พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทศศิริวงศ์
พลโท พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทศศิริวงศ์ (23 ตุลาคม พ.ศ. 2427 – 20 มีนาคม พ.ศ. 2493) เป็นพระโอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์ ประสูติแต่หม่อมหลวงผาด จักรพันธุ์[1] (ราชสกุลเดิม ปาลกะวงศ์; ธิดาของหม่อมราชวงศ์สุหร่าย ปาลกะวงศ์)[2]
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทศศิริวงศ์ | |
---|---|
พระวรวงศ์เธอ ชั้น 4 พระองค์เจ้าชั้นตรี | |
ประสูติ | 23 ตุลาคม พ.ศ. 2427 |
สิ้นพระชนม์ | 20 มีนาคม พ.ศ. 2493 (65 ปี) |
หม่อม | หม่อมหลวงเลื่อน จักรพันธุ์ |
พระบุตร | หม่อมราชวงศ์พงศ์พรหม จักรพันธุ์ หม่อมราชวงศ์หญิงสมพันธ์ จักรพันธุ์ หม่อมราชวงศ์หญิงวรรณแวว จักรพันธุ์ หม่อมราชวงศ์แก้วมณี จักรพันธุ์ |
ราชสกุล | จักรพันธุ์ |
ราชวงศ์ | จักรี |
พระบิดา | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์ |
พระมารดา | หม่อมหลวงผาด จักรพันธุ์ |
รับใช้ | กองทัพบกสยาม |
---|---|
ชั้นยศ | พลโท |
พระประวัติ
แก้พลโท พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทศศิริวงศ์ เป็นพระโอรส สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์ และหม่อมหลวงผาด (เสนีย์วงศ์) ประสูติที่พระราชวังเดิม (ฝั่งธนบุรี) ในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2427
เมื่อทรงพระเยาว์ได้ทรงศึกษาหนังสือไทยกับหม่อมมารดา ต่อมาในปี 2440 เข้าทรงศึกษาในโรงเรียนนายร้อย จนจบหลักสูตรในปี 2444 แต่ปรากฏว่ายังมีพระชนม์น้อยอยู่ไม่ครบกำหนดที่ทางราชการจะบรรจุเพื่อรับพระราชทานยศเป็นนายทหารสัญญาบัตรได้ สมเด็จพระบิดาจึงทรงขอร้องให้ทรงศึกษาอยู่ในโรงเรียนนายร้อยต่อไปอีก ภายหลังที่สมเด็จพระบิดาสิ้นพระชนม์แล้ว ทางราชการจึงได้ส่งให้ไปทรงศึกษาวิชาทหารต่อที่ประเทศเยอรมนี ได้เข้าทรงศึกษาในโรงเรียนนายร้อย ณ เมืองโกร๊สลิชเตอร์เฟลเด้ (Gross Lichterfelde) ได้ทรงศึกษาจบหลักสูตรออกรับราชการเป็น แฟนริช (Fähnrich)[3] ในกรมทหารราบที่ 36 ของกองทัพบกเยอรมัน แล้วเข้าศึกษาวิชาในโรงเรียนรบที่เมืองเอนอส ติดแม่น้ำไรน์ (Kriegsschule in Engers am Rhein) พอทรงศึกษาสอบไล่ได้จนจบหลักสูตรของโรงเรียนรบก็ทรงประชวรเป็นโรคปอดอักเสบต้องเข้ารักษาพระองค์อยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน เมื่อหายประชวรแล้วจึงเสร็จกลับประเทศไทย ทางราชการได้บรรจุเข้ารับราชการในตำแหน่งว่าที่ร้อยตรีประจำกองร้อยที่ 4 กรมทหารบกราบกรมที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2448 และรับราชการทหารมาในตำแหน่งสำคัญๆ อาทิเช่น ราชองครักษ์เวร ผู้บัญชาการกองพลที่ 5 นครราชสีมา จนได้รับพระราชทานยศเป็นพลโท ในวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2469 ในช่วงปี 2471 - 2475 พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทศศิริวงศ์ทรงย้ายไปรับราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นสมุหเทศาภิบาลสำเร็จราชการมณฑลพายัพ[4] และเป็นนายทหารกองหนุนสังกัดกรมจเรทหารบก
นอกจากตำแหน่งราชการประจำ ยังได้ทรงดำรงตำแหน่งหน้าที่พิเศษอื่นอีก อาทิ
- พ.ศ. 2458 รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็นองคมนตรี รัชกาลที่ 6
- พ.ศ. 2469 รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็นองคมนตรี รัชกาลที่ 7
- พ.ศ. 2470 เป็นกรรมการองคมนตรี
- พ.ศ. 2471 เป็นนายกกองอนุสภากาชาด มณฑลพายัพ และเป็นสภานายกกรรมการจัดการลูกกเสือมณฑลพายัพ
สถาปนาพระอิสสริยยศ
แก้จากคำประกาศโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอิสสริยยศเป็น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ในพระสุพรรณบัฎ พ.ศ. 2466 [5]พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริห์ดังนี้
“พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงบำรุงเลี้ยง…[หม่อมเจ้าทศศิริวงศ์]…มาตั้งแต่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์ สมเด็จพระบิดาสิ้นพระชนม์เมื่อยังเยาว์ แลัวทรงพระกรุณาโปรดฯ ให้ศึกษาวิชาทหารบกได้เป็นนักเรียนนายร้อยเล่าเรียนวิชาความรู้ในโรงเรียนนายร้อยจนตลอดแล้ว โปรดฯ ให้ส่งไปเล่าเรียนวิชาทหารในประเทศเยอรมัน…จนสอบวิชาชั้นนายร้อยทหารบกของเยอรมันได้ แล้วกลับมารับราชการทหารบกได้รับราชการในตำแหน่งหน้าที่ต่าง ๆ ปรากฏความสามารถตั้งแต่เป็นนายร้อยในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์และเป็นนายทหารในกรมสนาธิการ แล้วได้เป็นนายพันผู้บังคับกองพันกรมทหารมหาดเล็กและเป็นผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยชั้นมัธยมโดยลำดับ...[ต่อมาพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็น]...ผู้บังคับบัญชาการกองพลทหารบกที่ 3 ณ มณฑลอยุธยา แล้วเป็นผู้บังคับบัญชาการกองพลที่ 5 ณ มณฑลนครราชสีมา มีบำเหน็จความชอบได้เลื่อนยศขึ้นเป็นนายพลตรีและเป็นราชองครักษ์พิเศษ ต่อมาได้เลื่อนเป็นผู้บัญชาการกองพลทหารบกที่ 4 ณ มณฑลราชบุรี...เพราะทรงคุณวุฒิปรีชาและมีความพากเพียรสม่ำเสมอ ได้รับตำแหน่งหน้าที่ใดก็สามารถจะทำงานการในหน้าที่นั้น ๆ ให้เรียบร้อยเจริญขึ้นทุกหน้าที่ จึงเป็นเหตุได้รับเลือกสรรในเวลาเมื่อต้องการผู้มีความสามารถไปรับราชการในตำแหน่งต่าง ๆ ทุกคราวมา ข้อนี้เป็นเกียรติคุณอันสำคัญของหม่อมเจ้าทศศิริวงศ์ ในส่วนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้ทรงคุ้นเคยทราบคุณวุฒิของหม่อมเจ้าทศศิริวงศ์มาตั้งแต่เมื่อเสด็จดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ในรัชชกาลที่ 5 หม่อมเจ้าทศศิริวงศ์เคยอยู่ในบังคับบัญชาใกล้ชิด และมีความจงรักต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงนับว่าเป็นผู้สนิทชิดชอบพระราชอัธยาศัยตั้งแต่ครั้งนั้นตลอดมา...บัดนี้...[หม่อมเจ้าทศศิริวงศ์]...ทรงเจริญไวยวุฒิปรีชาสามารถในราชกิจและรับราชการในตำแหน่งสำคัญอันเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย กอปด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและจงรักภักดีในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมั่นคง สมควรจะยกย่องเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระปิตุลาธิบดีพระองค์ใหญ่ได้อีกพระองค์หนึ่ง....”
พระองค์ทรงรับราชการเป็นทหารบก ทรงได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลทหารบก ที่ 4 จังหวัดราชบุรี และเป็นแม่ทัพกองทัพน้อยทหารบกที่ 1[6] และสมุหเทศาภิบาลมณฑลพายัพ[7] รวมถึงได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการองคมนตรี ตั้งแต่ 2 กันยายน พ.ศ. 2470 ถึง 31 มีนาคม พ.ศ. 2474[8]
พระยศและตำแหน่ง
แก้- - ร้อยตรี
- 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2451 - ร้อยเอก[9]
- 26 เมษายน พ.ศ. 2452 - พันตรี[10]
- - ผู้รั้งผู้บัญชาการกองพลที่ 3 มณฑลกรุงเก่า
- 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2456 - พันเอก[11]
- มิถุนายน พ.ศ. 2456 - ผู้บัญชาการกองพลที่ 5 มณฑลนครราชสีมา[12]
- 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2459 - พลตรี[13]
- 5 มิถุนายน พ.ศ. 2459 - ราชองครักษ์เวร[14]
- 12 กุมภาพันธ์ 2461 – ราชองครักษ์พิเศษ[15]
- กรกฎาคม 2462 – ผู้บัญชาการกองพลทหารบกที่ 4 มณฑลราชบุรี[16]
- 23 ธันวาคม 2462 – นายหมวดเอก[17]
- 30 มีนาคม 2462 – รั้งตำแหน่งรองผู้บัญชาการกองเสนาน้อยรักษาดินแดนราชบุรี[18]
- 26 เมษายน พ.ศ. 2469 - แม่ทัพกองทัพน้อยทหารบกที่ 1[19]
- 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2469 - พลโท[20]
ครอบครัว
แก้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทศศิริวงศ์ได้ทรงสมรสกับหม่อมหลวงเลื่อน สุทัศน์ บุตรีเจ้าพระยาวิชิตวงศ์วุฒิไกร (หม่อมราชวงศ์คลี่ สุทัศน์และท่านผู้หญิงเผื่อน)[21] โอรสและธิดาของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทศศิริวงศ์ มีดังนี้
- หม่อมราชวงศ์พงศ์พรหม จักรพันธุ์ สมรสและหย่ากับหม่อมราชวงศ์มาลัยพรรณ จักรพันธุ์ (พระธิดาในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดนัยวรนุช) มีธิดาคือ หม่อมหลวงสมพงษ์วดี (จักรพันธุ์) วิกิตเศรษฐ์
- หม่อมราชวงศ์หญิงสมพันธ์ จักรพันธุ์
- หม่อมราชวงศ์หญิงวรรณแวว สุมิตร์
- หม่อมราชวงศ์แก้วมณี จักรพันธุ์
บั้นปลายพระชนม์ชีพ
แก้เมื่อได้ทรงออกจากราชการรับพระราชทานบำนาญแล้ว ได้ทรงประชวรเป็นนิ่วในถุงน้ำดี ถึงกับต้องเสด็จออกไปผ่าตัดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นับจากนั้นมาสุขภาพได้ทรุดโทรมลงกว่าก่อนเป็นอันมาก และในฤดูหนาวปี 2491 ได้ทรงประชวรพระโรคปอดบวมอย่างหนักอีกครั้งหนึ่ง เมื่อหายจากการประชวรครั้งนี้แล้ว สุขภาพของพระองค์ทรุดโทรมลงยิ่งขึ้น ได้มีโรคพระหทัยและพระวักกะพิการเพิ่มขึ้น ได้ทรงรับการรักษาพยาบาลตลอดมา พระอาการทรุดลงโดยลำดับ
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทศศิริวงศ์ สิ้นพระชนม์ในวันจันทร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2493 เวลา 15.40 นาฬิกา สิริพระชันษา 65 ปี พระราชทานเพลิงพระศพ ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ในวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2493
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
แก้- พ.ศ. 2466 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)[22]
- พ.ศ. 2463 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)[23]
- พ.ศ. 2459 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)[24]
- พ.ศ. 2463 – เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)[25]
- พ.ศ. 2468 – เหรียญศารทูลมาลา (ร.ศ.ท.)[26]
- พ.ศ. 2453 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 3 (ว.ป.ร.3)[27]
- พ.ศ. 2469 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 3 (ป.ป.ร.3)[28]
- พ.ศ. 2470 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 2 (ป.ป.ร.2)[29]
- พ.ศ. 2436 – เหรียญรัชฎาภิเศกมาลา (ร.ศ.)
- พ.ศ. 2440 – เหรียญประพาสมาลา (ร.ป.ม.)
- พ.ศ. 2446 – เหรียญทวีธาภิเศก (ท.ศ.)
- พ.ศ. 2450 – เหรียญรัชมงคล (ร.ร.ม.)
