บุญชง วีสมหมาย
บุญชง วีสมหมาย (13 มีนาคม พ.ศ. 2474 – 19 เมษายน พ.ศ. 2546) อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในสมัยของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ[1] อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีตสมาชิกวุฒิสภา
บุญชง วีสมหมาย | |
---|---|
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี | |
ดำรงตำแหน่ง 2 ธันวาคม พ.ศ. 2539 – 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 | |
นายกรัฐมนตรี | พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ |
ก่อนหน้า | เดช บุญ-หลง |
ถัดไป | นิพนธ์ พร้อมพันธุ์ |
รองประธานสภาผู้แทนราษฎร | |
ดำรงตำแหน่ง 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 – 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 (1 ปี 3 วัน) ดำรงตำแหน่งร่วมกับ สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล | |
ก่อนหน้า | โสภณ เพชรสว่าง สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ |
ถัดไป | สุชาติ ตันเจริญ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 13 มีนาคม พ.ศ. 2474 อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ |
เสียชีวิต | 19 เมษายน พ.ศ. 2546 (72 ปี) |
ศาสนา | พุทธ |
พรรคการเมือง | ประชาธิปัตย์ (2495 - 2517) กิจสังคม (2517 - 2523) ความหวังใหม่ (2535 - 2545) ไทยรักไทย (2545 - 2546) |
คู่สมรส | ทันตแพทย์หญิงกรองกาญจน์ วีสมหมาย |
ประวัติ
แก้บุญชง วีสมหมาย เกิดเมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2474 ณ ตำบลสมอ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นบุตรคนที่ 5 ของนายเซ่งซอย กับนางบุญ วีสมหมาย มีพี่น้อง 6 คน[2] สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษา จากโรงเรียนเทศบาลเมืองศรีสะเกษ ระดับมัธยมศึกษา จากโรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัย และระดับปริญญาตรี สาขาการจัดการ จากวิทยาลัยครูสุรินทร์ สมรสกับท.พญ.กรองกาญจน์ วีสมหมาย อดีตสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดศรีสะเกษ มีบุตร-ธิดา 5 คน
นายบุญชง วีสมหมาย เสียชีวิต เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2546 ด้วยอายุ 72 ปี[3]
การทำงาน
แก้การศึกษา
แก้นายบุญชง วีสมหมาย เป็นผู้ที่มีบทบาทในการผลักดันให้มีการจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาในจังหวัดศรีสะเกษ โดยริเริ่มขอใช้พื้นที่จากผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เมื่อปี พ.ศ. 2537 และได้เริ่มขยายวิทยาเขตจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ และรับนักศึกษาเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2540[4]
การเมือง
แก้นายบุญชง วีสมหมาย เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดศรีสะเกษ ในปี พ.ศ. 2519 เป็นสมัยแรก ในสังกัดพรรคกิจสังคม เป็นสมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2523 และได้กลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีก 4 สมัย สังกัดพรรคความหวังใหม่ จนกระทั่งได้รับตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในปี พ.ศ. 2538 และเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2539[5] ต่อมาจึงได้ย้ายมาสังกัดพรรคไทยรักไทย และได้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 จนกระทั่งถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 บุญชงต้องสิ้นสภาพการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการชั่วคราว ทำให้ตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ต้องสิ้นสุดลงตามไปด้วย[6]
ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายบุญชง วีสมหมาย ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสำคัญหลายฉบับ อาทิ พระราชบัญญัติระเบียบการปฏิบัติราชการของทบวงมหาวิทยาลัย พระราชบัญญัติการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหาสารคาม พระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยทักษิณ พระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน พระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ[7]
ประวัติการทำงานในสภา
แก้- พ.ศ. 2538 รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
- พ.ศ. 2539 เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
- พ.ศ. 2544 - พ.ศ. 2545 รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2
ประวัติการลงสมัครรับเลือกตั้ง
แก้- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2519 จังหวัดศรีสะเกษ สังกัด พรรคกิจสังคม
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป มีนาคม พ.ศ. 2535 จังหวัดศรีสะเกษ สังกัด พรรคความหวังใหม่
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กันยายน พ.ศ. 2535 จังหวัดศรีสะเกษ สังกัด พรรคความหวังใหม่
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2538 จังหวัดศรีสะเกษ สังกัด พรรคความหวังใหม่
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2539 จังหวัดศรีสะเกษ สังกัด พรรคความหวังใหม่
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 จังหวัดศรีสะเกษ สังกัด พรรคความหวังใหม่ → พรรคไทยรักไทย
การเชิดชูเกียรติ
แก้มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ ได้ดำเนินการจัดสร้างอนุสาวรีย์นายบุญชง วีสมหมาย เพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงนายบุญชง ผู้ริเริ่มก่อตั้งมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ โดยเริ่มต้นสร้างเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
แก้- พ.ศ. 2543 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[8]
- พ.ศ. 2540 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[9]
- พ.ศ. 2524 – เหรียญลูกเสือสดุดี ชั้นที่ 1[10]
อ้างอิง
แก้- ↑ นักการเมืองถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ
- ↑ ประวัติผู้สมัคร ส.ส. เก็บถาวร 2012-11-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีนกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
- ↑ "บุคคลสำคัญทางวัฒนธรรม จังหวัดศรีสะเกษ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-11-18. สืบค้นเมื่อ 2010-06-21.
- ↑ ประวัติมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ[ลิงก์เสีย]
- ↑ มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2539
- ↑ รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๑ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ ๖ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๕
- ↑ "สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-11-20. สืบค้นเมื่อ 2010-08-19.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เก็บถาวร 2022-10-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๑๗ ตอนที่ ๒๕ ข หน้า ๒, ๑ ธันวาคม ๒๕๔๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2022-09-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๑๔ ตอนที่ ๒๗ ข หน้า ๒๒, ๓ ธันวาคม ๒๕๔๐
- ↑ รายพระนามและนามผู้ที่สมควรได้รับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดี ประจำปี ๒๕๒๔ จากเว็บไซต์ thaiscouts