ซอกเดียนร็อก
ซอกเดียนร็อก (อังกฤษ: Sogdian Rock) หรือ ร็อกออฟแอเรียมาซีส (Rock of Ariamazes) เป็นป้อมปราการที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแบกเตรีย ในซอกเดีย ใกล้กับเมืองซามาร์กันต์ ป้อมแห่งนี้ถูกกองทัพพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชยึดครองในฤดูใบไม้ผลิของปีที่ 327 ก่อนคริสต์ศักราช โดยเป็นส่วนหนึ่งของการทัพกับจักรวรรดิอะคีเมนิด[1][2]
| การล้อมซอกเดียนร็อก | |||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| ส่วนหนึ่งของ สงครามพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช | |||||||||
 | |||||||||
| |||||||||
| คู่สงคราม | |||||||||
| จักรวรรดิมาซิโดเนีย | ซอกเดีย | ||||||||
| ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||||
| พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช | สปิทามีนีส | ||||||||
| กำลัง | |||||||||
| 300 นาย | ไม่ทราบ | ||||||||
| ความสูญเสีย | |||||||||
| 30 นาย | ไม่มีผู้เสียชีวิต | ||||||||
ก่อนการล้อม ออกซิอาร์ตีส (Oxyartes) หนึ่งในหัวหน้าชาวแบกเตรียได้ให้ภรรยาและบุตรหลายคนรวมถึงโรซานา (Roxana) ลี้ภัยไปอยู่ภายในซอกเดียนร็อก ซึ่งเชื่อกันว่าไม่มีกองทัพใดตีให้แตกได้[1][2] เมื่อพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชยกทัพมาถึง พระองค์ได้สั่งให้ผู้ป้องกันป้อมยอมจำนน แต่ได้รับการปฏิเสธและส่งมาบอกว่ามีแต่ "มนุษย์ติดปีก" เท่านั้นที่ขึ้นมาถึงป้อมได้[1] พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชจึงรวบรวมอาสาสมัคร 300 นายเพื่อปีนหน้าผาขึ้นไปยังป้อมโดยใช้หมุดปักเต็นท์กับเชือกปอป่าน ทหารอาสาสมัครเริ่มปีนในเวลากลางคืน โดยเสียอาสาสมัครไป 30 นายก่อนจะขึ้นถึงป้อม พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้นำสาสน์ไปถึงผู้ป้องกันเมืองว่า "บัดนี้พระองค์ได้ส่งมนุษย์ติดปีกขึ้นไปแล้ว" ด้วยความตกใจและไม่เชื่อว่าคนธรรมดาจะขึ้นมาถึงป้อมได้ ผู้ป้องกันเมืองจึงยอมจำนนในที่สุด[3][4]
หลังการล้อมครั้งนี้ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้ตกหลุมรักกับโรซานา กองทัพของพระองค์ได้เดินหน้าเข้าสู่พาร์เซทาคีนี (Parsetakene) และแบกตรา (เมืองบัลค์ในปัจจุบัน) โดยที่เมืองแบกตรา พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้อภิเษกสมรสกับโรซานา[5] ก่อนจะข้ามเทือกเขาฮินดูกูชเข้าสู่อินเดีย
อ้างอิง แก้
- ↑ 1.0 1.1 1.2 Arrian 1958, section 4.18.4-19.6.
- ↑ 2.0 2.1 Horn & Spencer 2012, p. 40.
- ↑ "Alexander the Great: the capture of the Sogdian rock - Livius". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-05-04. สืบค้นเมื่อ 2015-11-11.
- ↑ Alexander the Great and His Time by Agnes Savill
- ↑ Grote 1856, p. 289, 290.