ปรีชา เถาทอง
บทความชีวประวัตินี้เขียนเหมือนประวัติสมัครงาน |
ศาสตราจารย์ ปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติผู้ได้รับการเชิดชูเกียรติในฐานะศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ สาขาย่อยการ(จิตรกรรม) ประจำปีพุทธศักราช 2552[1]
ปรีชา เถาทอง | |
---|---|
เกิด | 27 เมษายน พ.ศ. 2491 จังหวัดพระนคร ประเทศไทย |
อาชีพ | นักเขียน จิตรกร |
สัญชาติ | ไทย |
ประวัติ
แก้ศาสตราจารย์ ปรีชา เถาทอง เกิดเมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2491[2] ที่จังหวัดพระนคร เป็นบุตรของนายเจริญ เถาทอง (บิดา) และ นางสิน เถาทอง (มารดา) เป็นบุตรคนที่ 5 ในจำนวนพี่น้อง 8 คน โดยพี่น้องร่วมมารดาทั้งหมดได้แก่
- 1. เป็นชาย (เสียชีวิต)
- 2. เป็นชาย (เสียชีวิต)
- 3. เป็นชาย (เสียชีวิต)
- 4. นาย พิชัย เถาทอง (รับเหมาก่อสร้าง)
- 5. นายปรีชา เถาทอง (ศิลปินแห่งชาติ)
- 6. นายสุชาติ เถาทอง (ศิลปิน)
- 7. นายสมชาย เถาทอง (ศิลปิน)
- 8. นายสุวิชาญ เถาทอง (ศิลปิน)
การศึกษา
แก้- จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ศิลปบัณฑิต จิตรกรรม (เกียรตินิยมอันดับ 2) มหาวิทยาลัยศิลปากร กรุงเทพมหานคร
- ได้รับทุนไป ศึกษาที่ L'Accademia di belle Arte ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี ในปี พ.ศ. 2519[3]
- จบการศึกษาระดับปริญญาโท ศิลปมหาบัณฑิต จิตรกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร กรุงเทพมหานคร
- ประกาศนียบัตร วิชาวาดเส้นจากอดาเคมีเบลลา อาร์เต กรุงโรม ประเทศอิตาลี
การทำงาน
แก้ศาสตราจารย์ปรีชา เถาทอง ได้รับรางวัลจำนวนมากและยังดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร
- ได้รับรางวัลศิลปินชั้นเยี่ยม สาขาจิตรกรรมจากงานแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ปี 2522
- รางวัลเหรียญเงินจากศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 22 (จิตรกรรม)
- รางวัลเหรียญทองจากศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 23
- รางวัลศิลปกรรมยอดเยี่ยมจากศิลปกรรมครบรอบที่ 3 ของหอศิลป พีระศรี
- รางวัลเหรียญทองศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 24
- รางวัลเหรียญทองศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 25
- ได้รับเกียรติให้เป็นศิลปินชั้นเยี่ยม สาขาจิตรกรรม
- อาจารย์พิเศษที่โรงเรียนเพาะช่าง
- อาจารย์ประจำคณะจิตรกรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
- ได้รับทุนไป ศึกษาที่ L'Accademia di belle Arte ณ กรุงโรมประเทศอิตาลี ในปี พ.ศ. 2519
- ศาสตราจารย์ประจำคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
- ประธานสภาคณบดีศิลปะแห่งประเทศไทย
- 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552 กรรมการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย สาขาทัศนศิลป์
- 8 มกราคม พ.ศ. 2552 ศิลปินแห่งชาติ ประจำปี 2552 สาขาสาขาทัศนศิลป์ด้านจิตรกรรม
ผู้ร่วมรับรางวัลอันทรงเกียรติศิลปินแห่งชาติ
แก้ในปี พ.ศ. 2552 ปีเดียวกัน ยังมีผู้ได้รับการเชิดชูเกียรติในฐานะ "ศิลปินแห่งชาติ" นั้นมีผู้เข้าร่วมรับรางวัลทั้งหมด 9 ท่าน ดังนี้ ศิลปินที่ได้รับเลือกเป็นศิลปินแห่งชาติใน 3 สาขา ได้แก่ ทัศนศิลป์ วรรณศิลป์ และ สาขาศิลปะการแสดง ประจำปี พ.ศ. 2552
- 1. ศาสตราจารย์ ปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติ ปี พุทธศักราช 2552 สาขาทัศนศิลป์ ด้านจิตรกรรม
- 2. นายองอาจ สาตรพันธุ์ ศิลปินแห่งชาติ ปี พุทธศักราช 2552 สาขาทัศนศิลป์ ด้านสถาปัตยกรรมร่วมสมัย
- 3. นางเพ็ญพรรณ สิทธิไตรย์ ศิลปินแห่งชาติ ปี พุทธศักราช 2552 สาขาทัศนศิลป์ ด้านประณีตศิลป์- แกะสลักเครื่องสด
- 4. นายวรนันท์ ชัชวาลทิพากร ศิลปินแห่งชาติ ปี พุทธศักราช 2552 สาขาทัศนศิลป์ด้านภาพถ่าย
- 5. นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ศิลปินแห่งชาติ ปี พุทธศักราช 2552 สาขาวรรณศิลป์ ด้านเรื่องสั้น สารคดี นวนิยาย กวีนิพนธ์
- 6. นายจตุพร รัตนวราหะ ศิลปินแห่งชาติ ปี พุทธศักราช 2552 สาขาศิลปะการแสดง ด้านนาฏศิลป-โขน
- 7. นายอุทัย แก้วละเอียด ศิลปินแห่งชาติ ปี พุทธศักราช 2552 สาขาศิลปะการแสดง ด้านดนตรีไทย
- 8. นางมัณฑนา โมรากุล ศิลปินแห่งชาติ ปี พุทธศักราช 2552 สาขาศิลปะการแสดง ด้านดนตรีไทยสากล-คำร้อง
- 9. นายประยงค์ ชื่นเย็น ศิลปินแห่งชาติ ปี พุทธศักราช 2552 สาขาศิลปะการแสดง ด้านดนตรีไทยลูกทุ่ง-ผู้เรียบเรียงเสียงประสาน
โดยศิลปินแห่งชาติทั้ง 9 ท่านได้ผ่านหลักเกณฑ์การคัดเลือกศิลปินแห่งชาติอัน ประกอบด้วย 3 หลักเกณฑ์ใหญ่ ดังนี้
- 1. เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญและมีผลงานดีเด่น
- 2. เป็นที่ยอมรับของวงการศิลปะแขนงนั้น
- 3. เป็นผู้มีคุณธรรม มีผลงานที่ยังเป็นประโยชน์ต่อสังคมและมนุษยชาติ ได้รับรางวัลหรือเกียรติคุณระดับท้องถิ่น ระดับชาติ หรือระดับนานาชาติ
ซึ่งในปี พุทธศักราช 2552 มีผู้ผ่านการคัดเลือกจำนวนมาก และคณะกรรมการได้มีกระบวนการพิจารณาอย่างละเอียดมากที่สุดโดยศิลปินแห่งชาติปี 2552 ได้เข้ารับพระราชทานโล่และเข็มเชิดชูเกียรติจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เนื่องในวันศิลปินแห่งชาติ ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
รางวัล & เกียรติคุณ
แก้รางวัลและเกียรติคุณที่ได้รับ ประกอบด้วย[4]
ปี | ชื่อรางวัล | หน่วยงานที่มอบ | หมายเหตุ |
---|---|---|---|
2517 | รางวัลเกียรตินิยมอันดับ 2 เหรียญเงิน ประเภทจิตรกรรม | ศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 22 | |
2518 | รางวัลเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง ประเภทจิตรกรรม | ศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 23 | |
2520 | รางวัลเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง ประเภทจิตรกรรม | ศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 24 | |
2522 | รางวัลเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง ประเภทจิตรกรรม | ศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 25 | |
2522 | ได้รับยกย่องเป็นศิลปินชั้นเยี่ยม ประเภทจิตรกรรม ลำดับที่ 14 | ||
2527 | รางวัลที่ 1 การประกวดจิตรกรรมฝาผนัง | ธนาคารอาคารสงเคราะห์ | |
2527 | รางวัลที่ 3 การออกแบบอนุสาวรีย์ 700 ปี ลายสือไทย | ||
