สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ[3] หรือ สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชที่ 2 เป็นพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 31 แห่งอาณาจักรอยุธยา และเป็นพระองค์ที่ 4 ในราชวงศ์บ้านพลูหลวง รัชสมัยของพระองค์เป็นยุครุ่งเรืองยุคสุดท้ายของกรุงศรีอยุธยาก่อนที่อาณาจักรจะล่มสลายหลังจากพระองค์เสด็จสวรรคต 9 ปี[4]:68–69
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ | |
---|---|
![]() พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ที่วัดหันตรา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา | |
พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา | |
ครองราชย์ | 13 มกราคม พ.ศ. 2275 - 26 เมษายน 2301 (26 ปี)[1] |
ก่อนหน้า | สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ |
ถัดไป | สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร |
พระมหาอุปราช | ดูรายพระนาม |
สมุหนายก | |
มเหสี | กรมหลวงอภัยนุชิต กรมหลวงพิพิธมนตรี[2] |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์บ้านพลูหลวง |
พระราชบิดา | สมเด็จพระเจ้าสุริเยนทราธิบดี |
พระราชสมภพ | พ.ศ. 2223 |
สวรรคต | 26 เมษายน พ.ศ. 2301 (78 พรรษา) |
ถวายพระเพลิง | 7 เมษายน พ.ศ. 2302 |
“25 ปีในรัชสมัยของพระองค์มีความสำคัญคือ เป็นยุคสงบสุขยุคสุดท้ายของอยุธยาเป็นยุคที่วรรณกรรม ศิลปกรรม เฟื่องฟู”[4]:67–68
สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในอยุธยาในปัจจุบันส่วนใหญ่มีอายุย้อนไปถึงสมัยที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศบูรณะปฏิสังขรณ์วัดในอยุธยาครั้งใหญ่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชพยายามเลียนแบบจารีตประเพณีทางศาสนาของอยุธยาในรัชกาลพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ และเลื่อนพระราชพิธีบรมราชาภิเษกออกไปจนกว่าจะแน่พระทัยว่าพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระองค์จำลองแบบมาจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศอย่างแน่นอน[5]
พระราชประวัติแก้ไข
ก่อนครองราชย์แก้ไข
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ มีพระนามเดิมว่าเจ้าฟ้าพร เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) มีพระเชษฐาคือเจ้าฟ้าเพชร พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นพระบัณฑูรน้อยในรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 และเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 (พระเจ้าท้ายสระ)
ปราบดาภิเษกแก้ไข
ภายหลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 ได้เกิดการสู้รบกันระหว่างพระองค์กับพระราชโอรสของพระเจ้าท้ายสระคือเจ้าฟ้าอภัยและเจ้าฟ้าปรเมศร์ อันเนื่องมาจากพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศในขณะนั้นทรงดำรงพระอิสริยยศที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคล มีสิทธิที่จะขึ้นครองราชสมบัติสืบต่อพระเชษฐาอย่างถูกต้อง แต่เมื่อพระเจ้าท้ายสระใกล้สวรรคตกลับตัดสินพระทัยยกราชสมบัติให้แก่เจ้าฟ้านเรนทร พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ แต่เจ้าฟ้านเรนทรไม่รับสืบราชสมบัติเพราะเห็นว่ามีกรมพระราชวังบวรฯ ซึ่งสมควรได้สืบราชสมบัติมากกว่า พระเจ้าท้ายสระจึงยกราชสมบัติให้แก่เจ้าฟ้าอภัย (พระราชโอรสองค์รอง) เป็นเหตุให้เกิดการต่อสู้แย่งชิงราชบัลลังก์จนกลายเป็นสงครามกลางเมือง กินระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี
คำให้การชาวกรุงเก่า ระบุว่าภายหลังเหตุการณ์สงบแล้ว กรมพระราชวังบวรสถานมงคลจึงได้ขึ้นครองราชย์เฉลิมพระนามว่าพระมหาธรรมราชา[6] (แต่ในบัญชีพระนามเจ้านายว่าพระเจ้าบรมราชา[7]) และสำเร็จโทษเจ้าฟ้าอภัย และ เจ้าฟ้าปรเมศร์
ในสาสน์สมเด็จ พุทธศักราช 2418 [8]ได้มีกล่าวถึงการออกพระนาม 2 แบบ นั้นคือ
“สมเด็จพระตรีภพโลกมกุฎอุดมบรมมหิศรวรวงศ์สุริเยนทร์ นเรนทราธิบดินทราโรดม (บรม) ขัติยชาติราชวราดุล พิบุลคุณคัมภีร์วีรอนันต์ มหันตมหาจักรพรรดิศร บวรราชาธิราช นารถนายกดิลกโลกจุธานรามร นิกรอภิวันท์ อนันตบูชิตมหิทธิ นารายอนุปัติ ส (หัศ) ทิสาเรกอเนกจตุรงคพล พหลอจลสุริโยทิต อมิตเดชา เอกาทศรุทธ์อิศวร บรมนารถบรมบพิตร” และ
“สมเด็จพระบรมธาชาธิราชรามาธิบดี ศรีสรรเพชญ บรมมหาจักรพรรดิศวร ราชาธิบดี ศรีสุจริต ทศพิธธรรม์ มหันตจักร วาฬาธิเบนทร์ สุริเยนทราธิบดินทร หิริหรินทรธาดาธิบดี ศรีวิบูลยคุณอกนิฐ เมตจิตต์ รุจีตรีภูวนาทิตย์ ฤทธิพรหมเทวาดิเทพ (นฤบดินทร) ภูมินทราธิราชรัตนากาศ สมมุติวงศ์ องค์เอกาทศรุทธ์ วิสุทธิสามารถ บรมไตรโลกนาถ อาชชยาวไสย สมุทไทยดโรมันต์ อนันตคุณ วิบูลย์สุนทร ธรรมมิกราชโลก ราชาธิราช ขัติยวงศ์ องค์รามาธิบดี ตรีภูวนาพิเศษ โลกเชษฐวิสุทธ มกุฎรัตน โลกยโมฬี ศรีปทุมสุริยวงศ์ องค์พุทธางกูร (บรมบพิตร)”
พระราชกรณียกิจแก้ไข
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศได้ทรงทำนุบำรุงบ้านเมืองและพระศาสนาจนกล่าวได้ว่ากรุงศรีอยุธยาในสมัยพระองค์นั้นเป็นยุคที่บ้านเมืองดี มีขุนนางคนสำคัญที่เติบโตในเวลาต่อมา ในรัชกาลของพระองค์หลายคน เช่น สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นต้น ในทางด้านวรรณคดี ก็มีกวีคนสำคัญ เช่น เจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ เจ้าฟ้ากุณฑล และเจ้าฟ้ามงกุฎ ซึ่งเป็นพระราชโอรสและพระราชธิดา เป็นต้น
ในปี พ.ศ. 2296 พระเจ้ากีรติสิริราชสิงห์ กษัตริย์ลังกา ได้ส่งราชทูตมาขอพระมหาเถระ และคณะสงฆ์ไปช่วยฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในลังกา ซึ่งเสื่อมโทรมลงไป สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ จึงโปรดให้ส่งคณะสมณทูตประกอบด้วยพระราชาคณะสองรูปคือพระอุบาฬีและพระอริยมุนี พร้อมคณะสงฆ์อีก 12 รูป ไปลังกา เพื่อประกอบพิธีบรรพชา อุปสมบท ให้กับชาวลังกา คณะสงฆ์คณะนี้ได้ไปตั้งสยามนิกายขึ้นในลังกา
พระอัครมเหสีและพระราชโอรสธิดาแก้ไข
คำให้การชาวกรุงเก่า ระบุว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศมีพระอัครมเหสี 3 พระองค์ พระนามพระราชโอรสธิดาที่ประสูติจากพระอัครมเหสีทั้งสามดังนี้[9]
|
นอกจากนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศยังมีพระราชโอรสธิดาที่ประสูติแต่พระสนมอีกรวมทั้งสิ้น 108 พระองค์ เช่น[11]
|
ส่วน บัญชีรายพระนามพระราชวงศ์และข้าราชการสยามที่พม่าว่าจับไปได้จากกรุงศรีอยุธยา เมื่อกรุงเสียในปี พ.ศ. 2310 ระบุรายพระนามเจ้านายว่ามีพระราชโอรส-ธิดา 24 พระองค์ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศถูกจับไปยังพม่า ได้แก่[13]
|
|
ในวัฒนธรรมสมัยนิยมแก้ไข
มีนักแสดงผู้รับบท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ได้แก่
- สมบัติ เมทะนี จากละครเรื่อง ฟ้าใหม่ (2547)
- ศรัณยู วงษ์กระจ่าง จากละครเรื่อง ศรีอโยธยา (2560)
พงศาวลีแก้ไข
พงศาวลีของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิงแก้ไข
- เชิงอรรถ
- ↑ "History of Ayutthaya - Historical Events - Timeline 1700-1799". www.ayutthaya-history.com.
- ↑ เล็ก พงษ์สมัครไทย. เฉลิมพระยศ เจ้านายฝ่ายในในรัชกาลที่ ๑-๙. กรุงเทพฯ:ฐานบุ๊คส์, 2552. หน้า 16
- ↑ พระนามพระมหากษัตริย์สมัยอยุธยา [Names of Ayutthayan Kings]. Royal Institute of Thailand. 2002-06-03. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-12-03. สืบค้นเมื่อ 2014-09-20.
- ↑ 4.0 4.1 Chakrabongse, C., 1960, Lords of Life, London: Alvin Redman Limited
- ↑ Baker, Chris; Phongpaichit, Pasuk (2017). A History of Ayutthaya: Siam in the Early Modern World. Cambridge University Press. ISBN 978-1-316-64113-2.
- ↑ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น, หน้า 550
- ↑ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น, หน้า 623
- ↑ laika (2019-10-22). "เรื่องสร้อยพระนามพระเจ้าแผ่นดิน". vajirayana.org.
- ↑ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น, หน้า 551
- ↑ "กวีเอกสมัยอยุธยา: เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร" (PDF). วารสารราชบัณฑิตยสถาน. ปีที่ 32 เล่ม 2 เม.ย.-มิ.ย. พ.ศ. 2550: 414. สืบค้นเมื่อ 3 Jun 2018.
- ↑ ประชุมคำให้การกรุงศรีอยุธยา รวม 3 เรื่อง, หน้า 174-176
- ↑ พลาดิศัย สิทธิธัญกิจ (บรรณาธิการ). เล่าเรื่อง...เฉกอะหมัด ต้นสกุลบุนนาค. กรุงเทพฯ : บันทึกสยาม, 2553, หน้า 95
- ↑ นราธิปประพันธ์พงศ์, พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ. พระราชพงศาวดารพม่า. พิมพ์ครั้งที่ 2. นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2550, หน้า 1135
- บรรณานุกรม
- มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา. นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย. กรุงเทพฯ : มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา, 2554. 264 หน้า. ISBN 978-616-7308-25-8
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม). นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2553. 800 หน้า. ISBN 978-616-7146-08-9
- ประชุมคำให้การกรุงศรีอยุธยา รวม 3 เรื่อง. กรุงเทพฯ : แสงดาว, 2553. 536 หน้า. ISBN 978-616-508-073-6
ดูเพิ่มแก้ไข
ก่อนหน้า | สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 (ราชวงศ์บ้านพลูหลวง) (พ.ศ. 2251-2275) |
พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา (ราชวงศ์บ้านพลูหลวง) (พ.ศ. 2275-2301) |
สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร (ราชวงศ์บ้านพลูหลวง) (พ.ศ. 2301) | ||
เจ้าฟ้าเพชร | กรมพระราชวังบวรสถานมงคลแห่งอาณาจักรอยุธยา (ราชวงศ์บ้านพลูหลวง) |
เจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ |