บุษบาริมทาง (ภาพยนตร์)
บุษบาริมทาง (อังกฤษ: My Fair Lady) เป็นภาพยนตร์เพลงในปี ค.ศ. 1964 ของ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ถ่ายทำระบบซูเปอร์พานาวิชั่น 70 มม.กำกับโดย จอร์จ คูเกอร์ นำแสดงโดย ออเดรย์ เฮปเบิร์น และ เรกซ์ แฮร์ริสัน
บุษบาริมทาง | |
---|---|
ภาพโปสเตอร์ภาพยนตร์ | |
กำกับ | George Cukor |
เขียนบท | Alan Jay Lerner George Bernard Shaw |
อำนวยการสร้าง | Jack Warner |
นักแสดงนำ | Audrey Hepburn Rex Harrison |
กำกับภาพ | Harry Stradling Sr. |
ตัดต่อ | William H. Ziegler |
ดนตรีประกอบ | Frederick Loewe (ดนตรี) Alan Jay Lerner (เนื้อร้อง) |
ผู้จัดจำหน่าย | Warner Bros. (ฉายในปี 1964) 20th Century Fox (ฉายใหม่) |
วันฉาย | 25 ธันวาคม 1964 |
ความยาว | 171 นาที |
ประเทศ | สหรัฐอเมริกา |
ภาษา | ภาษาอังกฤษ |
ทุนสร้าง | $17,000,000 |
ทำเงิน | $72,000,000 |
สร้างจาก ละครเพลงบรอดเวย์ ของเลอร์เนอร์แอนด์โลว์ (Lerner & Loewe) ที่โด่งดังในชื่อเดียวกัน ซึ่งดัดแปลงจากบทละครชวนหัวเสียดสีสังคมชนชั้น Pygmalion ของจอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์
Pygmalion เป็นภาพยนตร์ใน ค.ศ. 1938 นำแสดงโดย เลสลี่ ฮาเวิร์ด และ เวนดี้ ฮิลเลอร์ ซึ่งมีการเพิ่มเติมฉากบอลรูมและเปลี่ยนตอนจบให้นางเอกกลับมาหาพระเอกแทนที่จะจากไปอย่างสตรีผู้มาดมั่นตามบทละครดั้งเดิมของชอว์ จนกระทั่ง ค.ศ. 1956 มีการดัดแปลงเรื่องจากบทภาพยนตร์เป็นละครเพลงในชื่อใหม่ว่า My Fair Lady เปิดแสดงย่านบรอดเวย์ในอเมริกา นำแสดงโดย จูลี่ แอนดรูวส์ และ เรกซ์ แฮร์ริสัน ประสบความสำเร็จอย่างสูงจนอีกสองปีต่อมาได้ข้ามไปแสดงที่ลอนดอน อังกฤษ ก่อนสร้างเป็นภาพยนตร์เพลงยิ่งใหญ่ครั้งหลังสุด โดย วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ในปี ค.ศ.1964 ระบบพานาวิชั่น 70 มม.ลงทุนสูงลิ่วโดยเฉพาะด้านกำกับศิลป์และเครื่องแต่งกายหรูหราย้อนยุค ได้รับ 8 รางวัลออสการ์ รวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยม[1]
เข้าฉายในประเทศไทย ครั้งแรกที่ ศาลาเฉลิมไทย เมื่อปี พ.ศ. 2507 ใช้คำโฆษณาว่าโปรแกรม "อัครภาพยนตร์" [2] และอีกหลายครั้งที่โรงหนังฮอลลีวู้ด ใกล้วงเวียนราชเทวี (ชื่อภาษาไทย มาจากชื่อละครเวที บทพระนิพนธ์ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล แห่งคณะอัศวินการละคร ซึ่งคณะกรรมการผู้บริหารโรงภาพยนตร์เห็นเหมาะสมจึงได้ทูลขอประทานอนุญาตนำมาใช้เป็นชื่อภาพยนตร์)
เพลงประกอบภาพยนตร์และละครบรอดเวย์ ได้รับยกย่องว่ามีความไพเราะและเป็นที่จดจำของผู้ชมจนทุกวันนี้ เช่น Wouldn't It Be Lovely ,The Rain In Spain ,On The Street Where You Live ,Get Me To The Church On Time ,I 've Grown Accustomed To Her Face เป็นต้น
เรื่องย่อ
แก้ศาสตราจารย์หนุ่มโสดผู้เชียวชาญภาษาทั่วโลก พนันกับเพื่อนคู่หูว่า เขาจะทำให้ เอไลซ่า ดูลิตเติล หญิงขายดอกไม้ข้างถนน กลายเป็นสุภาพสตรีชั้นสูงเพรียบพร้อมด้วยกิริยาและภาษาอังกฤษชั้นเลิศ ความสำเร็จดีเกินคาด แม้แต่ลูกศิษย์ชั้นยอดของศาสตราจารย์ ก็ยังเข้าใจผิด คิดว่าเธอเป็นเจ้าหญิงต่างแดนผู้สมบูรณ์แบบอย่างไม่มีใครเทียบ
เธอพอใจความสำเร็จตามที่ใฝ่ฝันแต่แล้วกลับรู้สึกสับสนในอนาคตของตนเอง คนคุ้นเคยย่านตลาดถิ่นเก่าไม่มีใครจำได้ ขณะที่พ่อขี้เมาต้องเผชิญปัญหาการใช้ชีวิตใหม่ภายใต้กรอบ "ศีลธรรมของชนชั้นกลาง" อย่างจำยอม
เอไลซ่าตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่กับหนุ่มผู้ดีคนหนึ่งที่ยอมรับที่มาของเธอได้ แต่แล้วความรู้สึกที่ซ่อนลึกในใจ ทำให้เธอต้องกลับมาหาศาสตราจารย์ในที่สุด
อ้างอิง
แก้- ↑ "NY Times: My Fair Lady". NY Times. สืบค้นเมื่อ 2008-12-21.
- ↑ หน้าโฆษณา หนังสือพิมพ์รายวัน ,2507