- พ.ศ. 2451 – เหรียญรัชมังคลาภิเศก รัชกาลที่ 5 (ร.ม.ศ.5)
- พ.ศ. 2454 – เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 6 (ร.ร.ศ.6)
- พ.ศ. 2468 – เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 7 (ร.ร.ศ.7)
- พ.ศ. 2475 – เหรียญเฉลิมพระนคร 150 ปี (ร.ฉ.พ.)
- พ.ศ. 2455 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.)[30]
- พ.ศ. 2454 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย (จ.ม.)[31]
พงศาวลี
แก้พงศาวลีของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทศศิริวงศ์ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
แก้- ↑ จากหนังสือที่จัดพิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงพระศพ พลโท พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทศศิริวงศ์ วันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๔๙๓ (www.car.chula.ac.th)
- ↑ ศุภวัฒย์ เกษมศรี, พลตรี หม่อมราชวงศ์, และรัชนี ทรัพย์วิจิตร. พระอนุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าในพระราชวงศ์จักรี. กรุงเทพ : สำนักพิมพ์บรรณกิจ, พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2549. 360 หน้า. หน้า หน้าที่. ISBN 974-221-818-8
- ↑ เป็นตำแหน่งนายทหารสัญญาบัตรของกองทัพออสเตรียและเยอรมัน
- ↑ สมุหเทศาภิบาลเป็นผู้บังคับบัญชาราชการฝ่ายปกครองในหัวเมืองมณฑล และเขตปกครองของมณฑลพายัพประกอบด้วยเชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน เชียงราย แพร่ ลำปาง และน่าน
- ↑ https://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2466/D/2600.PDF
- ↑ กิตติพงษ์ วิโรจน์ธรรมากูร, ย้อนรอยราชสกุลวงศ์ วังหลวง, ดอกหญ้า, 2549, ISBN 974-941-205-2
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 45 หน้า 209 วันที่ 22 เมษายน 2471http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2471/D/209.PDF
- ↑ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2470/A/205.PDF
- ↑ พระราชทานสัญญาบัตรทหารบก
- ↑ พระราชทานสัญญาบัตรทหารบก
- ↑ ตั้งตำแหน่งยศนายทหารบก
- ↑ แจ้งความกระทรวงกลาโหม เรื่องถอนแลตั้งตำแหน่งหน้าที่ราชการ
- ↑ พระราชทานยศนายทหารบก
- ↑ แจ้งความกระทรวงกลาโหม เรื่องตั้งราชองครักษ์เวร (หน้า ๖๐๔)
- ↑ แจ้งความกรมราชองครักษ์ เรื่อง ตั้งราชองครักษ์พิเศษ
- ↑ แจ้งความของกระทรวงกลาโหม เรื่อง เลื่อนย้ายนายทหารรับราชการ
- ↑ "พระราชทานยศนายเสือป่า" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา: 3123. 11 มกราคม 1919.
- ↑ ประกาศกรมบัญชาการคณะเสือป่า
- ↑ แจ้งความกระทรวงกลาโหม เรื่องเลื่อนย้ายนายทหารรับราชการกับออกจากประจำการ
- ↑ https://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2469/D/744.PDF
- ↑ หนังสือพิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงพระศพ พลโท พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าทศศิริวงศ์ วันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๔๙๓ (www.car.chula.ac.th)
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จุลจอมเกล้าฝ่ายหน้า เก็บถาวร 2022-10-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๔๐ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๖๒๗, ๒๕ พฤศจิกายน ๒๔๖๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2022-06-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๓๗ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๓๑๐, ๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, รายพระนามและนามผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ในงานพระราชพิธีฉัตรมงคล วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๕๙ เก็บถาวร 2022-10-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๓๓ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๑๖๕, ๑๙ พฤศจิกายน ๒๔๕๙
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญจักรมาลา เก็บถาวร 2022-10-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๓๗ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๗๓๗, ๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ส่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไปพระราชทาน เก็บถาวร 2022-09-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๔๓ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๔๙๑, ๒ พฤษภาคม ๒๔๖๙
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ เก็บถาวร 2022-06-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๒๗ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๔๑๘, ๑๑ มกราคม ๑๒๙
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ฝ่ายหน้า เก็บถาวร 2022-09-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๔๓ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๑๒๑, ๒๖ พฤศจิกายน ๒๔๖๙
- ↑ พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์
- ↑ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (หน้า 2420)
- ↑ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์