิญธงชัยเฉลิมพลออกมาหน้าแถวเพื่อเตรียมเชิญธงฯ ไปยังหน้าพลับพลา
  10. พลแตรเดี่ยวเป่าสัญญาณหน้าเดิน หมู่เชิญธงฯ อัญเชิญธงฯ โดยการเดินเปลี่ยนสูงไปยังหน้าพลับพลา ดุริยางค์บรรเลงเพลงมหาชัยจนทุกหมู่มาพร้อมกันที่หน้าพลับพลา
  11. นายทหารชั้นผู้ใหญ่ออกมาตั้งแถวหน้าพลับพลาที่ประทับ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดทูลเกล้าฯ ถวายพานดอกไม้ ธูปแพ เทียนแพ
  12. ผู้บัญชาการทหารสูงสุดกล่าวคำถวายพระพร และนำทหารกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตน จบแล้วดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารทุกนายถวายความเคารพและขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีถวาย ทหารปืนใหญ่ยิงสลุตเฉลิมพระเกียรติ 21 นัด ตามจังหวะเพลง ในสนามเสือป่ามีการปล่อยลูกโป่งสีและแพรถวายพระพร
  13. พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำรัสตอบทหาร จบแล้วดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารทุกนายถวายความเคารพ
  14. หมู่เชิญธงฯ ทุกหมู่กลับเข้าประจำแถวของตน ดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ชธงไชยเฉลิมพล
  15. พลแตรเดี่ยวให้สัญญาณเตรียมตัว ผู้บังคับกองผสมสั่งทหารติดดาบ และสั่งแถวทหารแปรขบวนเตรียมการสวนสนาม
  16. พลแตรเดี่ยวให้สัญญาณหน้าเดิน กองผสมทำการสวนสนามผ่านหน้าพลับพลาที่ประทับจนครบทุกกอง ดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ชราชวัลลภ แต่ในขณะที่กองพันที่ 13 คือ กองพันทหารม้าที่ 29 รักษาพระองค์ ซึ่งได้นำม้ามาเข้าร่วมสวนสนามด้วยนั้น ดุริยางค์จะเปลี่ยนไปบรรเลงเพลง King Cotton แทน เพื่อให้สอดคล้องกับจังหวะการเดินของม้า
  17. ดุริยางค์ทหารเคลื่อนขบวนมายังหน้าพลับพลาที่ประทับ เพื่อขับร้องเพลงถวายพระพร ซึ่งประพันธ์โดยกองดุริยางค์ทหารบก (กรมดุริยางค์ทหารบก ในปัจจุบัน)
  18. พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ พระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนินกลับ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี แตรเดี่ยวเป่าสัญญาณถวายความเคารพ 3 จบ ผู้บังคับกองผสมกล่าวนำทหารถวายพระพร "ทรงพระเจริญ" 3 ครั้ง
  19. แตรเดี่ยวให้สัญญาณเลิกแถว ผู้บังคับกองผสมสั่งเลิกแถว ดุริยางค์บรรเลงเพลงเดิน (เพลงสยามานุสสติ)

คำถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์

แก้

ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม

  • ข้าพระพุทธเจ้า (ยศ-ชื่อ-นามสกุล) ขอถวายคำสัตย์ปฏิญาณ ต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทว่า
  • ข้าพระพุทธเจ้า จะยอมตายเพื่อรักษาไว้ ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ แห่งพระมหากษัตริย์เจ้า
  • ข้าพระพุทธเจ้า จะจงรักภักดี และถวายความปลอดภัย ต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จนชีวิตหาไม่
  • ข้าพระพุทธเจ้า จะเชิดชูและรักษาไว้ ซึ่งเกียรติยศ เกียรติศักดิ์ ของทหารรักษาพระองค์ ทั้งจะปฏิบัติตน ให้เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททุกประการ

พระพุทธเจ้าข้าขอรับ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

การเปลี่ยนแปลง

แก้

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

  • ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 – 2501 มีขั้นตอนในการพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์แก่ธงไชยเฉลิมพลด้วย[1][2]
  • ปี พ.ศ. 2500 จัดพิธีในวันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม ซึ่งตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษา[1]
  • ปี พ.ศ. 2501 เปลี่ยนแปลงวันจัดพิธีเป็นวันพุธที่ 3 ธันวาคม[2]
  • ปี พ.ศ. 2502 เปลี่ยนแปลงวันจัดพิธีอีกครั้งเป็นวันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม[3]
  • ปี พ.ศ. 2503 งดการจัดพิธีเนื่องจากอยู่ในช่วงการเสด็จฯ เยือนต่างประเทศ
  • ปี พ.ศ. 2504 เปลี่ยนวันจัดพิธีกลับมาเป็นวันที่ 3 ธันวาคม[4] จนถึงปี พ.ศ. 2540 เว้นบางปีที่อาจจะมีการเลื่อนวันจัดพิธีออกไป เช่น
    • พ.ศ. 2510 เลื่อนวันจัดพิธีเป็นวันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม[5]
    • พ.ศ. 2518 เลื่อนวันจัดพิธีเป็นวันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม[6]

