พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุขุมาภินันท์
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุขุมาภินันท์ (15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2466 - 10 เมษายน พ.ศ. 2546) เป็นพระโอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต กับหม่อมสมพันธุ์ บริพัตร ณ อยุธยา อดีตเลขาธิการสภากาชาดไทย อดีตอุปนายกผู้อำนวยการสภากาชาดไทย[1] อดีตเลขาธิการกรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุขุมาภินันท์ | |
---|---|
พระวรวงศ์เธอ ชั้น 5 พระองค์เจ้าชั้นตรี | |
![]() | |
ประสูติ | 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2466 |
สิ้นพระชนม์ | 10 เมษายน พ.ศ. 2546 (79 ปี) |
พระราชทานเพลิง | 28 ธันวาคม พ.ศ. 2546 เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส |
หม่อม | หม่อมดุษฎี บริพัตร ณ อยุธยา |
พระบุตร | หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร หม่อมราชวงศ์วโรรส บริพัตร |
ราชสกุล | บริพัตร |
ราชวงศ์ | จักรี |
พระบิดา | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต |
พระมารดา | หม่อมสมพันธุ์ บริพัตร ณ อยุธยา |
ศาสนา | พุทธ |
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/a/a3/Logo_of_the_Thai_Red_Cross_Society.jpg/220px-Logo_of_the_Thai_Red_Cross_Society.jpg)
พระประวัติ
แก้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุขุมาภินันท์ เป็นพระโอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ประสูติแต่หม่อมสมพันธุ์ บริพัตร ณ อยุธยา (สกุลเดิม ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา; ธิดาพระยาวทัญญูวินิจฉัย (หม่อมหลวงชุ่ม ปาลกะวงศ์) กับคุณหญิงเลี่ยน ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา (สกุลเดิม บุนนาค)) ประสูติเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2466 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อประสูติดำรงพระยศที่ "หม่อมเจ้าสุขุมาภินันท์" มีโสทรเชษฐภคินีหนึ่งองค์ คือ หม่อมเจ้าอินทุรัตนา มีโสทรานุชาหนึ่งองค์ คือ หม่อมเจ้าชายไม่มีพระนาม (ถึงชีพิตักษัยหลังประสูติได้ 3-4 วัน ในปลายรัชกาลที่ 6)[2] มีเชษฐาและเชษฐภคินีต่างหม่อมมารดาอีกแปดพระองค์
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2470 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกหม่อมเจ้าอันเป็นพระโอรสธิดาในสมเด็จเจ้าฟ้าซึ่งพระชนนีทรงศักดิ์ชั้นสมเด็จ ซึ่งมารดามิได้เป็นเจ้าขึ้นดำรงพระยศเป็น "พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า"[3] หม่อมเจ้าอินทุรัตนาและหม่อมเจ้าสุขุมาภินันท์ จึงมีพระยศขึ้นเป็น "พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า" พร้อมกัน[4]
ระหว่างที่กำลังศึกษาที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ได้เกิดการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 จึงได้ตามเสด็จพระบิดาไปประทับที่เมืองบันดุง เกาะชวา ซึ่งในขณะนั้นเป็นอาณานิคมของประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยทรงเข้าศึกษาในโรงเรียนมัธยมของชาวดัตช์ ทรงมีโอกาสรู้จักกับชาวดัตช์ และชาวตะวันตก ทำให้พระองค์มีความรู้และทักษะด้านภาษา ทรงสามารถใช้ภาษาอังกฤษ ภาษาดัทช์ ภาษาเยอรมัน ภาษาฝรั่งเศส และภาษาซุนดาของชาวชวาตะวันตกได้เป็นอย่างดี
เมื่อพระบิดาสิ้นพระชนม์ ใน พ.ศ. 2487 แต่ยังไม่สามารถนำพระศพกลับประเทศไทยได้เนื่องจากอยู่ในระหว่างสงคราม จนกระทั่งเมื่อ พ.ศ. 2491 รัฐบาลจอมพล แปลก พิบูลสงคราม ได้ส่งเครื่องบินเพื่อรับพระศพพระบิดากลับสู่ประเทศไทย พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุขุมาภินันท์ จึงตามพระศพกลับมายังประเทศไทยด้วย
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุขุมาภินันท์ ได้เสด็จไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ยังมหาวิทยาลัยเทมเพิล สหรัฐอเมริกา ทรงเลือกเรียนสาขาบริหารธุรกิจ เพราะทรงเห็นว่าการเรียนไม่ยากมากนักและสามารถสำเร็จการศึกษาได้ภายในระยะเวลาอันจำกัด เนื่องจากพระองค์ทรงสูญเสียเวลาไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้ว ทรงเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สาขาเศรษฐศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ จนสำเร็จการศึกษาและเสด็จกลับประเทศไทย ใน พ.ศ. 2495
หลังจากเสด็จกลับประเทศไทย ทรงเริ่มเข้ารับราชการที่กระทรวงการคลัง และต่อมาทรงงานที่บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในช่วงที่เริ่มก่อตั้ง โดยทรงเรียนรู้งานจากพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย ซึ่งเป็นประธานกรรมการ ทรงดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการทั่วไป ระหว่าง พ.ศ. 2503-2505[5] หลังจากนั้นทรงดำรงตำแหน่งเลขาธิการกรมการเร่งรัดพัฒนาชนบทเป็นคนที่สอง ในระหว่าง พ.ศ. 2511-2514