2535 | รางวัลที่ 1 การประกวดจิตรกรรมฝาผนังตึก Escape กรุงเทพฯ | รัฐบาลไทย | |
2537 | รางวัลที่ 1 การประกวดจิตรกรรมฝาผนังตึกธนาคารแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่ | ธนาคารแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่ | |
2538 | ออกแบบสร้างสรรค์ภาพประกอบหนังสือพระมหาชนกพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช |
ผลงาน
แก้ผลงานทั้งหมดประกอบด้วย[5]
ปีที่ได้รับ | ชื่อผลงาน | เทคนิค | ขนาด | รางวัลที่ได้รับ | หน่วยงานที่มอบ |
---|---|---|---|---|---|
2512 | " วัดโพธิ์ " หรือ Wat Po 1969. | สีน้ำบนกระดาษ | 50*70 ซม. | - | |
2515 | " แสงและเงา " หรือ Light & Shadow. | สีอะคริลิกบนผ้าใบ | 114*100 ซม. | ศิลปนิพนธ์ศิลปบัณฑิต (ศิลปไทย) | มหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ. 2515 |
2517 | " ภายนอก 1/2517 " หรือ Exterior 1/1974. | สีอะคริลิกบนผ้าใบ | 137*120 ซม. | ||
2518 | " เปลือย " หรือ Nude Light Shadow 1975. | สีอะคริลิกบนผ้าใบ | 108*123 ซม. | ||
2519 | " แสงและเงา 4 " หรือ Light and Shadow 4. | สีอะคริลิก | 108*123 ซม. | เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทองประเภทจิตรกรรม | การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 23 พ.ศ. 2519 |
2520 | " รูปทรงของแสงบนเนื้อที่ของเงา 1 " หรือ Light Form on the Shade Area 1. | สีอะคริลิกบนผ้าใบ | 140*170 ซม. | เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทองประเภทจิตรกรรม | การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 25 พ.ศ. 2522 |
2520 | " วัด 2 " หรือ Temple no. 2. | สีน้ำมันและสีอะคริลิก | 150*180 ซม. | เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทองประเภทจิตรกรรม | การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 24 พ.ศ. 2520 |
2522 | " แสงภายใน " หรือ Interior with Light. | สีอะคริลิก | 200*300 ซม. | รางวัลยอดเยี่ยมศิลปกรรม | การประกวดศิลปกรรมร่วมสมัยประจำปี 2522 |
2523 | " จังหวะของแสง 2523 " หรือ Rythm of Light 1980. | สีอะคริลิก สีน้ำมันบนผ้าใบ | 110*129 ซม. | ||
2524 | " ยมกปาฏิหาริย์ 1981 " หรือ Yamokpha Tihan 1981. | ไม่ระบุเทคนิค , ศิลปะจัดวาง. | 200*250 ซม. | ||
2525 | " มารผจญ 1982 " หรือ Marn Phajorn 1982. | ไม่ระบุเทคนิค | 100*130 ซม. | ||
2526 | " ยมกปาฏิหาริย์ 1983 " หรือ Yamokpha Tihan 1983. | ไม่ระบุเทคนิค | 200*250 ซม. | ||
2526 | " แสงและเงาบนกระดาษ 1/2526 " หรือ Light and Shade on Paper 1/1983. | กระดาษ | 65*45 ซม. | ||
2531 | " ทวารบาล 2531 " หรือ Thawara Barn 1988. | สีอะคริลิก สีน้ำมันบนผ้าใบ | 170*140 ซม. | ||
2532 | " มารผจญ 1989 " หรือ Marn Phajorn 1989. | สีอะคริลิกบนผ้าใบ | 140*170 ซม. | ||
2535 | " แสงและทิศทาง " หรือ Light and direction. | สีอะคริลิก ผ้าใบ แสงไฟฟ้า | 140*170 ซม. | ||
2536 | " 50 ปี ภาพสะท้อน " หรือ 50 Years Reflection. | สีอะคริลิก สติ๊กเกอร์ แผ่นกระดาษ | 50*50 ซม. | ||
2538 | ออกแบบสร้างสรรค์ภาพประกอบ หนังสือพระมหาชนก พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
