ปลาตอง
ปลาตอง | |
---|---|
ปลากราย หรือ ปลาหางแพน (C. ornata) | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Actinopterygii |
อันดับ: | Osteoglossiformes |
วงศ์: | Notopteridae |
สกุล: | Chitala Fowler, 1934 |
ชนิด | |
|
ปลาตอง (อังกฤษ: Clown knifefishes, Featherbackfishes) เป็นสกุลปลากระดูกแข็งที่อยู่ใน วงศ์ปลากราย (Notoperidae) อันดับปลาลิ้นกระดูก (Osteoglossiformes) ใช้ชื่อสกุลว่า Chitala (/ไค-ตา-ลา/)
ลักษณะ
แก้มีรูปร่างโดยรวมคือ มีลำตัวแบนข้างมาก ครีบอกเล็กมาก ครีบหลังเล็ก ส่วนหัวมีขนาดเล็ก ตาโต ปากกว้าง โดยมีมุมปากอยู่เลยดวงตาไปอีก สันหลังยกสูง มีจุดเด่นคือ ครีบท้องที่ติดกับครีบก้นเป็นแนวเดียวกัน ซึ่งจะเคลื่อนไหวอย่างพริ้วไหวมากเมื่อว่ายน้ำ จนได้ชื่อในภาษาอังกฤษว่า "ปลาขนนก" (Featherbackfish) หรือ "ปลาใบมีด" (Knifefish) และเหตุที่ได้ชื่อว่า "ปลาตอง" ในภาษาไทย เนื่องจากมีรูปร่างแบนเหมือนใบตอง[1] มีลายเส้นจาง ๆ เป็นบั้งอยู่ตามแนวของลำตัว ที่ฐานครีบหูมีจุดสีดำ และมีจุดเด่นอีกประการ คือ มีจุดสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำอยู่ในช่วงท้ายของลำตัว ซึ่งแตกต่างออกไปตามชนิดและอายุวัยของปลา ซึ่งปลาในวัยอ่อนจุดเหล่านี้มักจะรวมตัวกันดูไม่ชัดเจน แต่จะแตกกระจายเห็นเด่นชัดเจนเมื่อปลาโตขึ้น และยังถือได้ว่าเป็นลวดลายเฉพาะในแต่ละตัวอีกด้วย สีของตัวปลาในธรรมชาติแล้วมักจะออกสีขาวนวล แต่เมื่อจับขึ้นมาแล้วจะค่อย ๆ กลายเป็นสีคล้ำขึ้น ๆ
อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดเล็กในแม่น้ำและลำคลองทั่วไป พบกระจายพันธุ์ตั้งแต่อนุทวีปอินเดีย, อินโดจีน จนถึงเกาะบอร์เนียว และเกาะสุมาตรา ในอินโดนีเซีย โดยกินอาหารจำพวก ปลาขนาดเล็กและสัตว์น้ำชนิดอื่น
จัดเป็นปลาขนาดใหญ่ โดยมีความยาวเต็มที่ประมาณ 1 เมตร และอาจยาวได้ถึง 1.5 เมตร ในบางชนิด ขยายพันธุ์ด้วยการวางไข่ติดกับวัสดุใต้น้ำ เช่น ก้อนหินหรือตอม่อของสะพาน โดยไข่มีลักษณะสีขาวขุ่น โดยที่ทั้งปลาตัวผู้และตัวเมียช่วยกันดูแลไข่ จำนวนไข่ปริมาณ 500-1,000 ฟอง ใช้เวลาฟักเป็นตัวประมาณ 7 วัน [2]
การจำแนก
แก้ปลาตองแบ่งออกได้เป็น 6 ชนิด ได้แก่[3]
ชื่อภาษาไทย | ชื่อวิทยาศาสตร์ | ขนาด (โดยประมาณ) |
ลักษณะเด่น | สถานที่พบ |
ปลาตองลาย | Chitala blanci | 1 เมตร | มีจุดและลวดลายมากที่สุด | พบเฉพาะลุ่มน้ำโขงและบางส่วนของแม่น้ำน่านเท่านั้น |
ปลากรายบอร์เนียว | Chitala borneensis | 40 เซนติเมตร | เป็นชนิดที่เล็กที่สุดในสกุลนี้[4] | พบได้บนเกาะบอร์เนียว |
ปลากรายอินเดีย | Chitala chitala | 1.5 เมตร | มีจุดที่เล็กที่สุด แต่มีขนาดลำตัวใหญ่ | พบได้ที่ประเทศอินเดีย |
ปลากรายสุมาตรา | Chitala hypselonotus | 1 เมตร | พบได้ที่เกาะสุมาตราและคาบสมุทรมลายู | |
ปลาสะตือ | Chitala lopis | 1.5 เมตร | มีสีค่อนข้างคล้ำ มีขนาดค่อนข้างใหญ่ | พบได้ในภูมิภาคอินโดจีนจนถึงคาบสมุทรมลายู และประเทศอินโดนีเซีย |
ปลากราย | Chitala ornata | 1 เมตร | นิยมรับประทานและเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม | พบในภูมิภาคอินโดจีน |
มีความสำคัญต่อมนุษย์ในแง่ของการเป็นปลาเศรษฐกิจ ซึ่งมีการบริโภคด้วยการปรุงสดและแปรรูปเป็นอาหารประเภทต่าง ๆ เช่น ลูกชิ้น, ทอดมัน หรือห่อหมก และยังนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชนิด C. ornata โดยเฉพาะตัวที่สีกลายเป็นสีเผือกหรือสีที่แปลกออกไปเหมือนสีทองคำขาว เป็นต้น
อนึ่ง ปลาในสกุล Chitala เคยอยู่จัดอยู่ในสกุลเดียวกับ Notopterus โดยถือเป็นสกุลย่อย แต่ปัจจุบันได้แยกออกมาต่างหาก เนื่องจาก ไทสัน โรเบิร์ตส์ นักมีนวิทยาชาวอเมริกันได้ศึกษาและทำการอนุกรมวิธานแยกออกมาในปี ค.ศ. 1992 เพราะมีลักษณะสำคัญที่แตกต่างกัน 3 ประการคือ
- กระดูกกะโหลกหัวด้านหลังเว้าลึก
- มุมปากยื่นเลยขอบนัยน์ตา
- เกล็ดที่หัวมีขนาดเล็กกว่าหรือเท่ากับเกล็ดบนลำตัว [5]
ซึ่งปลาที่อยู่ในสกุล Notopterus นี้ก็เหลือเพียงชนิดเดียวเท่านั้น คือ Notopterus notopterus ซึ่งมีขนาดเล็กกว่ามาก และมีส่วนลาดที่สันหลังน้อยกว่า ส่วนหน้ากลมมน อีกทั้งความกว้างของปากก็ไม่ยาวจนเลยลูกตา
ดูเพิ่ม
แก้อ้างอิง
แก้- อ้างอิง
- ↑ "ตุ๊ป่อง (ไก่แป๊ะซะ) อุดร". ไทยรัฐ. 21 December 2014. สืบค้นเมื่อ 21 December 2014.
- ↑ สมโภชน์ อัคคะทวีวัฒน์, 2547: หน้า 20-21
- ↑ Fishbase
- ↑ Fishbase.org
- ↑ สมโภชน์ อัคคะทวีวัฒน์, 2547: หน้า 16
- บรรณานุกรม
- อัคคะทวีวัฒน์, สมโภชน์ (2547). สาระน่ารู้ปลาน้ำจืดไทย เล่ม ๒. องค์การค้าของคุรุสภา. ISBN 974-00-8738-8.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Chitala ที่วิกิสปีชีส์