ทั้งนี้พระองค์เป็นเจ้านายฝ่ายหน้าชั้น "พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า" ที่ดำรงพระชนม์ชีพอยู่เป็นพระองค์สุดท้าย ก่อนสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2546 สิริพระชันษา 79 ปี พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเพลิงพระศพ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส ในวันที่ 28 ธันวาคม ปีเดียวกัน
พระทายาท
แก้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุขุมาภินันท์เสกสมรสกับหม่อมดุษฎี บริพัตร ณ อยุธยา (สกุลเดิม ณ ถลาง) ธิดาของหลวงอิศเรศรักษา (ปลื้ม ณ ถลาง) กับดรุณ ณ ถลาง มีพระโอรสสองคน ได้แก่
- หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร สมรสกับนุชวดี บำรุงตระกูล ต่อมาได้หย่ากันและสมรสใหม่กับสาวิตรี บริพัตร ณ อยุธยา (สกุลเดิม ภมรบุตร) มีบุตรสองคน ได้แก่
- หม่อมหลวงพินิตพันธุ์ บริพัตร สมรสกับมิยา บริพัตร ณ อยุธยา (สกุลเดิม รีวงษ์)
- หม่อมหลวงวราภินันท์ บริพัตร
- พลโท หม่อมราชวงศ์วโรรส บริพัตร สมรสกับพัฒนาพร นิยมศิริ ต่อมาได้หย่ากันและสมรสใหม่กับวรภาทิพย์ บริพัตร ณ อยุธยา (เดิม ละอองดาว โตเจริญ) มีบุตรธิดาสามคน ได้แก่
- หม่อมหลวงวรพินิต บริพัตร
- หม่อมหลวงวรภานัน บริพัตร (ชื่อเดิม หม่อมหลวงสุภานัน บริพัตร)
- หม่อมหลวงภูมิอาชว์ บริพัตร (ชื่อเดิม หม่อมหลวงวรทย์ บริพัตร)
พระเกียรติยศ
แก้ธรรมเนียมพระยศของ พระองค์เจ้าสุขุมาภินันท์ | |
---|---|
การทูล | ฝ่าพระบาท |
การแทนตน | เกล้ากระหม่อม/เกล้ากระหม่อมฉัน |
การขานรับ | เกล้ากระหม่อม/เพคะ |
พระอิสริยยศ
แก้- 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2466 – 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2470 : หม่อมเจ้าสุขุมาภินันท์
- 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2470 – 10 เมษายน พ.ศ. 2546 : พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุขุมาภินันท์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
แก้- พ.ศ. 2514 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)[6]
- พ.ศ. 2530 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[7]
- พ.ศ. 2527 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[8]
- พ.ศ. 2515 – เหรียญลูกเสือสดุดี ชั้นที่ 1
- พ.ศ. 2470 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 3 (ป.ป.ร.3)[9]
- พ.ศ. 2512 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 3 (ภ.ป.ร.3)
- พ.ศ. 2469 – เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 7 (ร.ร.ศ.7)
- พ.ศ. 2493 – เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 9 (ร.ร.ศ.9)
- พ.ศ. 2511 – เหรียญกาชาดสมนาคุณ ชั้นที่ 1 (เหรียญทอง)
- พ.ศ. 2512 – เหรียญกาชาดสรรเสริญ
พงศาวลี
แก้พงศาวลีของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุขุมาภินันท์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
แก้- ↑ ราชกิจจานุเบกษา 12 มีนาคม 2512 ประกาศแต่งตั้งอุปนายกผู้อำนวยการสภากาชาดไทยhttp://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2512/A/021/4.PDF
- ↑ เนื่องในงานพระราชทานเพลิงพระศพ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพิสิฐสบสมัย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ไทยเขษม, พ.ศ. 2517. 43 หน้า.
- ↑ "ประกาศตั้งพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้า" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 44 (0ก): 253. 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2470.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|date=
(help) - ↑ ศุภวัฒย์ เกษมศรี, พลตรี หม่อมราชวงศ์, และรัชนี ทรัพย์วิจิตร. พระอนุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าในพระราชวงศ์จักรี. กรุงเทพ : สำนักพิมพ์บรรณกิจ, พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2549. 360 หน้า. หน้า หน้าที่. ISBN 974-221-818-8
- ↑ อนุสรณ์เนื่องในงานพระราชทานเพลิงพระศพ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุขุมาภินันท์ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส 2545.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า, เล่ม ๘๘ ตอนที่ ๔๙ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๑๘, ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๑๔
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2015-09-30 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๐๔ ตอนที่ ๒๔๗ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๑, ๑ ธันวาคม ๒๕๓๐
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2019-11-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๐๒ ตอนที่ ๑๗ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๔๔, ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญ เก็บถาวร 2017-02-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๔๔ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๕๗๓, ๒๐ พฤศจิกายน ๒๔๗๐