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 – 2551 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เปลี่ยนแปลงวันพิธีจากวันที่ 3 เป็นวันที่ 2 ธันวาคม โดยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จะเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุน[7] ออกทางประตูทวยเทพสโมสร หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม เพื่อทรงเป็นองค์ประธานในพิธี ในขณะทรงตรวจพลสวนสนามนั้น จะมีรถยนต์อัญเชิญธงชัยราชกระบี่ยุทธและธงชัยพระครุฑพ่าห์ นำหน้าขบวนเสด็จพระราชดำเนินด้วย นอกจากนี้ ยังได้อัญเชิญธงไชยเฉลิมพลประจำหน่วยต่าง ๆ เข้าร่วมในพิธีด้วย

ในปี พ.ศ. 2549 และ 2550 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เสด็จพระราชดำเนินกลับจากพิธีนี้ โดยรถยนต์พระที่นั่ง ทะเบียน ร.ย.ล.960 ด้วยเส้นทางจากพระลานพระราชวังดุสิต ไปทางถนนศรีอยุธยา เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนพระรามที่ 5 กลับเข้าสู่พระตำหนักจิตรลดารโหฐานทางด้านประตูพระวรุณอยู่เจน โดยตลอดข้างทางนั้นมีพสกนิกรมารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ในปีเดียวกัน ยังมีการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนบางประการในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ดังนี้

  1. ขั้นตอนการอัญเชิญธงชัยเฉลิมพล ได้ปรับให้อัญเชิญธงชัยเฉลิมพลมาตั้งแถวรอที่หน้าพลับพลาที่ประทับก่อนพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จะเสด็จพระราชดำเนินมาถึง จากเดิมเมื่อพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินตรวจพลสวนสนามแล้ว จึงจะมีการเชิญธงไชยเฉลิมพลในลำดับถัดไป ทั้งนี้ เนื่องจากว่าได้มีการเชิญธงชัยเฉลิมพลของหน่วยทหารรักษาพระองค์ต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 36 หน่วย (รวมหน่วยสวนสนาม) มาร่วมพีธีถวายสัตย์ฯ ร่วมกับหน่วยทหารรักษาพระองค์ทั้ง 13 หน่วยที่จะทำการสวนสนามด้วย
  2. การขับร้องเพลงถวายพระพรโดยวงดุริยางค์ทหารบกซึ่งปกติทำกันเป็นประจำทุกปี ได้งดไปในปีนี้

ในปี พ.ศ. 2551 ได้มีการปรับขบวนทหารกองพันสวนสนามที่ 1 – 12 ในเวลาสวนสนามหน้าพระที่นั่งเป็น 2 แถวสวนสนามพร้อมกัน เพื่อกระชับเวลาของพิธีให้สั้นลง อันเป็นการลดพระราชภาระของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และในปี พ.ศ. 2552 สำนักราชเลขาธิการ (กรมราชเลขานุการในพระองค์ ในปัจจุบัน) ได้ประกาศจัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนฯ กำหนดเดิม คือวันที่ 2 ธันวาคม แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ประกอบพิธีสวนสนาม โดยย้ายไปจัด ณ ท้องสนามหลวงแทน เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ ไปประทับที่โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐานเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ต่อมาสำนักพระราชวังได้ออกหมายกำหนดการพิธีสวนสนามโดยให้จัดในวันที่ 2 ธันวาคมดังเดิมจนถึงปี พ.ศ. 2558[8]

พิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์

แก้
 
พลับพลาที่ประทับสำหรับพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์ ประจำปี พ.ศ. 2567
 
กองบังคับการกองผสมในพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์ ประจำปี พ.ศ. 2567 บันทึกภาพระหว่างการซ้อมใหญ่พิธีดังกล่าว เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว กองทัพไทยได้ปรับลำดับพิธีการให้มีการสวนสนามก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณตน จึงมีการออกชื่อพิธีการนี้ว่า "พิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์" ซึ่งเริ่มจัดพิธีครั้งแรกในรัชกาลนี้เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2567 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567[9] ในการนี้ พลเอกหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี "องค์ผู้บังคับกองผสม" ทรงนำการสวนสนามของทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ และทหารรักษาพระองค์สามเหล่าทัพ พร้อมกันนี้ พลเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา "องค์ผู้บังคับกองทหารม้ารักษาพระองค์" ทรงม้านำขบวนกองพันทหารม้าที่ 29 รักษาพระองค์[10]

ซึ่งลำดับขั้นตอนพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนทหารรักษาพระองค์ มีดังนี้

  1. ทหารรักษาพระองค์ทั้ง 11 กองพันพร้อมกันที่จุดรวมพลบริเวณถนนราชดำเนินนอก
  2. ทหารปืนใหญ่ยิงพลุสัญญาณ ทหารทั้ง 11 กองพันเริ่มเดินสวนสนามมาตามแนวถนนราชดำเนินมาจนถึงลานพระราชวังดุสิต แล้วจัดแถวรอรับการเสด็จพระราชดำเนิน
  3. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร และ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล ทรงรอรับเสด็จฯ ณ พลับพลาที่ประทับ พระที่นั่งชุมสาย
  4. พลเอกหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี "องค์ผู้บังคับกองผสม" เสด็จพระราชดำเนินออกจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ผ่านทางประตูภูธรลีลาศ เทียบรถยนต์พระที่นั่งที่หน้ากองบังคับการกองผสม
  5. เมื่อใกล้เวลาเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว องค์ผู้บังคับกองผสมสั่งทหารติดดาบ
  6. พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินออกจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ผ่านทางประตูภูธรลีลาศ ถึงยังพระลานพระราชวังดุสิต จากนั้น องค์ผู้บังคับกองผสม ทรงสั่งกองผสมถวายความเคารพพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
  7. องค์ผู้บังคับกองผสม ทรงวิ่งจากแถวหน้ากองบัญชาการกองผสม ไปยังจุดถวายความเคารพ องค์ผู้บังคับกองผสมถวายความเคารพ กราบบังคมทูลรายงานและกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินทรงตรวจพลสวนสนาม เมื่อองค์ผู้บังคับกองผสม กราบบังคมทูลรายงานจบแล้ว เสด็จฯ ไปยังรถยนต์พระที่นั่ง ประทับยืนบนรถยนต์พระที่นั่งตรวจพล
  8. พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับยืนบนรถยนต์พระที่นั่ง ทรงตรวจพลสวนสนามโดยรถยนต์พระที่นั่งจำนวน 11 กองพัน ซึ่งประกอบด้วย
  9. เมื่อทรงตรวจพลสวนสนามเสร็จ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินขึ้นพลับพลาที่ประทับ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเข้าเฝ้าฯ จากนั้น ประทับพระราชอาสน์ ณ พระที่นั่งชุมสาย
  10. องค์ผู้บังคับกองผสม ทรงวิ่งกลับมาประจำจุดยืนหน้าแถวของกองบัญชาการกองผสม และทรงสั่งกองผสมเรียบ - อาวุธ
  11. แตรเดี่ยวเป่าสัญญาณเตรียมตัว 2 จบ องค์ผู้บังคับกองผสม ทรงสั่งกองผสมจัดแถวเตรียมสวนสนาม และทรงสั่งกองผสมแบก - อาวุธ
  12. แตรเดี่ยวเป่าสัญญาณหน้าเดิน 2 จบ (ขณะนั้นวงดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ชราชวัลลภ อันเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 7 ในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นใน พ.ศ. 2491 ชื่อ “ราชวัลลภ” และพระราชทานให้เป็นเพลงประจำกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ เพื่อไว้ใช้ในพิธีสวนสนาม แล้วองค์ผู้บังคับกองผสม และพลสวนสนามจึงเริ่มเดินพร้อมกัน)
  13. พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับยืน ณ มุขพลับพลาพิธี หน้าพระที่นั่งชุมสาย ทรงรับการถวายความเคารพจากองค์ผู้บังคับกองผสม ธงชัยเฉลิมพล และ กำลังพลสวนสนาม สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ทรงร่วมประทับยืน ณ มุขพลับพลาพิธีหน้าพระที่นั่งชุมสาย
  14. องค์ผู้บังคับกองผสม ทรงสวนสนามผ่านพลับพลาที่ประทับ เสด็จขึ้นพลับพลาที่ประทับ แล้วประทับยืน ณ หน้าพระที่นั่งชุมสาย ทรงรับการถวายความเคารพจากแถวทหาร กรมสวนสนาม จำนวน 4 กรม 11 กองพัน ตามลำดับ
  15. เวลา 17.55 น. พลเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา "องค์ผู้บังคับกองพันทหารม้ารักษาพระองค์" ทรงม้า “Fürst Henry” (ฟรุ๊ต เฮนรี่) อายุ 14 ปี เพศผู้ตอน สีดำ สายพันธุ์ ดัตช์ วอร์มบลัด (KWPN) จากประเทศเนเธอร์แลนด์ นำขบวนกองพันทหารม้ารักษาพระองค์ 1 กองพันเข้ามายังหน้าพลับพลาพิธีฯ เข้าร่วมสวนสนามด้วยนั้น ดุริยางค์จะเปลี่ยนไปบรรเลงเพลง King Cotton แทน เพื่อให้สอดคล้องกับจังหวะการเดินของม้า
  16. พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และ พลเอกหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ประทับพระราชอาสน์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พลโท รัฐพล ธูปประสม เจ้ากรมสารบรรณทหาร เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตรแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวและ พันโทหญิง วลัยลักษณ์ อาวรณ์ หัวหน้าปรับปรุงโครงการ สำนักงานปลัดบัญชีทหาร เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้ากระหม่อมถวายสูจิบัตรแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
  17. พลโท นราพร แสนธิ รองผู้บังคับกองผสม สั่งแสดงความเคารพธงไชยเฉลิมพล ดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ชธงไชยเฉลิมพล ต่อจากนั้น แตรเดี่ยวเป่าสัญญาณหน้าเดิน 2 จบ ดุริยางค์บรรเลงเพลงมหาชัย หมู่เชิญธงไชยเฉลิมพลเข้าประจำที่หน้าพลับพลาที่ประทับ
  18. พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก, พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ, และ พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศเข้าประจำแถวหน้าพลับพลาที่ประทับจากนั้นพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายดอกไม้ธูปเทียนแพและกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล พร้อมกับนำกำลังพลสวนสนาม กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตน เมื่อกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตนจบแล้ว ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี และปืนใหญ่ทำการยิงสลุตเฉลิมพระเกียรติ 21 นัด
  19. พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาทแด่กำลังพลสวนสนามทุกนายที่ร่วมพิธีฯ จากนั้น ดุริยางค์จึงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีอีกครั้ง
  20. กำลังพลสวนสนามที่ร่วมพิธีฯ ร่วมกันร้องเพลงราชสวัสดิ์ถวาย
  21. สมควรแก่เวลา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และ พลเอกหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต รองผู้บังคับกองผสม กล่าวนำทหารรักษาพระองค์ ถวายพระพร "ทรงพระเจริญ" 3 ครั้ง ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ในเวลาต่อมา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร และ พลเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จพระราชดำเนินกลับที่ประทับเช่นเดียวกัน
  22. ช่วงท้ายพิธีฯ มีการจัดการแสดงอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ของทหารรักษาพระองค์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี พร้อมกับการที่ทหารรักษาพระองค์ทุกหน่วยแบก - อาวุธ และเดินทางกลับ

