นภา เกียรติวันชัย

นภา เกียรติวันชัย เป็นอดีตแชมป์โลกในรุ่นสตอร์วเวท (105 ปอนด์) ของสภามวยโลก (WBC)

นภา เกียรติวันชัย
เกิดสุวิทย์ แซ่ตั้ง
27 กรกฎาคม พ.ศ. 2510 (57 ปี)

ประวัติ

แก้

แชมป์โลกคนที่ 13

แก้

นภามีชื่อจริงว่า สุวิทย์ แซ่ตั้ง ชื่อเล่น ไก่ เกิดเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2510 ที่อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา มีพี่น้องทั้งหมด 8 คน เป็นชาย 7 หญิง 1 คน ซึ่งพี่น้องที่เป็นชายทั้ง 7 คนนั้นถูกฝึกให้เป็นนักมวยไทยทั้งหมด เพราะครอบครัวของนภามีกิจการค่ายมวยชื่อ "ลูกโชคชัย" กระทั่งอายุได้ 14 ปี จึงเริ่มเข้าสู่วงการมวยอย่างจริงจัง เริ่มชกครั้งแรก ได้ค่าตัวแค่ 50 บาท ตระเวนชกมวยไทยอยู่ในละแวกจังหวัดนครราชสีมาร่วม 200 กว่าครั้ง จนเริ่มมีชื่อเสียงภายในจังหวัด จึงเดินทางเข้ากรุงเทพมหานครด้วยวัย 19 ปีตามพี่ชาย โดยสังกัดค่าย "ลูกมาตุลี" ของ "แก้ว โคซี่" แก้ว ดุสิตรัตนกุล[1] เป็นผู้จัดการ ขึ้นชกที่เวทีลุมพินีหลายครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ชกแพ้มากกว่าชนะ ในชื่อ "โชคชัยจิ๋ว ณ พัทยา" จึงมีชื่อที่แฟนมวยเรียกกันติดปากว่า ไอ้จิ๋ว โดยชกครั้งสุดท้ายถึงขั้นกรามหัก[2] จึงหันมาชกมวยสากล โดยขึ้นชกครั้งแรกเมื่อ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2530 ชนะคะแนน จอมพิชิต เกียรติธวัช จากนั้น ชกชนะรวดอีก 3 ครั้ง "บึ๊กอึ่ง" สหสมภพ ศรีสมวงศ์ ในขณะนั้นสร้างนักมวยหลายคนประสบความสำเร็จเป็นแชมป์โลก ได้สนับสนุนนภา โดยได้ชิงแชมป์อินเตอร์เนชั่นแนล (แชมป์เงา) รุ่นสตอร์วเวท ของสภามวยโลก (WBC) ที่อินโดนีเซีย ซึ่งนภาชนะคะแนน นิโก โธมัส ได้แชมป์มาครอง

เมื่อได้แชมป์อินเตอร์ฯ มาแล้ว ได้ป้องกันตำแหน่งแชมป์ครั้งหนึ่ง จึงได้มีโอกาสขึ้นชิงแชมป์โลกของจริงในรุ่นนี้ กับ ฮิโรกิ อิโอกะ เจ้าของตำแหน่งชาวญี่ปุ่น ที่เมืองโอซากะ ซึ่งนภาที่ผ่านมาชกมวยสากลมาเพียง 6 ไฟท์ เท่านั้นเอง กลับทำได้ดีกว่า น่าจะเป็นผู้ชนะ แต่เมื่อผลการรวมคะแนนออกมา กลับกลายเป็นเสมอกันไป อีกทั้งกรรมการห้ามบนเวทีได้ยุติการชกไปในยกที่ 12 ซึ่งเป็นยกสุดท้าย ทั้งที่มีเวลาเหลืออีกประมาณ 32 วินาที ทำให้การชกครั้งนี้ได้มีการประท้วงกันอย่างรุนแรงลุกลามไปถึงขั้นที่มีการประท้วงกันถึงหน้าสถานทูตญี่ปุ่นในประเทศไทย โดยผู้ขับรถแท็กซี่[3] ในที่สุด สภามวยโลกได้ตัดสินให้มีการชกนัดล้างตาอีกครั้ง ในคราวนี้ นภาสามารถทำได้ และเป็นผู้ชนะไป กลายเป็นแชมป์โลกคนที่ 13 ของไทย และเป็นคนที่สองที่สามารถได้แชมป์ถึงต่างแดน (คนแรกคือ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ได้แชมป์สมัยที่ 2 จากสเปน) แต่เมื่อได้แชมป์มา นภา ก็ครองตำแหน่งอยู่ได้ไม่ถึงปี หลังจากป้องกันตำแหน่งครั้งแรกและกลับไปที่ญี่ปุ่นเพื่อป้องกันตำแหน่งกับ ฮิโรกิ อิโอกะ คู่ปรับเดิมแล้ว นภาก็ไปเสียตำแหน่งด้วยการแพ้น็อกในยกที่ 12 ในการป้องกันครั้งที่ 2 กับ ชเว จอม-ฮวัน นักมวยชาวเกาหลีใต้ ถึงโซล ประเทศของผู้ท้าชิงเอง

