น้ำพุ (ภาพยนตร์)
น้ำพุ เป็นภาพยนตร์ไทย ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2527 [1] สร้างโดย ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น ถ่ายทำด้วยระบบฟิล์ม 35 มม.สโคป บันทึกเสียงจริงซาวด์-ออน-ฟิล์ม กำกับการแสดงโดย ยุทธนา มุกดาสนิท สร้างจากเนื้อเรื่องมาจากหนังสือ เรื่องของน้ำพุ ของ สุวรรณี สุคนธา ซึ่งเป็นเรื่องราวชีวิตจริงของ วงศ์เมือง นันทขว้าง เป็นบุตรชายคนเดียวของ สุวรรณี สุคนธา ที่ติดยาเสพติด เป็นอุทธาหรณ์ ของการเลี้ยงบุตร และ อันตรายของยาเสพติด เป็นเรื่องราวของน้ำพุเป็นเด็กที่เติบโตมาในครอบครัวที่มีปัญหาและเขาก็ได้ค้นหาสิ่งใหม่ๆให้ชีวิตของเค้าทั้งดีและไม่ดี แต่น้ำพุ ก็เลือกทางผิด แม่ของน้ำพุรู้ก็สายไปเสียแล้ว น้ำพุได้ติดยาอย่างหนักและในที่สุดยาเสพติดได้เอาชีวิตน้ำพุไป [2] ออกเข้าฉายเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2527 ที่โรงภาพยนตร์เอเธนส์ [3][4]
น้ำพุ | |
---|---|
ใบปิดภาพยนตร์ | |
กำกับ | ยุทธนา มุกดาสนิท |
เขียนบท | บทประพันธ์ สุวรรณี สุคนธา บทภาพยนตร์ ยุทธนา มุกดาสนิท |
อำนวยการสร้าง | เจริญ เอี่ยมพึ่งพร |
นักแสดงนำ | ภัทราวดี มีชูธน อำพล ลำพูน วรรษมน วัฒโรดม เรวัต พุทธินันทน์ สุเชาว์ พงษ์วิไล อำนวย ศิริจันทร์ กนกวรรณ บุรานนท์ สุริวิภา กุลตังวัฒนา ปิติ จตุรภัทร์ กฤษณะ จำปา ธีรพร อมรพันธ์ นิศา มุจลินทร์กุล ชรินพร มหิธิพงษ์ |
กำกับภาพ | สมชัย ลีลานุรักษ์ |
ตัดต่อ | บรรจง โกศัลวัฒน์ |
ดนตรีประกอบ | บัตเตอร์ฟลาย |
ผู้จัดจำหน่าย | ไฟว์สตาร์โปรดักชั่น |
วันฉาย | 8 มิถุนายน พ.ศ. 2527 |
ความยาว | 130 นาที |
ประเทศ | ประเทศไทย |
ภาษา | ภาษาไทย |
ข้อมูลจาก IMDb | |
ข้อมูลจากฐานข้อมูลภาพยนตร์ไทย |
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการตอบรับจากผู้ชมและงานประกาศรางวัลต่างๆ อย่างงดงาม เช่น รางวัลตุ๊กตาทอง เป็นต้น จนเป็นภาพยนตร์อมตะอีกเรื่องของไทย ปัจจุบันภาพยนตร์เรื่องนี้ทางบีเคพีและไฟว์สตาร์ นำมารีมาสเตอร์ใหม่ภายใต้โปรเจกต์ The Legend Collection ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นภาพยนตร์ในตำนานอีกเรื่องหนึ่งที่ควรค่าแก่การเก็บสะสมเช่นกัน
เรื่องย่อ
แก้ในปี พ.ศ. 2517 แม่ (ภัทราวดี ศรีไตรรัตน์ เบรดี), น้ารัน (เรวัติ พุทธินันท์) และลูกๆช่วยกันพังประตูเข้าไปในห้องของน้ำพุ (อำพล ลำพูน) ซึ่งอยู่ในสภาพตาเหลือก ไม่มีสัญญาณใดๆที่บ่งบอกถึงการมีชีวิต และหอบหิ้วกันขึ้้นรถเพื่อนำตัวไปโรงพยาบาลในสภาพทุลักทุเลอย่างหนัก
หมอกับพยาบาลกำลังยื้อยุดฉุดชีวิตของน้ำพุกับความตาย ห้วงคำนึงของแม่คิดถึงความเป็นมาเกี่ยวกับเด็กหนุ่มผู้วายชนม์ที่ต้องบอกว่ามันเริ่มต้นด้วยความโชคร้ายทีเดียว ตั้งแต่การเป็น ‘ไอ้เด็กเกิดวันที่สิบสาม ไอ้ตัวซวย’ ตามคำบริภาษของผู้เป็นพ่อ (สุเชาว์ พงษ์วิไล) ในห้วงยามที่ฝ่ายหลังเดือดดาล ตามมาด้วยการเป็นลูกผู้ชายเพียงคนเดียว และไม่ได้รับอนุญาตให้เล่นตุ๊กตากับพี่ๆน้องๆต่างเพศกัน บ้านของเขาต้องกลายเป็นสมรภูมิรบระหว่างพ่อแม่ที่ทะเลาะเบาะแว้งและถึงขั้นลงไม้ลงมือต่อหน้าต่อตาน้ำพุเป็นประจำ แต่บางที สิ่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็นตราบาปที่ฝังแน่นในจิตใจของน้ำพุก็คือการที่เขาถูกผู้เป็นพ่อทำให้รู้สึกว่าเป็นต้นเหตุให้แม่ตัดสินใจหอบลูกๆทั้งหมดออกจากบ้านไป ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว พ่อของน้ำพุใช้มีดตัดสายป่านจนขาด อันเป็นเหตุให้เด็กน้อยไปฟ้องแม่ด้วยน้ำตานองหน้า และแม่สั่งให้ลูกๆทุกคนเก็บข้าวของออกจากบ้าน และ “เราจะไม่กลับมาเหยียบบ้านนี้อีก” เป็นเพียงแค่ฟางเส้นสุดท้ายของความขัดแย้งระหว่างคนเป็นพ่อแม่เท่านั้นเอง
ต่อมา น้ำพุกับเพื่อนที่ชื่ออ๊อด (กฤษณะ จำปา) ซึ่งยังเป็นนักเรียนมัธยม กำลังชักชวนกันหนีโรงเรียนและเพิ่งจะรอดพ้นจากการถูกสารวัตรนักเรียนจับกุม น้ำพุยังนับว่าดีกว่าของอ๊อดที่พ่อแม่ไม่เพียงแยกทางกัน หากตัวเขายังถูกส่งไปอยู่กับลุง ขณะที่น้ำพุยังได้อยู่กับแม่ของตัวเอง การอยู่ตามลำพังกับแม่ของน้ำพุ ขณะที่พี่น้องคนอื่นๆถูกส่งไปอยู่กับญาติ แม่ของน้ำพุซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างไปจากชนชั้นกลางในเมืองหลวงทั่วๆไปที่ต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนภายใต้ระบบเศรษฐกิจที่บีบรัดตัว เพราะตระหนักว่าการงอมืองอเท้าและไม่ทำอะไร รังแต่จะนำไปสู่ความล้าหลัง, ถดถอยและความยากจน ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ และกลับบ้านดึกๆดื่นๆตลอดเวลา นั่นยังไม่ต้องเอ่ยถึงการที่แม่ไม่อาจตัดตัวเองขาดจากสังคม และมีเรื่องให้ต้องสังสรรค์กับเพื่อนฝูงเป็นประจำ หรือกระทั่งมีแฟนใหม่ ซึ่งมองในมุมของคนที่ต้องแบกภาระอะไรไว้มากมาย มันเป็นการแสวงหาการปลอบประโลมมากกว่าความฟุ่มเฟือย
น้ำพุกลับบ้านซึ่งเป็นเพียงห้องพักเล็กๆ ที่ขอแบ่งเช่าบนตึกแถวเพื่อมาอยู่กับตัวเองจึงดูเหมือนจะเป็นสภาวการณ์อันเป็นปกติธรรมดา ที่แม่ของน้ำพุต้องเดินทางไปเมืองนอก 2-3 เดือน และหนุ่มน้อยถูกส่งไปอยู่กับลุงและป้า ชีวิตน้ำพุก็ค่อยๆโน้มเอียงไปในทางเพื่อนๆ ซึ่งมี ’หน้าตาแปลกๆ’ โผล่เข้ามา หนึ่งในนั้นก็คือใหม่ (ปิติ จตุรภัทร์) ผู้ซึ่งก็เหมือนกับอ๊อดและน้ำพุตรงที่พ่อแม่แยกทางกัน แต่ที่หนุ่มน้อยคนนี้พกติดตัวมามากกว่าใครๆก็คือ ความโกรธเกลียดและคับแค้นพวกผู้ใหญ่ทุกๆคน น้ำพุไม่เคยมีความสุขกับบ้านหรือครอบครัวเลย เพราะหลังจากที่แม่สามารถเก็บหอมรอมริบ จนกระทั่งสามารถดาวน์บ้านเป็นของตัวเอง และลูกๆทุกคนได้กลับมาอยู่ร่วมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา มันก็นับเป็น ‘วันชื่นคืนสุข’ สำหรับน้ำพุอย่างแท้จริง ระหว่างเขากับพี่หน่อย (นิศา มุจลินทร์กุล) และหนูแดง (กนกวรรณ บุรานนท์) มักจะมีเรื่องให้ระหองระแหงใจเป็นประจำ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต
ทุกคนได้กลับมาเป็นครอบครัว ต่อมา น้ารัน เพื่อนสนิทรุ่นน้องของแม่ ขออาศัยอยู่ด้วยและกลายเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่น้ำพุจะรู้สึกว่าน้ารันเป็นเสมือนส่วนเกินหรือกระทั่งภัยคุกคามต่อความมั่นคงในครอบครัว ต่อมา น้ำพุซึ่งอยู่ในห้องนอนของตัวเอง แอบสูบกัญชาและผล็อยหลับไปพร้อมกับฝันว่าตัวเขากำลังเล่นว่าวกับผู้เป็นแม่กลางทุ่งกว้างตามลำพังสองคน ก่อนที่มันจะสิ้นสุดลงด้วยภาพของน้ำพุ นอนตระกองกอดแม่ของตัวเองและหลับไป
น้ำพุพยายามประท้วงการมาของน้ารันโดยแสวงหาแนวร่วมจากศัตรูเก่าของตัวเอง นั่นก็คือการนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปฟ้องพ่อ คงจะด้วยหวังว่า บางที พ่ออาจจะช่วยจัดการอะไรได้ แต่มันก็การดิ้นรนที่สูญเปล่าและไม่เกิดดอกผลแต่อย่างใด เพราะพ่อของน้ำพุได้แต่หมกมุ่นอยู่กับการเขียนรูปและไม่แสดงให้เห็นถึงความยี่หระต่อสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก
น้ำพุอับจนหนทางและต้องเอ่ยปากสารภาพกับแม่อย่างไม่ปิดบังว่าเขาติดยา ในบรรดาความรู้สึกอันหลากหลายที่ประดังประเดเข้ามาพร้อมๆกัน ทั้งตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน มีอยู่แว่บหนึ่งที่ผู้ชมสามารถสัมผัสได้ก็คือความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจของแม่ที่ลูกชายไม่นึกถึงเธอ จึงเดินทางไปวัดถ้ำกระบอกกับเพื่อนเพื่อเลิกยา แต่เมื่อเขากลับมาบ้านอีกครั้ง เขากลับไม่ได้รับการต้อนรับอย่างดีเท่าที่เขาคาดหวัง จึงเกิดความรู้สึกน้อยใจตามประสาวัยรุ่น จึงฉีดเฮโรอีนเกินขนาดจนถึงขั้นเสียชีวิต
รายชื่อนักแสดงนำ
แก้- ภัทราวดี มีชูธน แสดงเป็น สุวรรณี สุคนธา
- อำพล ลำพูน แสดงเป็น วงศ์เมือง นันทขว้าง (น้ำพุ)
- เรวัต พุทธินันทน์ แสดงเป็น น้ารัญ
- วรรษมน วัฒโรดม แสดงเป็น แก้ว
- สุเชาว์ พงษ์วิไล แสดงเป็น ทวี นันทขว้าง (พ่อน้ำพุ)
- อำนวย ศิริจันทร์ แสดงเป็น อาจารย์ใหญ่
- กนกวรรณ บุรานนท์ แสดงเป็น หนูแดง
- สุริวิภา กุลตังวัฒนา แสดงเป็น อ้วน
- ปิติ จตุรภัทร์ แสดงเป็น ใหม่
รางวัล
แก้- รางวัลตุ๊กตาทอง สาขาดารานำชายยอดเยี่ยม [5]
- รางวัลตุ๊กตาทอง สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยื่ยม
- รางวัลดารานำชายดีเด่น งานมหกรรมภาพยนตร์เอเชียแปซิฟิก
อ้างอิง
แก้- ↑ น้ำพุ (2527) ที่เว็บไซต์ ThaiFilmDb
- ↑ น้ำพุ (THE STORY OF NAMPU)[ลิงก์เสีย] fivestarent.com
- ↑ น้ำพุ (2527) “เออชีวีนี่น้อย วาสนา…” เก็บถาวร 2013-10-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน โดย ประวิทย์ แต่งอักษร สตาร์พิคส์ – REPLAY
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-09-20. สืบค้นเมื่อ 2012-10-05.
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2012-10-05.