คำแปลเหล่านี้ใช้ได้ในกรณีที่ยกหัวข้อธรรมต่างกันไป เช่นว่า

ธาตุ๔ ใช้ว่า "มนุษย์เราประกอบด้วยธาตุ๔ เป็นแต่ น้ำ ดิน ไฟ ลม ไม่มีตัวตนไม่มีบุคคลใดๆ"

ขันธ์๕ ใช้ว่า "มนุษย์เรา มีสังขารเจือด้วยอกุศลให้ผลเป็นทุกข์ มีความเสื่อมเป็นธรรมดา เราไม่สามารถที่จะบังคับความเสื่อมได้ เพราะเราไม่มีสิทธิ์บังคับได้ จึงกล่าวว่า ไม่ใช่ของเรา "

ด้วยคำแปลนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดพระนิพพานที่แตกต่างกัน แต่ล้วนมีใจความเดียวกัน เช่น ๏แนวคิดของพระนิพพานที่บริสุทธิ์จากสังขารที่เจืออกุศลแล้วพ้นไปจากขันธ์๕ คือเป็นธรรมขันธ์ในอายตนะนิพพานมีตัวตนจริง มีสุขอยู่เป็นนิจด้วยสังขารที่เป็นกุศลแต่ฝ่ายเดียว

๏แนวคิดของพระนิพพานที่มีความว่างไม่ได้มีสิ่งใดเป็นตัวตนได้เมื่อแยก ธาตุ๔แล้วคงเป็นเพียง น้ำดินไฟลม เมื่อเห็นจริงดังนี้แล้วจิตจะเข้าสู่ความว่าง (ความว่าง ในความเห็นของผู้มีจักษุอภิญญา กล่าวว่า ยังมีธาตุธรรมน้ำดินไฟลมที่ละเอียดบริสุทธิ์กว่าในโลกควรถือเอาเป็นที่พึงที่อาศัยได้)

๏แนวคิดของพระนิพพานที่เป็นผลของจิตที่เกิดจากกุศลเหตุ อโลภะ อโทสะ อโมหะ เป็นสภาพจิตที่มีสุขอยู่เป็นนิจ