"วิชชาธรรมกายกับการประยุกข์ไปสู่ความรู้ของคนอเมริกา"
       "วิชชาธรรมกายคืออะไร"
      วิชชาธรรมกายเป็นความรู้ทางพุทธศาสนาที่หลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญท่านได้ค้นพบและปฎิบัติธรรมจนสำเร็จ   และได้เผยแผ่วิชชานี้ไปทั่วโลก จนมีผู้บรรลุตามมากมายจนมีผู้รู้จักมากมาย
       "ความรู้ทางพระพุทธศาสนาสอนอะไร"
       หากเราไปถามเด็กเพิ่งเกิดว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร  เด็กน้อยผู้เกิดจากท้องพ่อ  ท้องแม่ได้ไม่กี่วันคงพูดอะไรไม่ได้  พูดได้คำเดียวคือ  การร้องให้  แง แง  หากเด็กคนนั้นโตขึ้นมาเป็นเด็กที่มีอายุมาขึ้นอีกสักปีนึงคำที่พูดได้ชัดเจนก็คือ  คำว่าแม่นะครับ  หรือ คำว่าพ่อ  ไม่กี่คำเท่านั้นเองนะครับ

ความรู้ทางพระพุทธศาสนานั้นก็เช่นกันนะครับ หากไปถามเด็กเพิ่งเกิดเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่ปีก็คงได้รับคำตอบที่ไม่ชัดเจนนะครับ ถ้าเราตั้งใจมากๆเลยกับการค้นคว้าความรู้ ไปถามเด็กที่เพิ่งเรียนอยู่เพียงชั้นประถม ก็จะได้รับคำตอบอีกเช่นกันก็คือ คำว่า"ไม่รู้" หรือเด็กคนนั้นอาจจะไม่อยากยุ่งกับเราเลยนะครับ ศาสตร์ที่พระพุทธเจ้าค้นพบนั้นเป็นศาสตร์อันยิ่งใหญ่นะครับ มากกว่านักวิทยาศาสตร์ค้นพบอีกนะครับ จริงๆหากเปรียบเทียบกัน มันคงเทียบกันไม่ได้นะครับ เหมือนน้ำหนึ่งหยดกับเงินล้านบาท ก็เห็นได้อย่างชัดเจนนะครับ ว่าเทียบกันไม่ได้เลยครับ หลายคนเมื่อได้เข้ามาบวชแล้ว ก็อยากที่จะค้นคว้าความรู้ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะครับ เพราะการบวชนั้นเป็นการหลุดพ้นภายนอกนะครับ พระพุทธเจ้าทรงให้ทางหลุดพ้นทางโลกไว้กับความเป็นอยู่แบบพระนะครับ ก็คือในขณะที่ยังไม่ได้เรียนกรรมฐานก็ได้ทำทางของความหลุดพ้นจากความวุ่นวายทางโลกให้พวกเรานะครับ และยิ่งกว่านั้นเมื่อกายเราสบายกับความ ร่มเย็นของพระพุทธศาสนาแล้ว พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงกำหนดหลักสูตรพระกรรมฐานไว้ให้พวกเรานะครับ ผมเองก็ได้รู้จักกับวิชชาธรรมกายเมื่อเข้าชมรมพุทธที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ตอนที่ผมเรียนอยู่ตอนปีหนึ่ง เป็น มหาวิทยาลัยที่ผมเรียนวิชาทางโลกนะครับ จำได้ว่าวันแรกที่ผมมาที่วัดพระธรรมกาย ผม ก็ได้มีโอกาศมากราบคุณยายนะครับ ตอนนั้นก็เหมือนกับชาวพุทธทั่วไปครับ แต่ก็รู้สึกศรัทธาคุณยายลึกๆนะครับ จนได้มีโอกาศเข้ามาบวชเป็นธรรมทายาทนะครับ

      "การปฎิบัติพระกรรมฐานคืออะไร"
      หลักสูตรกรรมฐานนั้นเป็นการการหลุดพ้นภายในนะครับ  เป็นการหลุดพ้นจากกิเลสที่คอยเล่นงานเราอยู่ทุกเวลานะครับ   ฟังแล้วก็อย่าเพิ่งงงนะครับ   ยังงัยผมจะอธิบายไปทีละขั้นทีละลำดับนะครับ   การทำกรรมฐานหากหลายคนไม่เคยเข้าวัดมาก่อนเลยในชีวิต  ก็จะรู้สึกว่ามันยากนะครับ  แต่เมื่อลองให้โอกาศ

กับตัวเองลองฝึกกรรมฐานดู ก็จะพบความรู้สึกสงบสบายนะครับ การทำกรรมฐานเป็นหลักวิชชาที่พระพุทธองค์ทรงกำหนดไว้นะครับ และตลอดชีวิตของพระพุทธองค์ทรงใช้พระกรรมฐานของพระองค์ในการแก้ปัญหาต่างๆมากมายเลยนะครับ ซึ่งการเผยแผ่พระศาสนาของพระพุทธองค์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ พุทธศาสนาที่ตกทอดมาสู่ปัจจุบันนี้เจริญไปกว่าแต่ก่อนเยอะเลยนะครับ นั่นก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่า พระกรรมฐานนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งน้องๆหรือ เพื่อนๆได้เข้ามาบวชแล้ว ก็จะรู้ศรัทธาต่อตัวพระพุทธองค์มากๆเลยนะครับ

      " การหลุดพ้นคืออะไร อะไรหลุด  และ คำว่า  พ้นคืออะไร"
    หากเราได้ศึกษาพุทธศาสนาไประดับหนึ่งเราก็จะพบว่าความสงบเย็นสบายของพระธรรมนั้นยิ่งใหญ่มากๆนะครับ  ความหลุดพ้นนั้นก็เป็นธรรมชาติของใจอย่างหนึ่งซึ่งจะหาที่ใหนไม่ได้นะครับ   ในทางศาสนาเรียกอาการอย่างนี้ว่าความหลุดพ้นครับ   ความหลุดพ้นนั้นก็มีความหมายในตัวมันเองชัดเจนอยู่แล้วนะครับ

เราต้องเจอเรื่องมากมายทางโลกนะครับ ซึ่งมันก็ไม่เว้นแต่ละวันเลยนะครับ คนที่ทำงานแล้วดูจะเห็นสัจธรรมอันนี้ได้อย่างชัดเจนนะครับ เพราะเราก็เหน็ดเหนื่อยมามากกับการทำงาน บางครั้งเครียดเรื่องงานในที่ทำงาน บางครั้งเครียดเรื่องคนนะครับ หากมีครอบครัวแล้ว อาจจะมีปากเสียงกับแฟน ทำให้ใจไม่สงบ นะครับ หากได้ลองมาฝึกกรรมฐานดูบ้างจะพบว่าความหลุดพ้นนั้นยิ่งใหญ่มากๆเลยนะครับ

     "นอกจากความหลุดพ้นแล้วมีอะไรอีกในพระพุทธศาสนา"
    ต้องเรียนตรงๆนะครับว่า  นอกจากความหลุดพ้นซึ่งเป็นหลักสูตรเบื้องต้นของพระพุทธศาสนาแล้ว  ยังมีอะไรอีกเยอะเลยนะครับในพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าสอนเรานะครับ   พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ความรู้ที่เรียกว่า "วิชชา" นะครับ  คำว่าวิชชานั้นก็จะคล้ายๆกับคำว่า  "วิชา" จะเห็นความแตกต่างก็ตรง คำว่าวิชชานั้น

มีช. ช้างสองตัวนะครับ ไม่งงนะครับ ซึ่งก็หมายถึงวิชา เป็นการเรียนจนสำเร็จวิชชา หรือหลักสูตรวิชานะครับ คำว่าวิชชานั้น ก็เป็นวิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ต้องสำเร็จก่อนจึงจะโปรดสรรสัตว์ได้นะครับ

    "ความรู้ทางพระพุทธศาสนาของคนไทย"
    คนไทยมีนิสัยที่ดีงาม  ชอบทำบุญ  ชอบไปทำบุญที่วัด   คนไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นหลักใจ  ทำให้คนไทยมีนิสัยที่ดี  พระพุทธศาสนามีหลักธรรมให้เป็นที่พึ่งของคนไทย   คนไทยแม้ไม่รวยเหมือนต่างชาติแต่จิตรใจคนไทยนั้นดีงามมากๆครับ       ความรู้ทางพระพุทธศาสนาของคนไทยมีมากมายเลยนะครับ  

แต่ส่วนใหญ่เนื่องจากสังคมไทยรับเอาวัฒณธรรมต่างชาติเข้ามาเยอะก็เลยทำให้สังคมเปลี่ยนไปนะครับ พุทธศาสนาในปัจจุบันอ่อนแอลงกว่าแต่ก่อนเยอะเลย ทำให้คนไทยล้าหลังชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก สังเกตุง่ายๆเลยก็คือ เมื่อค่านิยมทางวัตถุถูกทำลาย สมัยก่อนมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เรามีพระพุทธศาสนา ที่แข็งแรงมากๆ คนส่วนใหญ่จะเข้าวัดทำบุญ ผลบุญเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หากไม่ได้ศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้จะทำให้เราไม่ศรัทธาเท่าที่ควร เมื่อไม่ศรัทธาเราก็เริ่มที่จะห่างจากวัด พอห่างจากวัดก็ทำให้เราห่างไกลจากพระธรรม เมื่อห่างจากพระธรรม ก็ทำให้เราตกเป็นทาสของกิเลส หากเราเป็นทาสของ กิเลสก็จะทำให้ศีลธรรมในจิตรใจถูกทำลาย เมื่อบุญเก่าในตัวถูกอำนาจกิเลสตัดรอน ก็จะทำให้เราเจอกับปัญหาชีวิตมากมาย ธุรกิจใหญ่ๆที่ล้มไป สังเกตุได้เนื่องจากบุญในตัวหมด ทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย อย่าว่าแต่เมืองไทยเลยครับ ที่เมืองนอกเองก็ประสบปัญหานี้เหมือนกันนะครับ ผมเองก็ข้องเกี่ยวกับ งานทางเทคโนโลยีเหมือนกัน เห็นบริษัทใหญ่ต้องปิดกิจการไป บางทีก็ถูกเทคโอเวอร์ ต้องปลดพนักงาน พนักงานถูกลอยแพ ทำให้สังคมเริ่มเสื่อม จะกระทบกระเทือนเหมือนคลื่นทะเล ที่พัดมาทีละระลอกๆ คลื่นลูกเก่าก็ถูกคลื่นลูกใหม่ซัดจนหายไป หากเรายังมัวเมาอยู่กับกิเลสก็จะทำให้สังคมเริ่มเสื่อม เมื่อ ปัญหามากๆเข้า จมอยู่กับความมืดของกิเลสจนถอนตัวไม่ขึ้นนะครับ ซึ่งในปัจจุบันนี้เกิดปัญหามากมายเลนนะครับ

    "กิเลสคืออะไร เราไม่ได้ทำอะไรผิดทำไมมันถึงมาทำร้ายเราได้ "
    เรื่องของกิเลสนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะครับ  สังเกตุง่ายๆตอนเราหลับตาเข้านอน   ตามนุษย์ธรรมดาจะเห็นได้เพียงตอนเราลืมตา  ก็เป็นธรรมชาติของความสามารถของตาเรานะครับ  ที่สามารถมองซ้ายมองขวา  ชำเลืองมอง  จ้องมองได้  หากเราไม่มีตา   เหมือนคนตาบอด  ชีวิตเราก็ถึงกับมืดมนต์เลยทีเดียวนะครับ

ดวงตาเป็นสิ่งสำคัญมากๆเลยนะครับ เมื่อทำกรรมฐานไปมากๆ เมื่อเราหลับตาลงตนเห็นแสงสว่าง เราจะสังเกตุเห็นความมืดได้นะครับ ความมืดนั้นแหละคือกิเลสครับ นักสร้างบารมี เมื่อสร้างบารมีไปมากๆอาจจะรู้วิธีดับกิเลส หรือการเอาชนะกิเลสนะครับ อย่าเพิ่งงงนะครับ ยังงัยผมจะอธิบายให้ฟังแบบง่ายๆนะครับ

   "วิชชาคืออะไร"
     เรื่องของวิชชานั้นก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อน  จะขอข้ามไปยังความรู้เกี่ยวกับวิชชาที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ก่อนนะครับ   เพราะเรื่องพื้นฐานก็อยากให้น้องๆและเพื่อนๆ   มาทำกรรมฐานที่วัดพระธรรมกายนะครับ  จะได้วิชชาไปเป็นที่พึ่งครับ     สำหรับเรื่องวิชชานั้น  เบื้องต้นก็จะมี " วิชชา 3" นะครับ  ละเอียดไปกว่านั้นก็จะเป็นวิชชา8 นะครับ   ละเอียดลงไปอีกก็จะเรื่องของอภิญญานะครับ   พระพุทธเจ้าเองนั้นจากการค้นคว้าและศึกษาทั้งจากครูบาอาจารย์ก็ดี  จากหนังสือก็ดี  ตัวพระพุทธเจ้าเองก็ออกบวชในศาสนาพราห์มนะครับ   เป็นนิกายเศตัมพรนะครับ ฟังชื่ออาจไม่คุ้นนะครับ  เพราะตอนนี้อะไรต่อมิอะไร  มันเปลี่ยไปมากแล้วนะครับ  พุทธศาสนาก็ถูกทำลายไปมาก   ความรู้ดีๆที่อยู่ในตามตำราก็ดี  จากปากต่อปากของอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิก็ดี  ครูอาจารย์ทั้งทรงคุณวุฒิและคุณธรรมก็ดี   และก็จากการทำสังคยนาก็ดี   จนตกทอดมาถึงเราในปัจจุบันนี้ก็ดีนะครับ   สำหรับอาจารย์ของพระพุทธเจ้านั้นในตำราก็บอกไว้เพียงชื่อว่าอาฬดาบสนะครับ  อีกท่านนึงก็ชื่อว่าอุทกะดาบสนะครับ    ส่วนความรู้นั้นน้องก็อาจจะสงสัยนะครับว่าศาสนาพุทธนั้นก็มีอะไรที่แตกต่างจากศาสนาพราห์มมากเลยนะครับ   ครับ  ก็มีทั้งส่วนที่เหมือนกันและแตกต่างกันนะครับ   
    "พระพุทธเจ้าของเราตอนนี้ท่านอยู่ที่ไหน   ทำไมไม่ออกมาปรากฎตัวให้เราได้เห็นกันบ้าง"
    ก็ต้องเรียนให้ทราบนะครับ ว่าตอนนี้พระพุทธเจ้าท่านก็มีงานของท่านนะครับ    จะเห็นได้ว่าแม้ตอนท่านยังมีพระชมม์ชีพอยู่ท่านก็ต้องทำงาน  งานของท่านหลักๆเลยก็คือการทำสมาธินะครับ   ส่วนงานในตอนนี้ก็คืองานในนิพพานนะครับ   ซึ่งก็จะเห็นได้ว่าแม้ตอนท่านละโลกไปแล้วท่านก็ต้องทำงานนะครับ  ไม่ได้มีเวลา

ไปเที่ยวแตร่ ดูหนัง ฟังเพลงนะครับ ผมเองตอนนี้ก็ได้ไปเห็นงานของท่านนะครับ ก็เห็นเป็นบางส่วนนะครับ คุณยายอาจารย์และหลวงพ่อท่านพาไปดูน่ะครับ ท่านก็ช่วยเหลือสรรพสัตว์อยู่นะครับ ท่านขยันมากเลยนะครับ หากอยากจะเป็นอย่างพระพุทธเจ้าเรา ก็อยากให้น้องๆและเพื่อนๆเอาเวลาที่ไปเที่ยว ดูหนัง ฟังเพลง มาทำสมาธิดูบ้างนะครับ จะได้ทำงานอันยิ่งใหญ่เหมือนเสด็จพ่อของเรานะครับ

     "สูญตวิโมกข์"
   ฟังดูอาจไม่คุ้นนะครับ  สำหรับคำๆนี้นะครับ   จริงๆผมเองก็ไม่คุ้นเหมือนกัน   ก็เป็นอีกวิชชานึงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่อยากมาเล่าให้เพื่อนๆและน้องๆฟังนะครับ   จริงๆเรื่องพวกนี้ถ้าหากให้เล่าให้ฟัง  เป็นปีก็เล่าไม่หมดนะครับ เอาเป็นว่าผมจะอธิบายอย่างย่อๆนะครับ   ในพระไตรปิฎกได้กล่าวถึงนิพพานอย่างคร่าวๆว่า

มีอยู่สองประเภทที่แตกต่างกันอย่างมากๆเลยนะครับ สำหรับเรื่องนี้หากเป็นผู้ที่ยังไม่สำเร็จธรรมเป็นพระอริยะเจ้าก็ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่เกินความสามารถนะครับ บางทีไปฝึกเองโดยการหาหนังสือมาอ่านโดยไม่มีครูบาอาจารย์คอยดูแล และบอกทางแก้ไขในการฝึกก็อาจทำให้เราออกนอกทางไปก็ได้นะครับ สำหรับผู้ที่ฝึกไปได้ระดับนึง อาจรู้สึกตัวว่าตัวเราหายไป หรือ เกิดอะไรขึ้นกับตัวเรา บางรู้สึกว่าตัวขยายใหญ่ บางที่เห็นแสงสว่างที่สว่างมากๆ มากจนต้องตกใจกลัวนะครับ ผมเองฝึกแรกๆหลวงพ่อก็พาไปดูนะครับ คือจะเห็นเป็นที่โล่งๆว่างๆ ตา หู จมูกหายไปเลย เหมือนหายไปในจากโลกนี้ หายไปจากจักรวาลนี้เลยนะครับ การทำภาวนาสำหรับผู้ที่เคยศึกษาพระธรรมมามากๆอาจจะคุ้นกับคำว่า จิตรว่างนะครับ คำๆนี้ผมเองก็เคยได้ยิน แต่ก็ไม่ได้เอะใจมากมายนะครับ ส่วนใหญ่ฝึกที่วัดกับหลวงพ่อจะมุ่งไปที่ธรรมกายมากกว่าครับ คือนั่งไปตั้งเป็นปีก็จะเอาแต่ธรรมกายอย่างเดียวครับ ก็นั้งกันทั้งวันทั้งคืนเลยครับ

    "จะเริ่มทำสมาธิ  จะต้องทำอะไรบ้าง   เหมือนการอ่านหนังสือ  เหมือนการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์  หรือการเรียนฟิสิกส์หรีอเปล่า"
     ก็ต้องบอกตรงๆนะครับ  ว่าการทำสมาธินั้นเป็นการปฎิบัติทางตรงที่สุดแล้วนะครับ  ของการไปนิพพานนะครับ   ซึ่งเรื่องนิพพานนี้ผมก็เห็นมาระดับนึงแล้วนะครับ   ก็พยายามอยู่หลายปีทีเดียวนะครับ    จะเริ่มทำสมาธินั้น  ก็ต้องเรียนให้ทราบก่อนนะครับ  ว่าเป็นวิธีปฎิบัติทางตรงทางเดียวนะครับ  สำหรับน้องๆและเพื่อนๆ

ต้องเตรียมตัวเหมือนเราจะไปโรงเรียน หรือเข้าฟัง Lacture ของอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยนะครับ แต่แทนที่เราจะไปเรียนกับครูที่โรงเรียน เราก็มาเรียนกับพระพุทธเจ้าในนิพพานนะครับ ยังงัยนั่งสมาธิไปยังไม่เห็นอะไร ก็อย่าเพิ่งท้อนะครับ พ่อเห็นดวงธรรม หรือ องค์พระแล้ว หลวงพ่อจะพาเราไปเที่ยวสวรรค์ หรือไม่ ก็นิพพานะครับ เป็นรางวัลนะครับ

   "นั่งไปแล้วมันเมื่อยมากๆเลย  จะทำยังงัยดี   ขอไปฟังเพลงแล้วค่อยมาทำสมาธิต่อได้หรือเปล่า "
     ก็เป็นธรรมดานะครับ   สำหรับน้องๆที่ทำสมาธิพอเป็นแล้ว    ก็อยากให้จดบันทึกผลของการปฎิบัติธรรมดูนะครับ   แล้วก็ขยายเวลาของเราให้มากขึ้นนะครับ  คือ เคยนั่งห้านาที  ก็เพิ่มเป็นสิบนาที   จากสิบนาทีก็เพิ่มเป็นหนึ่งชั่วโมงนะครับ   แต่ให้ดีที่สุดมาทำสมาธิที่วัดดีกว่านะครับ  จะได้มีเพื่อนนั่ง  พอมีปัญหาเรื่องการนั่ง  หรือเจอประสบการณ์ภายในใหม่ๆก็จะได้เล่าสู่กันฟังนะครับ 
     "อยากจะบวชน่ะครับ  แต่เสียดายผมครับ  สึกออกไปต้องโดนเพื่อนล้อแน่เลย "
     โถ!  เป็นซะอย่างนั้นไป  การบวชเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่นะครับ   อย่าไปเสยดายเลยนะครับ   ผมมันอยู่บนหัวเรามันก็ขึ้นไหม่ได้ครับ  เพื่อนล้อก็ชั่งหัวมันเหอะครับ   ต้องเรียนให้ทราบนะครับ  ว่าการบวชเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากๆเลยนะครับ   ผมเองก็ชอบศึกษาเกี่ยวกับบรรพบุรุสที่ไปออกรบปราบศัตรูนะครับ  อย่าเรื่องพระเจ้าตากสิน  หรือพระนเรศวรมหาราชน่ะครับ   แต่ผมว่าการบวชนั้นก็คล้ายๆกับการออกรบนะครับ  แทนที่จะไปรบราฆ่าฟันกัน  เรามารบกับกิเลสในตัวเรานะครับ   หากเราชนะ  หลวงพ่อก็จะให้รางวัลเรานะครับ  เช่นการไปเที่ยวสวรรค์  หรือไม่ก็ไป  ไปเยี่ยมเสด็จพ่อของเรา  คือพระพุทธเจ้าที่อยู่ในนิพพานนะครับ
     "ความรู้ของคนอเมริกา"
     ปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก้าวหน้าไปมากกว่าแต่ก่อนมากๆเลยนะครับ   คนอเมริกาเองนั้นจะคุ้นเคยกับเทคโนโลยีนะครับ  คนอเมริกามีที่พึ่งทางใจคือ  ศาสนาคริสตร์นะครับ   ตอนนี้ผมเองก็ศึกษาเกี่ยวกับวัฒณธรรมของชาวยุโรปและอเมริกาอยู่นะครับ   เทคโนโลยีนั้นเป็นที่พึ่งทางใจของคนอเมริกาตั้งแต่

สมัยโบราณเลยนะครับ หากเพื่อนๆและน้องๆเคยดูหนังอเมริกาจะเคยเห็นคนอินเดียแดงนะครับ คนอเมริกานั้นขยันและอดทนมากๆเลยนะครับ วัฒณธรรมของคนอเมริกาเริ่มตั้งแต่คนเผ่าเล็กๆนะครับ จนเติบใหญ่จนค้าขายกับคนทั่วโลกจนเป็นอันดับหนึ่งของโลกเลยนะครับ

     "ต้นเทคโนโลยีของคนอเมริกา"
     จริงๆก็มีอะไรที่อยากเล่าให้ฟังมากและเยอะมากๆเลยนะครับ  แต่หลักๆเลยก็ต้องเขียนให้ลัดกุมและไม่ตึงเกินนะครับ  วิชาการจัดเกินไปก็อ่านแล้วเครียดนะครับ  มาฟังรายละเอียดอย่างง่ายๆกันดีกว่านะครับ    ถ้าเปรียบพุทธศาสนาของคนไทย  ถ้าเราอ่านบันทึกประวัติศาสตร์ แล้วเราจะเห็นได้ว่า    เมืองไทยเรารับศาสนา

พุทธมาจากอินเดียนะครับ แรกเลยนั้นคนไทยตามประวัติศาสตร์เลย เราเป็่นเอกราชก็สมัยพ่อขุนรามคำแหงนะครับ สมัยก่อนนี้เราเป็นอาณานิคมของประเทศกัมพูชานะครับ และก็มีวัฒณธรรมแบบพราห์มนะครับ น้องๆและเพื่อนๆอาจจะเคยเห็นพิธีกรรม อาจจะเป็นตอนวันพืชมงคลนะครับ ก็จะมีพราห์มมาทำหน้าที่พิธีกรรมทางศาสนานะครับ จะเห็นได้ว่าพราห์มนั้นเป็นต้นวิชชาของศาสนาพุทธนะครับ เช่นกันครับ เทคโนโลยีก็เป็นต้นของศาสนาที่พึ่งทางใจของคนอเมริกาครับ หรืออาจจะเรียกว่าเป็นต้นศาสนาเลยนะครับ จะเรียกอย่างนั้นก็ได้นะครับ หากศึกษาเกี่ยวกับวัฒณธรรมของชาวอเมริกาไปมากๆจะเห็นได้ว่าทางตอนใต้ของอเมริกา อย่างเช่นเม็กซิโกจะเป็นต้นเทคโนโลยีนะครับ คือจะเป็นเทคโนโลยีทางใจนะครับ เคยฟังเพลงของ The Eagle จะกล่าวถึงสวรรค์ของชาวอเมริกานะครับ เป็นเรื่องของ Magic นะครับ หลายคนอาจเคยได้ยินนะครับ จริงๆแล้วไม่ค่อยคุ้นเลยนะครับ ฟังแล้วน้องๆอาจจะนึกถึงเพลงหลวงพ่อคูณของพี่แอ๊ด คาราบาวนะครับ ผมเองก็ชอบฟังครับ เพราะดีนะครับ

      "ตัวอย่างเทคโนโลยีที่เข้าใจง่ายๆ  พอเหมาะสำหรับคนไทยที่จะนำเทคโนโลยีของคนอเมริกาและยุโรปมาประยุกข์"
      เรื่องของเทคโนโลยีนั้นมีมากมายนะครับ   ยิ่งเทคโนโลยีก้าวหน้าไปมากๆก็ยิ่งพิสูจน์ให้เห็นสัจธรรมของพุทธองค์นะครับ  ว่าพระธรรมและพระธรรมกายนั้นมีอยู่จริงและเป็นที่พึ่งให้กับเราได้นะครับ   จะเปรียบเทียบเทคโนโลยีธรรมกายกับเทคโนโลยีของคนอเมริกาและคนยุโรป   หากเราสังเกตุรถยนต์นะครับ  ไม่ว่าจะเป็นรถโตโยต้าก็ดี  รถยี่ปุ่นราคาเป็นล้านก็ดี  หลักแสนก็ดี  หรือรถเบนส์ของยุโรป  รถบีเอ็มก็ดี  จะเห็นได้ว่าเพียงแค่เราขับพอเป็นก็รู้สึกสนุกดีนะครับ  เวลาขับนั้นก็เหยีบกันเต็มที่เลยนะครับ   สำหรับเทคโลยีทางจิตรก็คล้ายกันครับ  พอได้กายธรรมแล้วเอาไปจีบสาวหรือเอาไปหาเงินก็ดีนะครับ  สนุกมากๆเลยนะครับ   
      เมื่อศึกษาธรรมในพระไตรปิฎกไปมากๆจะเคยได้ยินคำว่า"ธรรมจักร"นะครับ   ครับ  ก็มีอะไรให้ติดตาม  หรือ ชวนให้คิดหลายอย่างเลยนะครับ   สำหรับเทคโนโลยีทางพระพุทธศาสนาของเรานะครับ   คำว่า"ธรรมจักร"นั้นหากแปลตรงๆก็คล้ายๆกับเครื่องจักรนะครับ  คือเครื่องจักรของพระนิพพานนะครับ  
      "เข้าใจยากจังเลยคำว่า ธรรมจักร  เนี่ย   แค่คำว่าพุทโธ  ก็ยากเต็มทีแล้วนะ  ช่วยอธิบายให้เข้าใจง่ายๆหน่อยได้หรือเปล่า"
     เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่เป็นหลักสูตรของพระพุทธศาสนานะครับ   วิธีลัดเลยก็ต้องเรียนให้ทราบว่า  ยังงัยควรมานั่งสมาธิดีกว่านะครับ   พระพุทธเจ้าเองก็เสียเวลาตั้งหกปีนะครับ  และ  ต้องลองผิดลองถูกเองนานเลยนะครับ   และยิ่งสมัยนี้ด้วยพระพุทธองค์เองก็ต้องทำหน้าที่ของท่าน   เราเองหากไม่มีครูคอยกำกับการทำ

