พระยาโพธิสาลราช
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
พระยาโพธิสาลราช[1] (ลาว: ພະເຈົ້າໂພທິສະລາດ) หรือ พระโพธิสาราชาธิบดีทัศวรคุณ[1] เป็นพระราชโอรสในพระเจ้าวิชุลราช ประสูติเมื่อ พ.ศ. 2049 ได้ขึ้นครองราชย์สมบัติต่อจากพระราชบิดาเมื่อ พ.ศ. 2063 ในรัชกาลนี้มีการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างมาก ให้ยกเลิกพิธีบูชาหอผีหลวงที่สบดงแล้วสร้างวัดสังคโลกขึ้นแทน ค้นพบพระตำนานอุรังคธาตุจึงให้คัดลอกไว้ ท่านได้เข้าไปมีอิทธิพลเหนือหัวเมืองล้านนาทุกหัวเมืองซึ่งเจ้าเมืองแต่ละหัวเมืองได้ยอมอ่อนน้อมและอยู่ภายใต้อำนาจ จึงกล่าวได้ว่า ล้านนาเป็นรัฐในอารักขาของล้านช้างในยุคพระเจ้าโพธิสารราช
พระยาโพธิสาลราช | |||||
---|---|---|---|---|---|
พระมหากษัตริย์แห่งล้านช้าง | |||||
ขณะเดินทางแสวงบุญ พระองค์ทรงปรับปรุงวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร (ในเวลานั้นอยู่ในอาณาจักรล้านช้าง) ใน พ.ศ. 2082 | |||||
ครองราชย์ | พ.ศ. 2063–2093 | ||||
ราชาภิเษก | พ.ศ. 2063 | ||||
ก่อนหน้า | พระเจ้าวิชุลราช | ||||
ถัดไป | สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช | ||||
ประสูติ | พ.ศ. 2049 เมืองซวา อาณาจักรล้านช้าง | ||||
สวรรคต | พ.ศ. 2093 Xieng-Mai Nhotnakorn Palace เวียงจันทน์ อาณาจักรล้านช้าง | ||||
คู่อภิเษก | พระนางยอดคำทิพย์ (ล้านนา) พระนางไม่ทราบนาม (อยุธยา) พระนางไม่ทราบนาม (เขมร) พระนาง Kong Soi พระนาง Keng (เมืองพวน) พระนาง Pak Thuoi Luong | ||||
พระราชบุตร | สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช เจ้า Lankarnakaya เจ้ากิจธนวราธิราช พระยาวรวงษามหาธรรมิกราชา นางแก้วกุมารี นางคำเหลา นางคำไบ นาง Kamagayi นาง Dharmagayi | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | ขุนลอ | ||||
พระราชบิดา | พระเจ้าวิชุลราช | ||||
ศาสนา | พุทธเถรวาท |
ในรัชกาลนี้ ในกรุงศรีอยุธยาเกิดความวุ่นวายขึ้น เจ้าไชยราชาธิราชได้ลี้ภัยมาเวียงจันทน์หลังจากที่เกิดขัดแย้งกับสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 ได้ยกทัพขึ้นมาตามจับตัวใน พ.ศ. 2076 พระเจ้าโพธิศาลราชตีทัพกรุงศรีอยุธยาแตกพ่ายไปได้ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 เสด็จสวรรคตด้วยโรคฝีดาษในปีเดียวกันนั้น เจ้าไชยราชาธิราชจึงกลับไปเมืองสองแควและยกทัพลงไปยึดครองกรุงศรีอยุธยาได้สำเร็จ และได้ครองราชย์สมบัติต่อมา
ใน พ.ศ. 2085 เมืองเชียงใหม่เกิดกบฏจนเกิดความวุ่นวาย สมเด็จพระไชยราชาธิราชจากกรุงศรีอยุธยาและพระเจ้าโพธิศาลราชจากหลวงพระบางได้ยกทัพไปช่วยปราบกบฏ แต่เมื่อไปถึง ฝ่ายเชียงใหม่ปราบกบฏได้แล้ว โดยมีพระนางจิรประภาเป็นผู้สำเร็จราชการ แต่ยังหากษัตริย์ไม่ได้ พระเจ้าโพธิศาละราชได้เสนอให้พระราชโอรสคือเจ้าเชษฐวังโสซึ่งมีเจ้านางยอดคำทิพเชื้อพระวงศ์เชียงใหม่เป็นพระมารดาขึ้นเป็นกษัตริย์ ทางเชียงใหม่ตอบตกลง เจ้าเชษฐวังโสจึงไปครองเมืองเชียงใหม่ใน พ.ศ. 2090 จึงกล่าวได้ว่าล้านช้างเข้ามามีอิทธิพลต่อล้านนาเป็นอย่างมากในยุคนี้ ซึ่งพระเจ้าโพธิศาลราชเป็นจักรพรรดิที่อยู่เบื้องหลังของการรวมล้านนาเข้าไว้กับล้านช้างโดยให้บุตรชายได้ปกครองเมืองเชียงใหม่ส่วนตนครองเมืองหลวงพระบางต่อไป ซึ่งเมืองหลวงพระบางในช่วงนี้มีอำนาจเหนือแคว้นล้านนาทุกหัวเมือง
พระเจ้าโพธิศาละราชครองราชย์สมบัติมาจนถึง พ.ศ. 2093 ก็เสด็จสวรรคตจากอุบัติเหตุในการคล้องช้าง หลังจากพระองค์สวรรคต พระโอรสของพระองค์คือเจ้าล้านช้างหรือเจ้าท่าเรือบุตรคนรองและเจ้าวรวังโสบุตรคนสุดท้องเกิดแต่พระนางยอดคำทิพ[2][3] อีกทั้งยังเป็นพระอนุชาของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ซึ่งได้ชิงราชสมบัติกัน ในที่สุดจึงต้องไปทูลเชิญเจ้าเชษฐวังโสกลับมาครองราชย์สมบัติที่หลวงพระบาง
พงศาวลี
แก้พงศาวลีของพระยาโพธิสาลราช | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
แก้- มหาบุนมี เทบสีเมือง. ความเป็นมาของชนชาติลาว เล่ม 2 อาณาจักรลาวล้านช้างตอนต้น. แปลโดย ไผท ภูธา. กทม. สุขภาพใจ. 2554 หน้า 248 – 256
- ↑ 1.0 1.1 สุรศักดิ์ ศรีสำอาง. ลำดับกษัตริย์ลาว. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : สำนักโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร, 2545, หน้า 76
- ↑ สุรศักดิ์ ศรีสำอาง. ลำดับกษัตริย์ลาว. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : สำนักโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร, 2545, หน้า 79
- ↑ ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๕, (๒๔๖๐). "พงศาวดารเมืองหลวงพระบาง ตามฉบับที่มีอยู่ในศาลาลูกขุน", วิกิซอร์ซ [ออนไลน์]. แหล่งที่มา:[๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓].