พระเจ้าอโศกมหาราช

จักรพรรดิอโศก (/əˈʃkə/; พราหมี: 𑀅𑀲𑁄𑀓, Ashoka,[4] IAST: Aśoka) หรือ อโศกมหาราช เป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเมารยะ ผู้ปกครองส่วนใหญ่ของอนุทวีปอินเดีย ตั้งแต่ ป. 268 ถึง 232 ปีก่อน ค.ศ.[5][6] ท่านเป็นหลานของจันทรคุปต์ เมารยะ ปฐมจักรพรรดิของราชวงศ์ และเป็นผู้มีบทบาทมากต่อการเผยแผ่ศาสนาพุทธไปทั่วเอเชียโบราณ[7] และได้รับการยกย่องโดยทั่วไปว่าเป็นหนึ่งในจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดพระองค์หนึ่งของประวัติศาสตร์อินเดีย จักรพรรดิอโศกขยายดินแดนของจักรวรรดิจากสมัยของจักรพรรดิจันทรคุปต์ไปถึงพื้นที่ที่ปัจจุบันคืออัฟกานิสถานจนถึงบังกลาเทศ เกือบทั่วทั้งอนุทวีปอินเดีย ยกเว้นเพียงบางส่วนของที่ซึ่งปัจจุบันคือรัฐทมิฬนาฑู, กรณาฏกะ และเกรละ ราชธานีในรัชสมัยคือปาฏลีบุตร (ใน มคธ, ปัจจุบันคือปัฏนา) และราชธานีชนบทที่ตักศิลา และ อุชไชนะ

พระเจ้าอโศกมหาราช
จักรพรรดิ[1][2]
Indian relief from Amaravati, Guntur. Preserved in Guimet Museum.jpg
จักรพรรดิแห่งโมริยะ องค์ที่ 3
ครองราชย์พ.ศ. 270–311 [3]
ราชาภิเษกพ.ศ. 275 [3]
ก่อนหน้าพระเจ้าพินทุสาร
ถัดไปพระเจ้าทศรถ
อัครมเหสีพระนางอสันธิมิตรา
พระสนม4 นาง
พระราชบุตร11 พระองค์
ราชวงศ์โมริยะ
พระราชบิดาพระเจ้าพินทุสาร
พระราชมารดาพระนางสุภัทรางคี
ประสูติพ.ศ. 239 ณ ปัฏนา
สวรรคตพ.ศ. 311 (ชันษา 72) ณ ปัฏนา

ศึกครั้งสำคัญของจักรพรรดิอโศกคือศึกต่อรัฐกลิงคะ (ปัจจุบันอยู่ในรัฐโอริสา)[8] ซึ่งท้ายที่สุดทรงยึดครองได้เมื่อ 260 ปี ก่อน ค.ศ.[9] ข้อมูลจากการตีความจารึกพระเจ้าอโศก ระบุว่าพระองค์เปลี่ยนศาสนาเป็นศาสนาพุทธ[8] หลังต้องเผชิญกับการล้มตายครั้งใหญ่ในสงครามกลิงคะ ซึ่งมีรายงานเสียชีวิตอยู่ที่ราว 100,000 รายเป็นอย่างต่ำ[10] จักรพรรดิอโศกเป็นที่จดจำในฐานผู้ตั้งอโศกสตมภ์ และเผยแผ่จารึกของพระองค์[11] และจากการส่งพระสงฆ์ไปยังศรีลังกาและเอเชียกลาง[7] รวมถึงการสร้างวิหารขึ้นเพื่อบูชาและเป็นอนุสรณ์ต่อช่วงชีวิตสำคัญของพระโคตมพุทธเจ้า[12]

อ้างอิงแก้ไข

  1. Lars Fogelin (1 April 2015). An Archaeological History of Indian Buddhism. Oxford University Press. pp. 81–. ISBN 978-0-19-994823-9.
  2. Fred Kleiner (1 January 2015). Gardner’s Art through the Ages: A Global History. Cengage Learning. pp. 474–. ISBN 978-1-305-54484-0.
  3. 3.0 3.1 Upinder Singh 2008, p. 331.
  4. In his contemporary Maski Minor Rock Edict his name is written in the Brahmi script as Devanampriya Asoka. Inscriptions of Asoka. New Edition by E. Hultzsch (ภาษาสันสกฤต). 1925. pp. 174–175.
  5. Chandra, Amulya (14 May 2015). "Ashoka | biography – emperor of India". Britannica.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 August 2015. สืบค้นเมื่อ 9 August 2015.
  6. Thapar 1980, p. 51.
  7. 7.0 7.1 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Strong 2003
  8. 8.0 8.1 Bentley 1993, p. 44.
  9. Kalinga had been conquered by the preceding Nanda Dynasty but subsequently broke free until it was reconquered by Ashoka c. 260 BCE. (Raychaudhuri, H. C.; Mukherjee, B. N. 1996. Political History of Ancient India: From the Accession of Parikshit to the Extinction of the Gupta Dynasty. Oxford University Press, pp. 204–9, pp. 270–71)
  10. Bentley 1993, p. 45.
  11. Bisschop, Peter C.; Cecil, Elizabeth A. (May 2019). Copp, Paul; Wedemeyer, Christian K. (บ.ก.). "Columns in Context: Venerable Monuments and Landscapes of Memory in Early India". History of Religions. University of Chicago Press for the University of Chicago Divinity School. 58 (4): 355–403. doi:10.1086/702256. ISSN 0018-2710. JSTOR 00182710. LCCN 64001081. OCLC 299661763.
  12. Bentley 1993, p. 46.

แหล่งข้อมูลอื่นแก้ไข

  • สุรพศ ทวีศักดิ์. (2560). ความคิดทางการเมืองของพุทธศาสนายุคต้น: กำเนิดและพัฒนาการรัฐพุทธศาสนายุคอโศกและยุคกลาง. ใน ความ(ไม่)เป็นสมัยใหม่: ความเปลี่ยนแปลงและย้อนแย้งของไทย. บรรณาธิการโดย ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ. น. 115-39. กรุงเทพฯ: สยามปริทัศน์, 2560.
ก่อนหน้า พระเจ้าอโศกมหาราช ถัดไป
พระเจ้าพินทุสาร   กษัตริย์แห่งราชวงศ์โมริยะ
(พ.ศ. 185 - พ.ศ. 322)
  พระเจ้าทศรถ เมารยะ