พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ

ผู้กำกับภาพยนตร์

พลโท พลเรือโท พลอากาศโท พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ หรือ พระองค์ชายเล็ก (1 เมษายน พ.ศ. 2458 – 2 มกราคม พ.ศ. 2541)[4] เป็นพระโอรสองค์สุดท้องใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ กับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล (พระธิดาใน สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ซึ่งเป็นพระอนุชาร่วมพระครรโภทรกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ประสูติเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2458 ที่ตำหนักเขาน้อย จังหวัดสงขลา ขณะที่พระบิดาทรงรับราชการเป็นอุปราชมณฑลปักษ์ใต้ มีพระเชษฐา 2 พระองค์[5] คือ

พระเจ้าวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ
พระเจ้าวรวงศ์เธอ ชั้น 5
พระองค์เจ้าชั้นโท
หม่อม
พระบุตร
ราชสกุลยุคล
ราชวงศ์จักรี
พระบิดาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์
พระมารดาพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล
ประสูติ1 เมษายน พ.ศ. 2458
พระตำหนักเขาน้อย จังหวัดสงขลา ประเทศสยาม
สิ้นพระชนม์2 มกราคม พ.ศ. 2541 (82 ปี)
กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
พระราชทานเพลิง11 เมษายน พ.ศ. 2541[1]
เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส
ศาสนาพุทธ
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง
รับใช้ ไทย
บริการ/สังกัดกองทัพไทย
ชั้นยศ พลโท[2]
พลเรือโท
พลอากาศโท [3]

พระประวัติ แก้ไข

พลโท พลเรือโท พลอากาศโท พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ประสูติเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2458 ณ พระตำหนักเขาน้อย จังหวัดสงขลา ประเทศสยาม เป็นพระโอรสในนายพลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ กับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล (พระธิดาในจอมพล จอมพลเรือ สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช) ซึ่งเป็นพระโสทรานุชาในรัชกาลที่ 5 มีพระเชษฐา 2 พระองค์ คือ

การศึกษา แก้ไข

ทรงศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา ในยุคลที่หลวงปิยะวิทยาการ เป็นอาจารย์ใหญ่ และต่อมาได้ประชวรเป็นพระโรคร้ายจนแทบเอาชีวิตไม่รอด จึงทรงต้องออกจากโรงเรียน พระบิดาทรงตั้งการสอนขึ้นที่พระตำหนักเขาน้อย จนกระทั่งพระบิดาทรงย้ายกลับเข้าพระนคร ประมาณปี พ.ศ. 2468 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้ทรงเข้าศึกษาที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ประมาณ 2-3 ปี จึงได้เสด็จไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ เมื่อพระชันษาเพียง 10 พรรษา และพอครบเกณฑ์เข้ารับดับมหาวิทยาลัยได้ทรงเข้าศึกษาที่ Birmingham University นอกจากนี้ยังได้ทรงศึกษาหลักสูตรอื่น ๆ เพิ่มเติม คือ ฝึกการบินพลเรือนจนได้รับปีกวิทยฐานะ รุ่นที่ 26 และทรงฝึกอบรมหลักสูตรบรรเทาสาธารณภัย รุ่นที่ 5 และในปี พ.ศ. 2490 ได้เสด็จไปศึกษาวิชาทหารเพิ่มเติมในหลักสูตรพาหนะและการขนส่งทางทหาร ที่ Fort Eustis, Virginia. USA

สิ้นพระชนม์ แก้ไข

พลโท พลเรือโท พลอากาศโท พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2541 ด้วยพระโรค พระหทัยล้มเหลว สิริพระชันษา 82 ปี 276 วัน ในการนี้พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร​ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเรือเอก หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช องคมนตรีเป็นผู้แทนพระองค์ไปพระราชทานนํ้าทรงพระศพ พลโท พลเรือโท พลอากาศโท พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ณ พระที่นั่งทรงธรรม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร ในการนี้พระราชทานโกศกุดั่นน้อยทรงพระศพ แวดล้อมด้วยเครื่องสูงตามพระเกียรติยศ และในวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร​ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์พระราชทานเพลิงพระศพ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส[1]

การทรงงาน แก้ไข

หลังจากเสด็จกลับจากประเทศอังกฤษแล้ว พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ได้เข้ารับราชการสังกัดกระทรวงกลาโหม โดยได้รับพระราชทานพระยศว่าที่ร้อยตรี เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2481 ประจำกรมพาหนะทหารบก ก่อนจะได้รับพระราชทานพระยศเป็น ร้อยตรี เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2482[6]และได้ทรงย้ายไปประจำการหลายแห่งด้วยกัน อาทิเช่น กรมสารวัตรทหารบก กรมทหารสื่อสารในตำแหน่งหัวหน้ากองการภาพ และทรงเป็นที่ปรึกษาสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เป็นต้น และที่สุดครบเกษียณอายุราชการในขณะดำรงพระยศพันเอก สังกัดเหล่าทหารสื่อสาร เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2518 และต่อมาในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2535 ได้รับพระราชทานพระยศ พลตรี พลเรือตรี และพลอากาศตรี[7]

นอกจากนี้ยังทรงดำรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ทรงเป็นนายทหารพิเศษ ประจำกรมนักเรียนนายเรือ รักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรือ และ ประจำกรมนักเรียนนายเรืออากาศ รักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรืออากาศ อีกด้วย[8] และในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระยศทหารเป็นกรณีพิเศษ ให้พลตรี พลเรือตรี พลอากาศตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ซึ่งได้ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจสนองพระเดชพระคุณในฐานะผู้แทนพระองค์ไปในงานพระราชพิธีต่าง ๆ ด้วยพระวิริยะอุตสาหะอย่างสูงมาโดยตลอด และได้ทรงช่วยเหลือราชการแผ่นดิน เป็นผลดีแก่ประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง เป็น พลโท พลเรือโท พลอากาศโท ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 เป็นต้นไป[9]

ความสนพระทัยและการทรงงานด้านภาพยนตร์ แก้ไข

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ สนพระทัยด้านภาพยนตร์ ตั้งแต่พระชนมายุ 17-18 พรรษา ซึ่งขณะนั้นทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ทรงศึกษาฝึกงานละครที่อังกฤษและภาพยนตร์ที่ฮอลลีวู๊ด โดยทรงรับจ้างเกี่ยวกับงานละครของบริษัทอังกฤษ ชื่อ โกมองห์ บริติส ซึ่งเป็นงานกึ่งรับจ้างกึ่งเรียนในลักษณะฝึกงาน โดยทรงทำตั้งแต่งานเคลื่อนย้ายยกไฟเรื่อยมา จนสุดท้ายได้เป็นผู้ช่วยผู้กำกับ (มีพระนามปรากฏในฐานะผู้ช่วยผู้กำกับสองเรื่อง)[10] ทำให้ทรงรู้จักกับนักเขียนบทละครและดาราชื่อดัง คือ ไอเวอร์ โนเวลโล และเป็นผู้สนับสนุนให้พระองค์ทำหน้าที่คอลล์บอย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่ทำหน้าที่เรียกตัวละครมาเข้าฉาก ทำให้ทรงต้องอ่านบทละครจนจำได้อย่างแม่นยำจึงจะสามารถเรียกตัวละครได้ถูกต้อง ซึ่งนับว่าเป็นประสบการณ์พื้นฐานด้านการละครของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ[11]

ภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ทำให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ตัดสินพระทัยเสด็จกลับประเทศไทย ซึ่งนอกเหนือจากงานในหน้าที่ราชการทหารแล้ว ยังทรงทำละคร โดยทรงเริ่มต้นจากการเป็นที่ปรึกษาของพระนางเธอลักษมีลาวัณ ซึ่งทรงทำละครอยู่หลายเรื่องด้วยกัน โดยเรื่องที่ทรงทำถวายพระนางเธอลักษมีลาวัณทั้งหมดด้วยพระองค์เอง คือเรื่อง สังข์ทอง โดยทรงนำมาแปลงเป็นเรื่องสั้นๆ สมัยใหม่เรียกว่า ละครดึกดำบรรพ์ จากละครทรงย้ายไปผลิตผลงานด้านโทรทัศน์ ท้ายสุดได้ทรงก่อตั้ง บริษัทละโว้ภาพยนตร์ (Lavoa Motion Pic. Prod) สัญลักษณ์พระปรางค์สามยอด สร้างเรื่อง หนามยอกหนามบ่ง ของไม้เมืองเดิม เมื่อ พ.ศ. 2483 (เอกสารบางเล่ม กล่าวว่า พ.ศ. 2479)[12]โดยจะทรงเขียนบท ถ่ายทำ และล้างฟิล์มด้วยพระองค์เอง

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ทรงเป็นหนึ่งในบรรดาผู้สร้างยุคบุกเบิกและผู้นำความแปลกใหม่มาสู่วงการภาพยนตร์ไทย โดยเฉพาะยุคที่เปลี่ยนจาก 16 มม. มาเป็น 35 มม. มีภาพยนตร์เด่นหลายเรื่อง ได้แก่ นางทาษ, เงิน เงิน เงิน, อีแตน, เกาะสวาทหาดสวรรค์ และ แม่นาคพระนคร

ทรงได้รับรางวัลพิเศษ"ดาราทอง"เนื่องในงานภาพยนตร์แห่งชาติรางวัลพระสุรัสวดี ครั้งที่ 16 ประจำปี พ.ศ. 2535 และการยกย่องเชิดชูเกียรติในฐานะศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ผู้สร้างภาพยนตร์-ผู้กำกับภาพยนตร์) ประจำปี พ.ศ. 2539

ตำแหน่งท้ายสุดทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์ของมูลนิธิหนังไทย

ครอบครัว แก้ไข

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ทรงเสกสมรสกับ หม่อมฟองจันทร์ ยุคล ณ อยุธยา[13] และ หม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา โดยมีโอรสธิดาดังนี้

ฟองจันทร์ ศิริวัติ แก้ไข

ฟองจันทร์ ศิริวัติ หรือ เจ้าฟองจันทร์ อินทขัติย์ เชื้อสายจากตระกูล ณ เชียงใหม่ (นางงามเชียงใหม่ ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2477) โดยมีพิธีแต่งงานแบบชาวเหนือ มีพิธีผูกข้อมือและบายศรีสู่ขวัญโดยเจ้าแก้วนวรัฐ[14][15] มีพระธิดา ได้แก่

  • ท่านหญิงจันทรจรัสศรี ไพบูลย์เลิศ พระนามเดิม หม่อมเจ้าหญิงจันทรจรัสศรี ยุคล หรือ ท่านหญิงเล็ก (2 กรกฎาคม พ.ศ. 2480 – 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548) ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อสมรสกับ ประพันธุ์ ไพบูลย์เลิศ
    • คัจฉพงศ์ ไพบูลย์เลิศ
    • สกลกาจ ไพบูลย์เลิศ
  • ท่านหญิงภุมรีภิรมย์ เชลล์ พระนามเดิม หม่อมเจ้าหญิงภุมรีภิรมย์ ยุคล หรือ ท่านหญิงน้อย (ประสูติ 22 มีนาคม พ.ศ. 2482) ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อสมรสกับ โรมาโน ลุคโก และ ชอง มารี เชลล์
    • เกอาตอง ลุคโก
    • วาลีลี ลุคโก
    • อเล็กซานเดอร์ ลุคโก
    • ซาเวียร์ ลุคโก
    • ปิแอร์ ลุยจิ ลุคโก

หม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา ท.จ.ว. แก้ไข

  • ท่านหญิงมาลินีมงคล อมาตยกุล พระนามเดิม หม่อมเจ้าหญิงมาลินีมงคล ยุคล หรือ ท่านหญิงหยอย (24 มิถุนายน พ.ศ. 2483 - 11 มิถุนายน พ.ศ. 2565) ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อสมรสกับ อรุณ อมาตยกุล
  • ท่านหญิงปัทมนรังษี เสนาณรงค์ พระนามเดิม หม่อมเจ้าหญิงปัทมนรังษี ยุคล หรือ ท่านหญิงเม้า (ประสูติ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2484) ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อสมรสกับ ทวีศักดิ์ เสนาณรงค์
    • ปัทมศักดิ์ เสนาณรงค์
    • ปัทมนิฐิ เสนาณรงค์
    • ปัทมวดี เสนาณรงค์
  • หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล หรือ ท่านชายมุ้ย (ประสูติ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2485) เสกสมรสกับศริยา บุษปวณิช มีหม่อม คือ วิยะดา อุมารินทร์, ภรณี เจตสมมา และหม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยา
    • หม่อมราชวงศ์ปัทมนัดดา ยุคล หรือ คุณหญิงนุ้ย ในหม่อมศริยา
    • หม่อมราชวงศ์เดชาเฉลิม ยุคล ในหม่อมศริยา
    • หม่อมราชวงศ์มงคลชาย ยุคล หรือ คุณชายเอี่ยว ในหม่อมวิยะดา
    • หม่อมราชวงศ์สุทธิภาณี ยุคล ในหม่อมภรณี
    • หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล หรือ คุณชายอดัม ในหม่อมกมลา
    • หม่อมราชวงศ์ศรีคำรุ้ง ยุคล หรือ คุณหญิงแมงมุม ในหม่อมกมลา
  • พลเอก หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล หรือ ท่านชายใหม่ (ประสูติ 22 มกราคม พ.ศ. 2490) เสกสมรสครั้งแรกกับ หม่อมศิริพร ยุคล ณ อยุธยา (เสนาลักษณ์) (1 สิงหาคม พ.ศ. 2495 – 12 พ.ค. 2532)
    • หม่อมราชวงศ์รังษิพันธ์ ยุคล หรือ คุณชายเหมา ในหม่อมศิริพร
    • หม่อมราชวงศ์จันทรลัดดา ยุคล หรือ คุณหญิงแอร์ ในหม่อมศิริพร
และเสกสมรสครั้งที่สองกับ หม่อมอัญชลี ยุคล ณ อยุธยา (ขัติยสุรินทร์) (เกิด 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2499)

ผลงาน แก้ไข

ภาพยนตร์ แก้ไข

ละโว้ภาพยนตร์

หนังเงียบขาวดำ 35 มม.

หนังสี 16 มม.พากย์

หนังสี 35 มม.ไวด์สกรีน เสียง (พากย์ ) ในฟิล์ม

  • 2500: ปักธงไชย - บทพระนิพนธ์ บทภาพยนตร์ และลำดับภาพ (พระนามแฝง ล.อัศวดารา )
  • 2502: เชลยศักดิ์ - บทภาพยนตร์ และลำดับภาพ รางวัลตุ๊กตาทอง ประจำปี 2502 (ออกแบบและสร้างฉาก)
  • 2505: นางทาษ - บทภาพยนตร์ กำกับการแสดง และอำนวยการสร้าง รางวัลตุ๊กตาทอง ประจำปี 2506 (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้แสดงประกอบหญิง บทประพันธ์ ออกแบบเครื่องแต่งกาย)

หนังสี 35 มม. ซูเปอร์ซีเนสโคป เสียง (พากย์ ) ในฟิล์ม

  • 2508: เงิน เงิน เงิน / Money,Money,Money - บทพระนิพนธ์ และกำกับการแสดง (หนังซีเนมาสโคปเรื่องแรกของละโว้และของมิตร-เพชรา ครั้งแรกของหนังไทยแนวรีวิวเพลงหลากหลายตลอดเรื่อง รวมดารามากที่สุด ความยาวเกือบ 200 นาที มากที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างกันมาและครั้งแรกที่มีแนวคิดล้ำยุคล้อเลียนการใช้คอมพิวเตอร์สำนักงานซึ่งยังไม่มีใช้กันแพร่หลายในเมืองไทยขณะนั้น รางวัลตุ๊กตาทอง ประจำปี 2508 เพลงประกอบ และโล่เกียรตินิยมคู่ดารานำที่ทำรายได้มากที่สุด) คำขวัญ "เพลงพราว ดาวพรู ดูเพลิน"
  • 2511: อีแตน / Miss Tan - บทพระนิพนธ์ และกำกับการแสดง (เรื่องแรกของ อรัญญา นามวงศ์ ในฐานะดารานำ และหนังไทยที่นำเสนอการแสดงชายแต่งหญิง หญิงแต่งชายก่อนแนวคาบาเร่ต์โชว์เป็นที่รู้จักทั่วไปในเวลาต่อมา) คำขวัญ "ดาราเยอะแยะ หัวใจเฮาะแฮะ"
  • 2512: เกาะสวาทหาดสวรรค์ / Paradise Island - บทพระนิพนธ์ กำกับการแสดง ลำดับภาพ และคามีโอ (cameo) บทนักกีต้าร์ ร่วมกับ สง่า อารัมภีร คำขวัญ "หวานชื่น ครื้นเครง เพลงเพราะ"
  • 2513: แม่นาคพระนคร / Bangkokian Ghostly Love Story - บทพระนิพนธ์ และกำกับการแสดง (หนังไทยลงทุนเทคนิคพิเศษ "ทริค" โดย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล และให้ข่าวว่าพิมพ์สีเทคนิค เรื่องแรกของเมืองไทย, เรื่องสุดท้ายของ กิ่งดาว ดารณี)
  • 2513: ฟ้าคะนอง - บทพระนิพนธ์ และกำกับการแสดง (ภาวนา ชนะจิต แสดงหนัง 35 มม.เรื่องแรก) คำขวัญ "ใหม่ที่สุด แปลกที่สุด ยอดเยี่ยมที่สุด"
  • 2514: วิวาห์พาฝัน / Marriage Thai Style - บทพระนิพนธ์และกำกับการแสดง (รัชนก ณ เชียงใหม่ สาวประเภทสองชื่อดังเป็นคามิโอครั้งแรกครั้งเดียวบนจอเงิน) คำขวัญ "ครื้นเครง เพลงมาก ดูไม่ยาก สบายตา"
  • 2514: มันมากับความมืด - องค์ที่ปรึษา และดาราเกียรติยศ (ครั้งแรกของหนังไซไฟสิ่งมีชีวิตผสมเครื่องจักรกลจากอวกาศและการถ่ายภาพใต้ทะเลในหนังไทย หุ่นสัตว์ประหลาดสั่งจากฮอลลีวู้ด เทคนิคพิเศษโดยทีมงานไทย) คำขวัญ "ตื่นตา มาใหม่ ไม่เหมือนใคร ในปี 2515" (ฉายปลายปี 2514)
  • 2515: บุหงาหน้าฝน - องค์ที่ปรึกษา
  • 2515: เพชรตาแมว - ผู้อำนวยการสร้าง
  • 2516: เขาชื่อกานต์/ Doctor Kan - องค์ที่ปรึกษา ภาพยนตร์ตีแผ่ปัญหาสังคมทำรายได้สูงและการกล่าวขวัญทั่วไปอย่างกว้างขวาง
  • 2516: แหวนทองเหลือง / Brass Ring - บทพระนิพนธ์ และกำกับการแสดง (หนังไทยเรื่องแรกที่ให้ข่าวว่าฉายระบบวิสต้าวิชั่น และมีพักครึ่งเวลาแบบหนังใหญ่ฮอลลีวู้ด รวมทั้งยังเป็นหนังเรื่องแรกของโลกที่เอาไตเติ้ลไปอยู่ช่วงพัก)

สหมงคลฟิล์ม - ละโว้ภาพยนตร์

หนังสี 35 มม. ซีเนมาสโคป เสียง (พากย์ ) ในฟิล์ม

พร้อมมิตรภาพยนตร์ (พร้อมมิตรโปรดักชั่น )

หนังสี 35 มม. ไวด์สกรีน ซาวออนฟิล์ม

หนังสือ แก้ไข

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ แก้ไข

พลโท พลเรือโท พลอากาศโท พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์[1] ดังนี้

พงศาวลี แก้ไข

ธรรมเนียมพระยศของ
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ
การทูลฝ่าพระบาท
การแทนตนเกล้ากระหม่อม/เกล้าหม่อมฉัน
การขานรับเกล้ากระหม่อม/เพคะ

อ้างอิง แก้ไข

  1. 1.0 1.1 1.2 "ข่าวในพระราชสำนัก [10-15 เมษายน 2541" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 115 (34 ง): 184. 28 เมษายน 2541. สืบค้นเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2564. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  2. พระราชทานยศพลโท
  3. [1]
  4. ศุภวัฒย์ เกษมศรี, พลตรี หม่อมราชวงศ์, และรัชนี ทรัพย์วิจิตร. พระอนุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าในพระราชวงศ์จักรี. กรุงเทพ : สำนักพิมพ์บรรณกิจ, พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2549. 360 หน้า. หน้า หน้าที่. ISBN 974-221-818-8
  5. กิตติพงษ์ วิโรจน์ธรรมากูร. ย้อนรอยราชสกุลวงศ์"วังหลวง". กรุงเทพ : สำนักพิมพ์ดอกหญ้า, พิมพ์ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2549. 304 หน้า. หน้า หน้าที่. ISBN 974-941-205-2
  6. ประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง พระราชทานยศทหาร (หน้า 407)
  7. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระยศทหารและแต่งตั้งให้ทรงเป็นนายทหารพิเศษ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2535/D/033/5.PDF
  8. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระยศทหารและแต่งตั้งให้ทรงเป็นนายทหารพิเศษ 14 กุมภาพันธ์ 2535http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2535/D/033/5.PDF
  9. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระยศทหาร http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2540/B/005/2.PDF
  10. คำประกาศเกียรติคุณ พลโท พระเจ้าวรวงเธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ศิลปินแห่งชาติ สำนักงานวัฒนธรรมแห่งชาติ 2539
  11. พระประวัติและผลงาน พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงhttp://book.culture.go.th/artist/artist2539/mobile/index.html#p=41
  12. โดม สุขวงศ์ ,ประวัติภาพยนตร์ไทย ,องค์การค้าของคุรุสภา, 2533 ISBN 974-005-244-4 หน้า 34
  13. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-21. สืบค้นเมื่อ 2007-07-18.
  14. พิมาน แจ่มจรัส. รักในราชสำนัก. กรุงเทพ : สำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์, พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2544. 448 หน้า. หน้า หน้าที่. ISBN 974-341-064-3
  15. กิติวัฒนา (ไชยันต์) ปกมนตรี, หม่อมราชวงศ์. สายพระโลหิตในพระพุทธเจ้าหลวง. กรุงเทพฯ : ดีเอ็มดี, พ.ศ. 2551. 290 หน้า. ISBN 978-974-312-022-0
  16. ราชกิจจานุเบกษา,แจ้งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ฉบับพิเศษ หน้า 33 เล่ม 89 ตอนที่ 202, 29 ธันวาคม พ.ศ. 2515
  17. ราชกิจจานุเบกษา,ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า เก็บถาวร 2014-01-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน หน้า 1 เล่ม 113 ตอนที่ 7 ข, 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2539
  18. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (ชั้นสายสะพาย จำนวน 4,524 ราย) เก็บถาวร 2014-04-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีนเล่ม 113 ตอน 22 ข 4 ธันวาคม พ.ศ. 2539 หน้า 8
  19. ราชกิจจานุเบกษา,แจ้งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2015-09-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ฉบับพิเศษ หน้า 16 เล่ม 109 ตอนที่ 154, 4 ธันวาคม พ.ศ. 2535
  20. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ ฉบับพิเศษ หน้า 8 เล่ม 108 ตอนที่ 139, 5 สิงหาคม พ.ศ. 2534
  21. ราชกิจจานุเบกษา,ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ดิเรคุณาภรณ์ หน้า 18 เล่ม 114 ตอนที่ 29 ข, 12 ธันวาคม พ.ศ. 2540
  22. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2506/D/122/523.PDF
  23. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม 41, ตอน 0 ง, 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2467, หน้า 2420
  24. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 43 หน้า 4299 วันที่ 6 มีนาคม 2469http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2469/D/4298.PDF
  25. ราชกิจจานุเบกษา,แจ้งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ หน้า 1011 เล่ม 71 ตอนที่ 17, 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2496


แหล่งข้อมูลอื่น แก้ไข