ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล
ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล มักจะถูกนิยามว่าเป็นประเทศที่ถูกปิดล้อมหรือเกือบถูกปิดล้อมด้วยแผ่นดิน[1][2][3][4] ในปี 2554 มีทั้งหมด 45 ประเทศ การเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลนับเป็นข้อด้อยทางภูมิศาสตร์ เพราะนอกจากจะถูกปิดกั้นจากทรัพยากรทางทะเลแล้ว ยังทำให้ไม่สามารถค้าขายทางทะเลได้อีกด้วย ประเทศที่มีชายฝั่งมีแนวโน้มที่จะร่ำรวยกว่าและมีประชากรมากกว่าประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล[5]
นอกจากนี้ยังมีคำว่า ทะเลปิด หมายถึงทะเลที่ไม่ได้เชื่อมกับมหาสมุทร เช่น ทะเลแคสเปียน ซึ่งในบางครั้งมองเป็นทะเลสาบ
นอกจากนี้ทะเลอื่น ๆ เช่น ทะเลดำ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทะเลบอลติก และ ทะเลแดง มีช่องทางออกสู่ทะเลน้อย
รายชื่อประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลแก้ไข
|
- † มีชายฝั่งติดกับทะเลแคสเปียนซึ่งเป็นทะเลปิด
- ‡ มีชายฝั่งติดกับทะเลอารัลซึ่งเป็นทะเลปิด
- ¤ ถูกล้อมรอบทุกด้านโดยประเทศเดียว
- 0 เป็นนครรัฐ
ประเทศที่เกือบไม่มีทางออกสู่ทะเลแก้ไข
ประเทศต่อไปนี้มีดินแดนชายฝั่งซึ่งสั้นมาก
- สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (มหาสมุทรแอตแลนติก) 40 กิโลเมตร
- บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (ทะเลเอเดรียติก) 26 กิโลเมตร
- อิรัก (อ่าวเปอร์เซีย) 58 กิโลเมตร
- จอร์แดน (ทะเลแดง) 26 กิโลเมตร
- สโลวีเนีย (ทะเลเอเดรียติก) 47 กิโลเมตร
ประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องแก้ไข
- การก่อตั้งประเทศเอริเทรียและมอนเตเนโกรซึ่งเป็นผลจากการเรียกร้องแบ่งแยกดินแดน ทำให้ประเทศเอธิโอเปีย และเซอร์เบีย (ตามลำดับ) กลายเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล
- ประเทศโบลิเวียเสียดินแดนชายฝั่งซึ่งเป็นทางออกสู่ทะเลให้แก่ ชิลี ในสงครามมหาสมุทรแปซิฟิก ปัจจุบันกองทัพเรือโบลิเวียต้องฝึกซ้อมในทะเลสาบตีตีกากา[6]
- ประเทศออสเตรียและฮังการีสูญเสียทางออกสู่ทะเลจากสนธิสัญญาแซ็ง-แฌร์แม็งและสนธิสัญญาทรียานง ตามลำดับ
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ "Definition of landlocked". Merriam-Webster Online Dictionary. สืบค้นเมื่อ 2007-05-25.
- ↑ "Landlocked". Webster's 1913 Dictionary. สืบค้นเมื่อ 2007-05-25.
- ↑ "Landlocked definition". MSN Encarta Dictionary. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-11-01. สืบค้นเมื่อ 2007-05-25.
- ↑ "AskOxford". Compact Oxford English Dictionary. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-12-25. สืบค้นเมื่อ 2007-05-25.
- ↑ The Global Enabling Trade Report 2008 หน้า 68
- ↑ "Naval gazing". The Economist. 2008-07-04.