สมาธิแล้ว ก็อาจทำให้เราออกนอกทางได้นะครับ เทศน์บทนี้พระพุทธองค์สมัยตรัสรู้ใหม่ๆ ก็ทรงปรารภกับตัวท่านเองว่า พระธรรมที่พระพุทธองค์ตรัสรู้นั้นเป็นเรื่องที่ยากจริงๆนะครับ เกินกว่าความสามารถของมนุษย์ธรรมดาและเทวดาทั่วไปจะทำได้นะครับ แต่ก็ขอแนะนำนิดนึงก็คือควรมานั่งสมาธิกับหลวงพ่อนะครับ ของผมบวชได้สามวันก็เห็นธรรมเลยนะครับ หลวงพ่อมีวิธีการง่ายๆให้เราเยอะเลยนะครับ

     "การเห็นธรรม  คือ การเห็นอะไร   เห็นแล้วดียังงัย  ช่วยอธิบายหน่อนได้มั๊ย "
     การเห็นธรรมนั้น   อธิบายแบบกำปั้นทุบดินเลย  ก็คือ  การเห็นดวงธรรมภายใน  อันเกิดจากการทำสมาธิจนบุญบารมีเต็มเปี่ยมแล้ว   สำหรับพระโพธิสัตว์ที่บรรลุธรรมเรียก  ธรรมชาติของใจที่ไปรู้ไปเห็นความรู้ภายในของพระพุทธเจ้า   ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆก็ดี  หรือ   พระสงฆ์ผู้ปฎิบัติจนเชี่ยวชาญในทางธรรมแล้วก็ดี  อาการอย่างนี้ท่านเรียกว่า   "การเห็นธรรม" ครับ   ประโยชน์ในการเห็นธรรม  หรือ การตรัสรู้ธรรมนั้นมีมากมายเลยนะครับ  ลองสังเกตุง่ายๆนะครับ  เมือเราตามคุณแม่  หรือ  คุณพ่อ  ไปที่วัด  หลวงพ่อก็จะนำนั่งสมาธินะครับ  บุญเขตของพุทธศาสนานั้น  มีความสักสิทธิ์มากๆเลยนะครับ    หากเราตามหลวงพ่อ

ตอนนั่งสมาธิไปเรื่อยๆ หรือเพื่อนๆหรือน้องๆหลายคนที่นั่งจนเห็นประสบการณ์ภายในไปมากๆแล้วจะรู้สึกมีปีติสุขเกิดขึ้นนะครับ ลองสังเกตุดูนะครับ การบรรลุธรรมนั้นจำเป็นอย่างยิ่งเลยนะครับ สำหรับหลุดพ้นจากภัยของวัฎะก็ดี ภัยจากคนพาลก็ดี สำหรับเรื่องของคนพาลนั้น ต้องศึกษามากๆเลยนะ บางคนเป็นคนพาลเสียเอง ก็อาจจะเสียเวลาแก้ไขตัวเองนานเหมือนกันนะครับ

    "คนพาลคืออะไร แตกต่างจากคนปกติยังงัย  ดูไม่ค่อยออกเลย  ช่วยอธิบายหน่อยได้มั๊ย "
    คนพาลนั้นจะสังเกตุ  ก็ตรงนิสัยของคนพาลนั้นจะต่างจากคนปกตินะครับ  ดูภายนอกนั้นดูยากครับ  การปลูกฝังคนดีนั้นจริงๆก็ควรเริ่มปลูกฝังไม่ใช่เพียงตอนเด็กนะครับ  แต่ควรปลูกฝังตั้งแต่อยู่ในท้องแม่เลยนะครับ   วิธีการก็คือ  อย่างเช่นตอนท้องลูก  ก็ควรจะนั่งธรรมมะ  สวดมนต์  อุปนิสัยของมารดาตอนมีธรรมมะจะได้

ถ่ายทอดไปยังเด็กในท้องนะครับ หลวงพ่อทัตตะเคยเทศน์ในบท "มงคลสูตร" นะครับ ผมทบทวนหลายรอบเลย ก็อยากจะมาถ่ายทอดให้น้องๆและ เพื่อนๆนะครับ หลวงพ่อเคยเทศน์ว่าคนพาลนั้นจะมีปกติที่ไม่เหมือนคนทั่วไปคือ ใจของคนพาลจะขุ่นเป็นปกตินะครับ คือเวลาคุยด้วยจะโกรธนะครับ ผมเองอย่าว่าแต่ไม่อยากจะคุยด้วยเลยครับ เดินผ่านยังไม่อยากเข้าไปไกล้ๆเลยครับ คนพาลน่ากลัวมากๆเลยนะครับ ประเทศเสื่อมเสียก็เพราะผู้บริหารประเทศเป็นคนพาลนะครับ หากมีคนพาลเกิดขึ้นมากๆบ้านเมืองจะพลอยเดือดร้อนไปด้วยนะครับ ปกติของคนพาลนั้นอีกอย่างก็คือ วินิจฉัยของเค้าจะเสียนะครับ หมายความว่าอย่างไร หมายความว่าการตัดสินใจในการทำอะไรก็ดี ก็ไม่เหมือนคนปกตินะครับ อย่างง่ายๆเช่นพวกคนพาลที่ชอบเล่นการพนันนะครับ หลวงพ่อทัตตะเคยเทศน์ไว้ว่า อย่างเช่นรสนิยมของคนพาลจะชอบเล่นไพ่ หากไปถามเค้าว่าทำไมเขาถึงชอบ ทำไมไม่ไปเรียนหนังสือ เค้าอาจจะบอกว่า การเล่นไพ่เนี่ย ฝึกสมองดีนะครับ ดีกว่าเคลคูลัสอีกนะครับ วิชาที่ครูอาจารย์สอนไม่สนใจ ไปสนใจอบายมุขนะครับ ก็เป็นตัวอย่างที่ดีในการศึกษาลักษณะนิสัยของคนพาลนะครับ ว่าความคิดหรือวินิจฉัยของเขาจะเสียนะครับ มีนักบริหารระดับโลกหลายคนถึงกับกล่าวว่า การตัดสินใจนั้นสำคัญนะครับ ไม่ว่าจะตัดสินใจเรื่องงานก็ดี ตัดสินใจในเรื่องส่วนตัว ก็ดี หลวงพ่อทัตตะเคยให้ขอคิดและกล่าวในเรื่องการบริหารงานโดยใช้วิธีทางพระพุทธศาสนานะครับ ก็คือการบริหารนั้นทิศทางการบริหารหากมุ่งไปสู่มรรคมีองค์แปด คือ ทางพระนิพพานนะครับ บริษัทก็จะก้าวหน้าไปได้ไกลนะครับ หากตัดสินใจผิดพลาดไป ไปในเรื่องอกุศล อาจเป็นบาปติดตัวไปนะครับ องค์กร อาจล่มได้นะครับ ทั้งหมดนั้นก็คือ ทางของพระนิพพานนะครับ เราควรจะรู้จักและปฎิบัติให้เห็นพระนิพพานด้วยนะครับ เป็นเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญจริงๆนะครับ ยังงัยน้องๆไปวัดมานั่งสมาธิกับหลวงพ่อ ก็อย่าลืมเตรียมสอบ Wold- pec หรือทางก้าวหน้านะครับ ยังงัยก็หาหนังสือที่หลวงพ่อเทศน์มาอ่านนะครับ หากไม่เข้าใจก็บอกคุณพ่อ คุณแม่ว่าอยากฟังเทศน์ของหลวงพ่อนะครับ พอโตขึ้นเราก็จะได้ไม่หลงไปคบคนพาลนะครับ

     "  อยากคบบัณฑิต ต้องทำอย่างไรบ้าง"
      หลายคนจมปลักอยู่กับการคบคนพาล  เป็นการยากนะครับ  กับการจะถอนตัวออกจากพวกคนพาล   การคบบัณฑิตนั้นเป็นข้อที่สองของมงคลชีวิตทั้งสามสิบแปดประการนะครับ  หลวงพ่อเคยแนะให้พวกเราฟังนะครับ  ว่าเป้าหมายชีวิตของพวกเราคือทีสุดแห่งธรรมนะครับ   สำหรับการจะไปถึงที่สุดแห่งธรรมนั้น  ประการ

แรกคือต้องห่างจากคนพาลนะครับ ก็คือไม่ยุ่งเกี่ยวเลยดีที่สุด จากนั้นก็คบบัณฑิตนะครับ หากกำลังความดีในตัวไม่มากพอที่จะออกจากคนพาลได้ เราก็ต้องมีบัณฑิตเป็นที่พี่งนะครับ ในขณะที่กำลังความดีของเรา ยังไม่พอที่จะคิดดี พูดดี และ ทำดี เราก็ต้องมีกัลญาณมิตร หรือ คนดี เป็นที่พึ่งนะครับ

    "บัณฑิตทางโลกกับทางธรรมต่างกันยังงัย"
    ทางโลกนั้น  หมายเอาบัณฑิต คือได้ปริญญานะครับ   แต่คนได้ปริญญานั้นก็ไม่แน่ที่จะเป็นคนพาลนะครับ   ส่วนทางธรรมนั้นบัณฑิตนั้นอย่างแรกก็คือต้องได้ธรรมกายนะครับ  ไม่อย่างนั้นกำลังความดีในตัว  อาจไม่พอที่จะสู้ฝ่ายอกุศลในใจนะครับ  เมื่อกำลังความดีในตัวไม่พอ  การคิด  พูด และทำความดีนั้นก็ยากที่จะทำ

ได้ นะครับ

    "นอกจากจากการไม่คบคนพาล  และ การคบบัณฑิตแล้ว  ในมงคลสูตรยังสอนอะไรอีกบ้าง"
     ความรู้ของพระพุทธองค์นั้นยิ่งใหญ่มากๆนะครับ  เพราะเป็นไปเพื่อทางแห่งนิพพานนะครับ   การไปนิพพานนั้นยิ่งใหญ่มากๆเลยนะครับ  หลายคนปฎิบัติธรรมมามาก  แต่ในชีวิตไม่เคยสัมผัสกับนิพพานเลยนะครับ   ได้แต่ท่องจำเอา  ไม่ว่าจะเป็นจากครูบาอาจารย์ก็ดี  จากเพื่อนสหธรรมมิกด้วยกันเอง  ก็อยากให้มาสัมผัสการปฎิบัติธรรมแนววิชชาธรรมกายกันนะครับ  เพราะเป็นหนทางที่ไกล้ต่อพระนิพพานมากๆเลยนะครับ  หลวงพ่อมีวิธีการสอนที่ลัดและตรงต่อพระนิพพานมากๆเลยนะครับ   มงคลทั้งสามสิดแปดประการเป็นเทศน์ที่พระพุทธเจ้าท่านเทศน์ให้เทวดาฟังนะครับ  น่าศึกษามากๆเลยนะครับ   สำหรับบันไดสองขั้นแรกคือการไม่คบคนพาล  และ การคบบัณฑิตนั้น  แค่สองระดับของธรรมมะจากพระพุทธองค์แล้วนั้นขั้นต่อไปก็คือ  การบูชาบุคคลที่ควรบูชานะครับ  สำหรับผมเองนั้นก็มีหลวงปู่  คุณยาย  และ หลวงพ่อ  เป็นทั้งครูบาอาจารย์นะครับ    และ  เป็นมหาปูชนียาจารย์นะครับ   หลวงพ่อได้เมตตาและมีมหากรุณามากๆเลยนะครับ  ที่บรรลุวิชชา

ธรรมกายได้ก็เพราะหลวงพ่อและคุณยายนะครับ หลวงพ่อได้สอนอะไรหลายอย่างเลย ก็คือ การตั้งเป้าหมายชีวิตนะครับ ซึ่งไม่มีใครในโลกหรือจักรวาลที่จะสอนเราได้ถึงหนทางพระนิพพานนะครับ สำหรับตัวพระพุทธเจ้าเอง จริงๆแล้วก็ได้พระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆเป็นกัลญาณมิตร ซึ่งก็เป็นเพื่อนหรือยิ่งไปกว่านั้นก็คือการผู้ชี้ทางสว่างให้กับพระพุทธองค์นะครับ

           " พระธรรมกายของหลวงพ่อ "
        สำหรับตัวผมเอง   ก็เคยศึกษาพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เด็กเลยนะครับ  จำได้ว่าตอนเรียนอยู่ ม.สอง  ก็ได้มีโอกาศไปบวชเป็นสามเณรที่โครงการ AEC นะครับ  ตอนนั้นยังไม่รู้จักหลวงพ่อนะครับ   ยิ่งกว่านั้นทางบ้านก็นับถือศาสนาคริสตร์ด้วยนะครับ  ตอนบวชก็ต้องแอบไปบวชนะครับ  แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรมากนะครับ

จำได้ว่า ตอนนั้นก็เห็นหนังสือของครูบาอาจารย์มาศึกษานะครับ ก็เขียนกับสูญตะวิโมกข์นะครับ จริงๆก็ตั้งใจอ่านนะครับ แต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร มารู้อีกทีก็เป็นตอนหลวงพ่อพาไปบวชกับบรมพุทธเจ้าในนิพพานนะครับ ก็จำได้ว่าตอนนั้นหลวงพี่ฉัตรพาไปบวชกับหลวงพ่อในนิพพานนะครับ ก็บวชถึงสามครั้งเลย หลังจากศึกษาวิชชาธรรมกายนานถึง ยี่สิบปี ผลการปฎิบัติธรรมก็ก้าวหน้าขึ้นมาเป็นลำดับๆนะครับ พระธรรมกายของหลวงพ่อใหญ่มากๆเลยนะครับ สำหรับการศึกษาวิชชาธรรมกายของผมนั้นก็ศึกษากับหลวงพ่อโดยตรงนะครับ หลวงพ่อท่านมีความสามารถพิเศษเกินกว่าที่มนุษย์และเทวดาจะคาดเดาได้นะครับ ผมเรียนวิชชาธรรมกายหลังจากสำเร็จวิชชาจนเห็นหลวงพ่อในกลางกาย หลวงพ่อก็แนะนำหลายอย่างเลยนะครับ จริงๆก็ใช้พระธรรมกายคุยกับหลวงพ่อนะครับ พระพุทธเจ้าท่านก็สอดละเอียดนะครับ

         "หลวงพ่อสอนอะไรบ้าง  ทำไม!  ไม่เหมือนการสอนของวัดอื่นเลย "
        ต้องเรียนให้ทราบนะครับ ว่าคำสอนของพระพุทธเจ้ากับคำสอนของพระอรหันต์ทั่วไปนั้นก็มีของเหมือนและแตกต่างกันนะครับ  หรือ  บางคำสอนนั้นก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยนะครับ  คำสอนของพระพุทธเจ้านั้นยากกว่าคำสอนของพระอรหันต์ทั่วๆไปมากๆเลยนะครับ   มีหลายครั้งเลยหลังจากพระอรหันต์องค์สำคัญๆในพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นกำลังสำคัญของศาสนาสิ้นไปจากพระพุทธศาสนา  คำสอนของท่านก็อันตธานหายตามท่านไปด้วยนะครับ   พระสาวกซึ่งเป็นกำลังสำคัญ ก็จะมาประชุมกันนะครับ  อย่างเช่นตอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไป   พระมหากัสสปะก็ได้รวบรวมพระภิกษุที่เป็นพระอรหันต์มาทำสังคยนากัน

เพื่อสังคยนาพระไตรปิฎกนะครับ คำสอนของหลวงพ่อท่านจะมุ่งไปกับการเรียนการสอนของพระนิพพานนะครับ จริงๆก็เหมือนกับวัดทั่วๆไปครับ แต่อาจเป็นเพราะเรายังไหม่ต่อคำสอนของพระพุทธเจ้านะครับ ยิ่งสมัยนี้ด้วย จะหาพระอรหันต์ซักองค์ก็ยากเต็มทีนะครับ บางที่เข้าวัดไป ก็ไปขอหวยซะมากกว่า ก็เลยไม่ค่อยเข้าใจการสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะครับ



  < การมีปฎิรูปเทศที่ดีนะครับ ก็คือการอยู่ในปฎิรูปเทศที่ดีนะครับ   หลวงพ่อทัตตะให้นัยยะไว้ว่า  มี 4 ประการที่ควรจะมีนะครับ  ก็คือ  สัปปายะ 4 ประการครับ   ก็คือ  อาวาสเป็นที่สบาย  การตั้งตนชอบนะครับ   หลายคนอาจเคยกับว่า  "ตั้งตัว"นะครับ  หลายคนอาจจะเข้าใจแบบพื้นก็คือ  "ตั้งเนื้อตังตัว" >

10:23น. เพิ่มเติมครั้งล่าสุด ไพรัตน์ เอกสมทราเมษฐ์ ภายใต้การดูแลของพระธรรมกายของหลวงพ่อ และ คุณยาย

10:30 น. เพิ่มเติมครั้งที่สอง ไพรัตน์ เอกสมทราเมษฐ์ ภายใต้การดูแลของพระธรรมกายของหลวงพ่อ และ คุณยาย


10:31 น. ไพรัตน์ เอกสมทราเมษฐ์ ภายใต้การดูแลของพระธรรมกายของคุณยายและหลวงพ่อ