|
||||
2539 | " จิต - วัตถุ, ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท " หรือ Subjective, Your Majective. | เทคนิคผสม | 90*150 ซม. |
ปรัชญาและเป้าหมายในการทำงาน
แก้ศาสตราจารย์ ปรีชา มีแนวคิดที่ว่า มนุษย์ต้องปรับตัวให้ทันยุคสมัย ขณะเดียวกันก็ต้องรู้จักวัฒนธรรมของตนเอง ซึ่งควรนำมาปรับให้เกิดดุลยภาพระหว่างการอนุรักษ์กับการพัฒนา ศิลปะก็เช่นเดียวกันคนไทยสามารถเรียนรู้ทฤษฎีศิลปะแบบตะวันตกแต่ในเวลาเดียวกันก็ต้องไม่ลืมความเป็นไทยของตนเองแล้วนำข้อดีของทั้งสองสิ่งมาปรับให้เกิดดุลยภาพเป็นแนวทางสร้างสรรค์ศิลปกรรมไทยร่วมสมัยอย่างมีเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะเดียวกัน ศิลปินเองก็ต้องพยายามสื่อสารกับผู้ชมด้วย" ปรีชาจึงพยายามทำหน้าที่ลดช่องว่างของความไม่เข้าใจศิลปะของบุคคล โดยนัยหนึ่งทำหน้าที่เป็นครูสอนศิลปะ อีกนัยหนึ่งทำหน้าที่สร้างสรรค์ผลงานศิลปะให้สอดคล้องกับอุดมการณ์ของครูสอนศิลปะผู้ที่ติดตามผลงานศิลปะของปรีชามาตั้งแต่ชุดแรกๆจะพบว่าผลงานที่สร้างสรรค์ได้สอดแทรกสาระเพื่อปูพื้นฐานแก่ผู้ชมเป็นลำดับอย่างต่อเนื่อง "ทั้งนี้ผู้ชมงานควรปรับตัวปรับใจให้เกิดความพร้อมที่จะรับรู้และชื่นชมกับผลงานศิลปะตามไปด้วยเพราะถ้าสังคมมุ่งส่งเสริมให้บุคคลรับรู้แต่ศาสตร์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี แต่ขาดความรู้เกี่ยวกับเรื่องสุนทรียภาพทางความดีความงามซึ่งเป็นเรื่องของจิตนิยม ต่อไปจิตใจของบุคคลเหล่านั้นก็จะขาดความอ่อนหวานนุ่มนวล ไม่มีสุนทรียรสในจิตใจ จนกระทั่งกลายเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจแข็งกระด้างไม่รับรู้คุณค่าของความดีความงามทั้งมวลที่มีอยู่ในโลก
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
แก้- พ.ศ. 2556 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[6]
- พ.ศ. 2553 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)[7]
- พ.ศ. 2558 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 3 ตติยดิเรกคุณาภรณ์ (ต.ภ.)[8]
- พ.ศ. 2547 – เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)[9]
อ้างอิง
แก้- ↑ ฐานข้อมูลประวัติส่วนตัว[ลิงก์เสีย]
- ↑ เปิดประวัติ ปรีชา เถาทอง
- ↑ L'Accademia di belle Arte
- ↑ ฐานข้อมูลรางวัล[ลิงก์เสีย]
- ↑ ฐานข้อมูลผลงาน
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๖ เก็บถาวร 2013-12-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๓๐ ตอนที่ ๓๐ ข หน้า ๒๒, ๖ ธันวาคม ๒๕๕๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๓ เก็บถาวร 2011-01-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๗ ตอนที่ ๑๔ ข หน้า ๕๐, ๘ ธันวาคม ๒๕๕๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี ๒๕๕๘ เก็บถาวร 2015-12-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๓๒ ตอนที่ ๓๒ ข หน้า ๒๔, ๔ ธันวาคม ๒๕๕๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลา เก็บถาวร 2017-10-31 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๒ ตอนที่ ๑๑ ข หน้า ๑๔๙, ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๔๘