ปีเตอร์ รีด
ปีเตอร์ รีด (อังกฤษ: Peter Reid) เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลและอดีตผู้เล่นฟุตบอลชาวอังกฤษ[3]
ข้อมูลส่วนตัว | ||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | Peter Reid[1] | |||||||||||||||
วันเกิด | [1] | 20 มิถุนายน ค.ศ. 1956|||||||||||||||
สถานที่เกิด | ฮัยตัน ประเทศอังกฤษ | |||||||||||||||
ส่วนสูง | 5 ft 8 in (1.73 m)[2] | |||||||||||||||
ตำแหน่ง | กองกลาง | |||||||||||||||
สโมสรเยาวชน | ||||||||||||||||
ฮัยตันบอยส์ | ||||||||||||||||
โบลตัน วันเดอเรอร์ส | ||||||||||||||||
สโมสรอาชีพ* | ||||||||||||||||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) | |||||||||||||
1974–1982 | โบลตัน วันเดอเรอร์ส | 225 | (23) | |||||||||||||
1982–1989 | เอฟเวอร์ตัน | 159 | (8) | |||||||||||||
1989–1990 | ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส | 29 | (1) | |||||||||||||
1990–1993 | แมนเชสเตอร์ซิตี | 103 | (1) | |||||||||||||
1993–1994 | เซาแธมป์ตัน | 7 | (0) | |||||||||||||
1994 | นอตส์เคาน์ตี | 5 | (0) | |||||||||||||
1994–1995 | บิวรี | 1 | (0) | |||||||||||||
รวม | 529 | (33) | ||||||||||||||
ทีมชาติ | ||||||||||||||||
1977–1978 | อังกฤษ ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี | 6 | (0) | |||||||||||||
1985–1988 | ทีมชาติอังกฤษ | 13 | (0) | |||||||||||||
จัดการทีม | ||||||||||||||||
1990–1993 | แมนเชสเตอร์ซิตี | |||||||||||||||
1995–2002 | ซันเดอร์แลนด์ | |||||||||||||||
1999 | อังกฤษ ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี | |||||||||||||||
2003 | ลีดส์ ยูไนเต็ด | |||||||||||||||
2004–2005 | โคเวนทรี | |||||||||||||||
2008–2009 | ไทย | |||||||||||||||
2010–2011 | พลิมัทอาร์ไกล์ | |||||||||||||||
2014 | มุมไบ | |||||||||||||||
เกียรติประวัติ
| ||||||||||||||||
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น |
สมัยเป็นนักเตะเคยเล่นให้สโมสรโบลตัน วันเดอเรอร์ส,เอฟเวอร์ตัน,ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส,แมนเชสเตอร์ซิตี เซาธ์แฮมป์ตัน,น็อตต์ส เคาน์ตี้และสโมสรบิวรี่ หลังจากแขวนสตั๊ดเคยทำหน้าที่ผู้จัดการทีมให้ทีมชาติอังกฤษชุดอายุไม่เกิน 21 ปี ซันเดอร์แลนด์ ลีดส์ ยูไนเต็ด และโคเวนทรี อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย[4] ล่าสุดเขาเป็นผู้จัดการทีมพลิมัธ อาร์กายล์ ในลีกวัน ประเทศอังกฤษ
ประวัติ
แก้ปีเตอร์ รีด เกิดเมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 1956 ที่แขวงฮายตัน เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ขึ้นทะเบียนเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรโบลตัน วันเดอเรอร์สในปี 1974 โดยได้รับเหรียญรางวัลครั้งแรกเมื่อสโมสรโบลตันคว้าแชมป์ ดิวิชั่น2ในปี 1978 และได้เลื่อนชั้นแต่ปีเตอร์ รีดได้เล่นในลีกสูงสุดกับสโมสรแค่ 2 ฤดูกาล ก่อนที่โบลตันจะตกชั้นในเวลาต่อมา
หลังจากนั้นเขาได้ย้ายไปร่วมทีมเอฟเวอร์ตันในปี 1982 ภายใต้การคุมทีมของโฮเวิร์ด เคนดัลล์ ด้วยค่าตัว 6 แสนปอนด์และประสบความสำเร็จกับสโมสรใหม่อย่างมากเมื่อเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดที่ได้แชมป์เอฟเอคัพและแชมป์ยูฟ่า คัพ วินเนอร์สคัพในปี 1985 ก่อนจะพาสโมสรได้แชมป์ลีกสูงสุดในปี 1987
ในช่วงที่ประสบความสำเร็จนั้น รีดได้ชื่อว่าเป็นมิดฟิลด์ที่มากความสามารถและได้รับการยอมรับในยุโรป โดยได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของพีเอฟเอในปี 1985 และทำสถิติลงสนามให้เอฟเวอร์ตันถึง 159 นัด ซึ่งภายหลังในปี 2003 รีด ได้รับการโหวตจากแฟนของสโมสรให้ติดอยู่ในทีม Greatest Everton XI และ รางวัล Everton Giants ในปี 2006 อีกด้วย
ในทีมชาติอังกฤษ ปีเตอร์ รีดลงสนามให้ทีมชาติชุดใหญ่ทั้งสิ้น 13นัด เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอังกฤษชุดฟุตบอลโลก ปี 1986 ที่เม็กซิโกและเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่อยู่ในเกมส์ที่อังกฤษแพ้อาร์เจนติน่าจากลูกยิงของดีเอโก้ มาราโดน่า
หลังจากออกจากสโมสรเอฟเวอร์ตันเขาได้ย้ายไปสู่สโมสรควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์สและเล่นอยู่หนึ่งฤดูกาลก็ย้ายไปเล่นให้แมนเชสเตอร์ซิตีภายใต้การคุมทีมของโฮเวิร์ด เคนดัลล์ เจ้านายเก่าสมัยเล่นให้เอฟเวอร์ตัน
อาชีพผู้จัดการทีม
แก้ปีเตอร์ รีด เริ่มงานผู้จัดการทีมครั้งแรกเมื่อรับตำแหน่งผู้เล่น-ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ซิตีในปี 1990 โดยรับงานต่อจากโฮเวิร์ด เคนดัลล์ ที่ลาออกไป และนำทีมจบอันดับที่5ในลีกโดยอันดับสูงกว่าแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ฤดูกาล 1992-1993 พรีเมียร์ลีกเริ่มต้นเป็นฤดูกาลแรกหลังจากเปลี่ยนชื่อมาจากดิวิชั่น 1 ปีเตอร์ รีด พาแมนเชสเตอร์ซิตีจบฤดูกาลด้วยอันดับ 9ด้วยสไตล์การเล่นบอลโยนยาวอันเป็นเอกลักษณ์ แต่หลังจากนั้นเขาก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งเมื่อทีมมีผลงานตกต่ำลง
ต่อมาปีเตอร์รีดย้ายมาเล่นให้สโมสรเซาธ์แฮมป์ตันในช่วงสั้นๆภายใต้การคุมทีมของเอียน แบรนฟุตโดยลงเล่นแค่ 7 นัด และย้ายไปเล่นให้กับสโมสรน็อตต์ส เคาน์ตี้และสโมสรบิวรี่ก่อนจะเลิกเล่นฟุตบอลอย่างเป็นทางการ
รีดเริ่มต้นงานผู้จัดการทีมแบบเต็มตัวในฤดูกาล 1995-1996 เมื่อได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมซันเดอร์แลนด์ในดิวิชั่น1(ปัจจุบันคือ ลีกแชมเปี้ยน ชิพ)ซึ่งเป็นทีมที่ต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นแต่ปีเตอร์ รีดกลับพาทีมได้แชมป์และคว้าสิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นพรีเมียร์ ลีกแบบพลิกความคาดหมายทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลซันเดอร์แลนด์อย่างมาก แม้จะเลื่อนชั้นขึ้นมาปีเดียวแล้วสโมสรตกชั้นก็ตาม
ฤดูกาลต่อมาในดิวิชั่น1ซันเดอร์แลนด์พลาดโอกาสเลื่อนชั้นกลับไปเล่นพรีเมียร์ ลีกอย่างน่าเสียดายเมื่อแพ้การดวลจุดโทษในรอบเพล์-ออฟแก่ชาร์ลตัน แอธเลติกหลังจากเสมอกันในเวลา 4-4 อย่างไรก็ตามปีเตอร์ รีดพาทีมเลื่อนชั้นกลับไปพรีเมียร์ ลีกสำเร็จเมื่อคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ได้อีกครั้งในฤดูกาล 1998-1999 พร้อมทำสถิติใหม่เมื่อได้แต้มถึง 105 คะแนน
ซันเดอร์แลนด์เริ่มต้นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 1999-2000 อย่างน่าตื่นตาตื่นใจเมื่อมีลุ้นทำอันดับไปเล่นฟุตบอลยุโรปแต่เมื่อจบฤดูกาลก็ต้องผิดหวังเมื่อได้อันดับที่ 7 พลาดโอกาสอย่างน่าเสียดาย ฤดูกาลดังกล่าวทีมของปีเตอร์ รีดสร้างสถิติใหม่อีกครั้งโดยเป็นทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นมาแล้วได้อันดับสูงที่สุดคืออันดับ 7 และเควิน ฟิลลิปส์กองหน้าทีมชาติอังกฤษของสโมสรก็เป็นดาวซัลโวอันดับ1ของพรีเมียร์ลีกและของยุโรปด้วยผลงาน 30 ประตูในพรีเมียร์ลีก
ในฤดูกาล 2000-2001 ทีมมีโอกาสไปเล่นถ้วยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเมื่อทำผลงานดีในช่วงต้นแต่ฟอร์มของทีมยังไม่สม่ำเสมอทำให้จบฤดูกาลด้วยอันดับ7อีกครั้งและหลังจากนั้นลูกทีมของปีเตอร์ รีดก็กลับมีฟอร์มตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย โดยอยู่เหนือโซนตกชั้นแค่1อันดับในฤดูกาล 2001-2002 โดยยิงประตูได้แค่ 28 ประตูจาก 38 นัดน้อยกว่าทุกทีมในลีก และถึงขนาดเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2002-2003 ทำให้ปีเตอร์ รีดแยกทางกับสโมสรที่เขาอยู่มาเกือบ8ปีก่อนสิ้นฤดูกาล และหลังจบฤดูกาลสโมสรก็มีอันต้องตกชั้น โดยมีคะแนนเพียง19คะแนน
หลังออกจากซันเดอร์แลนด์เขารับงานคุมทีมลีดส์ ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ลีกหลังสโมสรปลดเทอรรี่ เวนาเบิ้ลส์ออกจากตำแหน่งในปี 2003 และมีเควิน แบล็คเวลล์เป็นผู้ช่วย โดยขณะนั้นสโมสรตกต่ำอย่างหนักและมีความเสี่ยงต่อการตกชั้นสูง สโมสรมีหนี้สินมากกว่า 80 ล้านปอนด์จากการใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่กลับไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆได้ ปีเตอร์ รีดดูเหมือนจะช่วยกู้สถานการณ์ของทีมไว้ได้ช่วงหนึ่งเมื่อพาทีมบุกชนะชาร์ลตัน แอธเลติกถึงถิ่น 6-1 และชนะอาร์เซนอล 3-2 และพาทีมรอดจากการตกชั้นได้สำเร็จ
หลังจากเอาตัวรอดได้ในฤดูกาล 2002-2003 แฟนบอลเริ่มมีความหวังต่อทีมมากขึ้น แต่สถานะการเงินของสโมสรยังคงย่ำแย่อย่างหนัก และถึงขนาดต้องขายดาราประจำทีมออกไปหลายราย รวมถึงแฮรี่ คีเวลล์มิดฟิลด์ทีมชาติออสเตรเลียหนึ่งในขวัญใจของแฟนบอล ต่อจากนั้นปีเตอร์ ริดส์เดลผู้บริหารของสโมสรก็ลาออกพร้อมทิ้งปัญหาไว้มากมาย สโมสรมีความเป็นไปได้ที่จะตกชั้นเมื่อปีเตอร์ รีดพาทีมออกไปแพ้พอร์ทสมัธที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาถึง 6-1 ทำให้หลังจากนั้นไม่นานเขาถูกปลดจากตำแหน่ง และเอ็ดดี้ เกรย์หนึ่งในทีมงานโค้ชต้องทำหน้าที่ผู้จัดการทีมชั่วคราวจนจบฤดูกาลซึ่งสุดท้ายสโมสรก็ตกชั้นในฤดูกาล 2003-2004
เดือนพฤษภาคม ปี2004 เขารับงานคุมทีมระดับล่างโดยการทำหน้าที่คุมทีมโคเวนทรี ซิตี้ในดิวิชั่น 1 (ลีก แชมเปี้ยนชิพในปัจจุบัน) สโมสรมีเป้าหมายที่จะเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในพรีเมียร์ลีก แต่ปีเตอร์ รีดมีโอกาสอยู่กับทีมแค่8เดือนเท่านั้น เมื่อโดนปลดในเดือนมกราคม ปี 2005 ก่อนจบฤดูกาล เมื่อพาทีมรั้งอันดับ 20 ของตารางและเกือบตกชั้น ต่อมาในปี 2006 มีกระแสข่าวว่าปีเตอร์ รีด จะได้ทำหน้าที่ผู้อำนวยการฟุตบอลของซันเดอร์แลนด์ภายใต้การบริหารของไนออล ควินน์ ประธานสโมสรคนใหม่ซึ่งเคยเป็นลูกทีมของปีเตอร์ รีดสมัยคุมทีมแมนเชสเตอร์ซิตีและซันเดอร์แลนด์ แต่สุดท้ายรีดก็ไม่ได้รับงานนี้
ในปี2007 ปีเตอร์ รีด ตัดสินใจรับงานคุมทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกเมื่อรับงานคุมทีมชาติไทยโดยเซ็นสัญญา4ปี และได้ค่าจ้างปีละ1ล้านปอนด์ (ประมาณ 63ล้านบาท) วันที่28 ตุลาคม ปี 2008 รีดประเดิมคุมทีมชาติไทยอย่างเป็นทางการนัดแรกคือนัดที่ไทยชนะเกาหลีเหนือ 1-0 ในศึกทีแอนด์ที คัพที่ประเทศเวียดนาม ก่อนที่จะถูกปลดออกจากตำแหน่งในวันที่ 9 กันยายน ปีถัดมา
ในปี 2009 รีดได้กลับมารับงานในประเทศอังกฤษอีกครั้งหนึ่ง โดยรับหน้าที่ผู้ช่วยผู้จัดการทีม สโต๊ค ซิตี้ ในพรีเมียร์ลีก เป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะไปรับงานผู้จัดการทีมเต็มตัวอีกครั้งหนึ่ง กับสโมสร พลิมัธ อาร์ไกล์ ทีมในลีกวัน ซึ่งอยู่ในมณฑลเดวอน ย่านตะวันตกเฉียงใต้ ของประเทศอังกฤษ ในปี 2010
บทบาทอื่น
แก้ปีเตอร์ รีด เป็นเอเยนต์นักฟุตบอลที่ได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้องโดยทำงานร่วมกับฌอน รีดน้องชายของเขา และเคยเป็นผู้วิเคราะห์เกมส์ทางโทรทัศน์กับบีบีซีในช่วงฟุตบอลโลก 2006 ร่วมกับลี ดิ๊กซั่นอดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษ นอกจากนี้ยังเคยทำงานกับสกาย สปอร์ตในปี 2007
ผลงาน
แก้สมัยเป็นผู้เล่น
แก้- ดิวิชั่น 2(เดิม) แชมป์: ฤดูกาล 1977-1978
- เอฟเอ คัพ แชมป์: ปี 1984
- ดิวิชั่น 1(เดิม) ปัจจุบันคือ พรีเมียร์ลีก แชมป์: ฤดูกาล 1984-1985, 1986-1987
- เอฟเอ คัพ รองแชมป์: ปี 1985
- ยูฟ่า คัพ วินเนอร์สคัพ แชมป์: 1985
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ปี 1985
สมัยเป็นผู้จัดการ
แก้- ดิวิชั่น 1 (ปัจจุบันคือ ลีก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ) แชมป์: ฤดูกาล 1995-1996, 1998-1999
- ซูซูกิ คัพ รองแชมป์:2008
สโมสรที่เคยเล่น
แก้ประวัติการคุมทีม
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ 1.0 1.1 "ปีเตอร์ รีด". Barry Hugman's Footballers. สืบค้นเมื่อ 15 เมษายน 2020.
- ↑ Dunk, Peter, บ.ก. (1987). Rothmans Football Yearbook 1987–88. London: Queen Anne Press. p. 162. ISBN 978-0-356-14354-5.
- ↑ "League Managers Association - Peter Reid". www.leaguemanagers.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-03-31. สืบค้นเมื่อ 5 March 2020.
- ↑ "Thailand To Unveil Reid This Month". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-10-31. สืบค้นเมื่อ 2008-12-20.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- สถิติของ ปีเตอร์ รีด ที่ Soccerbase
- ปีเตอร์ รีด สถิติอาชีพผู้จัดการ ที่ Soccerbase
- Peter Reid England career stats[ลิงก์เสีย] at The Football Association
- List of FIFA-registered agents in England ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (เก็บถาวร 28 พฤษภาคม 2007)
- Full Managerial Stats for Leeds United from WAFLL