ดูเพิ่ม

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 1.2 ข่าวในพระราชสำนัก วันพฤหัสบดีที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๐๐
  2. 2.0 2.1 ข่าวในพระราชสำนัก วันพุธที่ ๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๐๑
  3. ข่าวในพระราชสำนัก วันจันทร์ที่ ๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๐๒
  4. ข่าวในพระราชสำนัก วันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๐๔
  5. ข่าวในพระราชสำนัก วันจันทร์ที่ ๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๐
  6. ข่าวในพระราชสำนัก วันอังคารที่ ๙ - ๑๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๘
  7. รถยนต์พระที่นั่งในพิธีฯ ได้โปรดเกล้าฯ ให้ใช้รถยนต์พระที่นั่งทะเบียน ร.ย.ล.5, ร.ย.ล.972 และ ร.ย.ล.960 ตามลำดับ
  8. ราชเลขาฯแถลง ในหลวงเสด็จมหาสมาคม 5 ธ.ค.เลื่อนถวายสัตย์-ถวายพระพร ข่าวจากเว็บไซต์มติชนออนไลน์
  9. "ในหลวง เสด็จฯ พิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณ ทหารราชวัลลภ เทิดไท้จอมราชา". ประชาชาติธุรกิจ. 3 ธันวาคม 2024. สืบค้นเมื่อ 4 ธันวาคม 2024.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  10. สมพระเกียรติ ในหลวง เสด็จฯ พิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณ ครั้งแรกในรัชกาล

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้