พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ (18 กรกฎาคม พ.ศ. 2405 – 11 ตุลาคม พ.ศ. 2432) เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่ท้าวสมศักดิ์ (เจ้าจอมมารดาเหม ในรัชกาลที่ 4) เป็นอธิบดีกรมพยาบาลพระองค์แรก[1]และเป็นบุคคลสำคัญที่มีส่วนร่วมในการจัดตั้งโรงพยาบาลศิริราช
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ | |
---|---|
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้น 4 พระองค์เจ้าชั้นเอก | |
ประสูติ | 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2405 |
สิ้นพระชนม์ | 11 ตุลาคม พ.ศ. 2432 (27 ปี) |
หม่อม | หม่อมสาย |
พระบุตร | หม่อมเจ้าเล็ก หม่อมเจ้าปิยสรรพางค์ หม่อมเจ้าสุรางค์ศรี โศภางค์ |
ราชสกุล | โศภางค์ |
ราชวงศ์ | จักรี |
พระบิดา | พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
พระมารดา | ท้าวสมศักดิ์ (เจ้าจอมมารดาเหม ในรัชกาลที่ 4) |
พระประวัติ
แก้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 60 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่ท้าวสมศักดิ์ (เจ้าจอมมารดาเหม ในรัชกาลที่ 4) เมื่อวันศุกร์ แรม 7 ค่ำ เดือน 8 ปีจอ จัตวาศก จ.ศ. 1224 ตรงกับวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2405 พระองค์เป็นต้นราชสกุลโศภางค์
พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ ทรงรับราชการหลายตำแหน่ง เป็นเลขานุการในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอักษรพิมพการ (โรงพิมพ์หลวงอักษรพิมพการ สำนักงานพิมพ์หนังสือราชกิจจานุเบกษา) พระองค์มีผลงานพระนิพนธ์เรื่อง หนังสือว่าด้วยอำนาจผีแลผีหลอก (ตีพิมพ์ครั้งแรกในงานพระราชทานเพลิงพระศพของพระองค์เอง เมื่อ พ.ศ. 2433 และตีพิมพ์ซ้ำอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2464) และเป็นอธิบดีกรมพยาบาล เป็นกำลังสำคัญในการก่อตั้งโรงพยาบาลศิริราชร่วมกับพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ
หากเรียงลำดับพระราชโอรสในรัชกาลที่ 4 ที่ยังมีพระชนม์อยู่ในขณะนั้น โดยเรียงตามพระชันษา พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ จะมีลำดับต่อจากพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ เมื่อครั้งที่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ ทรงจัดตั้งโรงพยาบาลศิริราช พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงให้เจ้ากรมพระอาลักษณ์คิดชื่อกรมให้คล้องจองกับกรมหมื่นดำรงราชานุภาพ และได้ชื่อกรมว่า กรมหมื่นศุภกาพย์กวีการ แต่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ สิ้นพระชนม์เสียก่อนรับกรม ชื่อกรมนี้จึงไม่ได้มีการสถาปนาแต่อย่างใด
เนื่องจากการทรงงานอย่างหนักในหลายหน้าที่ทั้งงานประจำและงานจร ทำให้พระพลานามัยของพระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ทรุดลง แม้กรมหมื่นดำรงราชานุภาพและบรรดาเจ้านายที่เป็นพระพี่น้องจะเคยทูลตักเตือนว่าทรงงานเกินพระกำลัง ควรแบ่งเบางานด้านอื่นที่ไม่เกี่ยวกับกิจการของกรมพยาบาลให้ผู้อื่นทำแทน แต่พระองค์ไม่ทรงรับฟังและตั้งพระทัยจะทรงงานถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวต่อไป กระทั่งเมื่อแพทย์ตรวจพบว่าพระองค์ประชวรด้วยวัณโรคเนื่องจากพระปัปผาสะ (ปอด) พิการ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์จึงเสด็จประทับรักษาพระองค์ที่โรงพยาบาลศิริราช และตั้งพระทัยไว้ว่าหากรักษาไม่หายก็จะขอสิ้นพระชนม์ในโรงพยาบาล เพราะทรงผูกพันกับโรงพยาบาลศิริราชมาตั้งแต่ทรงเริ่มจัดตั้ง
เมื่อประชวรครั้งที่จะสิ้นพระชนม์นั้นเอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ออกพระโอษฐ์ด้วยความตกพระทัยว่า "ไม่รู้เลยว่าใช้ศรีเกินกำลัง" และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จไปเยี่ยมพระอาการของพระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ที่โรงพยาบาลศิริราชหลายครั้ง เป็นพยานแห่งพระเกียรติยศสูงสุดที่ได้ถวายงานสนองพระเดชพระคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ สิ้นพระชนม์เมื่อวันศุกร์ เดือน 11 แรม 2 ค่ำ ปีฉลูเอกศก จ.ศ. 1251 ตรงกับวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2432 เวลา 13.40 น. สิริพระชันษาได้ 27 ปี 2 เดือน 23 วัน คิดเป็นวันได้ 9,947 วัน พระศพได้ตั้งบำเพ็ญพระกุศล ณ วังสะพานถ่านของพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงษ์วโรประการ เนื่องจากก่อนเสด็จไปประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราชจนกระทั่งสิ้นพระชนม์นั้น พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ประทับอยู่ ณ ตำหนักแพที่บางยี่ขัน ยังมิทันได้สร้างวังของพระองค์เอง ได้มีการพระราชทานเพลิงพระศพตามราชประเพณี โดยพระราชทานเพลิงพระบุพโพเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2433 (ตามปฏิทินปัจจุบัน) ณ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และพระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุ ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปีเดียวกัน หลังจากนั้นจึงได้เชิญพระอัฐิของพระองค์ไปประดิษฐานไว้ที่หอพระนาก วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ส่วนพระอังคารนั้นได้บรรจุไว้ที่วัดพระนามบัญญัติ (วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร ในปัจจุบัน)
พระโอรสและธิดา
แก้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ เป็นต้นราชสกุลโศภางค์ มีหม่อม 1 คน คือ หม่อมสาย (สกุลเดิม สาตราภัย; ธิดาพระยารามกล่อมสาตราภัยกำแหง) มีพระโอรสและธิดา 3 องค์ เป็นชาย 2 องค์ และหญิง 1 องค์
พระรูป | พระนาม | หม่อมมารดา | ประสูติ | สิ้นชีพิตักษัย | คู่สมรส |
---|---|---|---|---|---|
1. หม่อมเจ้าเล็ก | หม่อมสาย | ไม่ทราบปี | ไม่ทราบปี | ||
2. หม่อมเจ้าปิยสรรพางค์ ต.จ. | หม่อมสาย | มกราคม พ.ศ. 2423 | 18 ตุลาคม พ.ศ. 2453 | หม่อมทองคำ | |
ไฟล์:หม่อมเจ้าสุรางค์ศรี.JPG | 3. หม่อมเจ้าสุรางค์ศรี โศภางค์ ป.ป.ร.3 | หม่อมสาย | 11 เมษายน พ.ศ. 2427 | 4 สิงหาคม พ.ศ. 2507 |
หม่อมเจ้าปิยสรรพางค์สมรสกับหม่อมทองคำ มีโอรสธิดา 4 คน คือ
- หม่อมราชวงศ์ประมวญศรี โศภางค์
- หม่อมราชวงศ์หญิงเครือศรี โศภางค์
- หม่อมราชวงศ์เชวงศรี โศภางค์
- หม่อมราชวงศ์หญิงเยี่ยมศรี โศภางค์
ปัจจุบันนี้ ราชสกุลโศภางค์ยังมีผู้สืบราชสกุลหลงเหลืออยู่ แต่ปรากฏรายชื่อเพียง 2 ท่านคือ คุณสุชัญญ์ญา โศภางค์ ณ อยุธยา ซึ่งได้รับรางวัลที่ 3 ในการประกวดรถโบราณของสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2562[2] และคุณวิวัฒน์พล โศภางค์ ณ อยุธยา ซึ่งปัจจุบันนี้อาศัยอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี[3]
พระเกียรติยศ
แก้ธรรมเนียมพระยศของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ | |
---|---|
การทูล | ใต้ฝ่าพระบาท |
การแทนตน | ข้าพระพุทธเจ้า |
การขานรับ | พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ |
พระอิสริยยศ
แก้- พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ (18 กรกฎาคม พ.ศ. 2405 - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411)
- พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ (1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 - 11 ตุลาคม พ.ศ. 2432)
ภายหลังสิ้นพระชนม์
- พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ (23 ตุลาคม พ.ศ. 2453)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
แก้- พ.ศ. – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.) (ฝ่ายหน้า)
- พ.ศ. 2429 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.)
- พ.ศ. 2428 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย (จ.ม.)[4]
พงศาวลี
แก้พงศาวลีของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
แก้- ราชกิจจานุเบกษา. ข่าวสิ้นพระชนม์ [พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์]. เล่ม 6, ตอน 29, วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2432, หน้า 248.
- ราชกิจจานุเบกษา. ประวัติพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์. เล่ม 6, ตอน 29, วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2432, หน้า 250.
- ราชกิจจานุเบกษา. ข่าวพระราชทานเพลิงพระบุพโพ [พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์]. เล่ม 6, ตอน 46, วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2432, หน้า 400.
- ราชกิจจานุเบกษา. ข่าวพระเมรุท้องสนามหลวงต่อไป [พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์]. เล่ม 6, ตอน 47, วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2432, หน้า 403.
- ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. นิทานโบราณคดี, เรื่องที่ 12 เรื่องตั้งโรงพยาบาล. พิมพ์ครั้งที่ 10. เก็บถาวร 2017-07-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน พระนคร: เขษมบรรณกิจ, พ.ศ. 2503. หน้า 241-267.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- นิทานโบราณคดี (ออนไลน์) โดยเว็บไซต์ vajirayana.org