หลังเสียแชมป์โลก

แก้

หลังจากเสียตำแหน่งไปแล้ว นภาขึ้นชกอุ่นเครื่องชนะคะแนน โรลันโด ปัสกวา ก่อนจะได้ไปชิงแชมป์โลกกับฮิเดยูกิ โอฮาชิ เมื่อ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2533 ซึ่งนภาเป็นฝ่ายแพ้คะแนนไป จากนั้น นภาขึ้นชกชนะคะแนน ไฮเม อาลีควิน อีกเพียงครั้งเดียวเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2533 นภาก็เลิกชกมวยไปเป็นนักร้องตามคาเฟ่อยู่ระยะหนึ่งในที่สุดก็กลับมาชกมวยอีกครั้งหนึ่งเมื่อ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2534 ชนะคะแนนปาร์ก ยองพิลจากเกาหลีใต้ ชกชนะอีก 2 ครั้ง นภาก็ได้ไปชิงแชมป์โลกที่สหรัฐเมื่อ 14 กันยายน พ.ศ. 2535 แพ้น็อก อุมเบร์โต กอนซาเลซ ยก 2 ที่ลอสแอนเจลิส ในการชิงแชมป์โลกรุ่นไลท์ฟลายเวท (108 ปอนด์) WBC[4] จากนั้น ไปชกที่ญี่ปุ่นเมื่อ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2535 แพ้น็อค อลา วิลล่ามอร์ ยก 2 นภาจึงเลิกชกมวยไปอีกครั้ง

นภาไปเป็นนักร้องตามคาเฟ่อีก แต่เนื่องจากรายได้จากการเป็นนักร้องไม่มั่นคง นภาจึงพยายามกลับมาชกมวยอีกแม้สภาพร่างกายจะไม่ไหว โดยหันมาใช้ชื่อ "นภา เกียรติสมภพ" ขึ้นชกเมื่อ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2539 ชนะคะแนน รามิล นีลเก หลังจากนั้นนภามีปัญหาเกี่ยวกับดวงตาจึงต้องหยุดชกไปอีก จนใน พ.ศ. 2540 ญี่ปุ่นได้ติดต่อนภาไปชกนอกรอบกับนักมวยของตน ซึ่งนภาได้เดินทางไปชกกับคัง ชอลโฮ นักมวยเกาหลีเหนือ เมื่อ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2540 และเป็นฝ่ายแพ้คะแนนไป หลังจากนั้น นภาได้ไปชกที่ญี่ปุ่นอีก 3 ครั้ง ซึ่งนภาแพ้แบบไม่ครบยกทั้งสิ้น หลังจากที่ขึ้นชกครั้งสุดท้าย เมื่อ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2543 แพ้น็อค โอชิยากิ มัตซึมูระ ยก 7 แล้ว นภาก็ไม่ได้ขึ้นชกมวยอีกเลย

ปัจจุบัน นภา เกียรติวันชัย ก็ยังคงประกอบอาชีพเป็นนักร้องตามคาเฟ่หรือสถานบันเทิงต่าง ๆ อยู่เหมือนเดิม แต่ด้วยความที่เป็นนักร้องชายจึงมีรายได้รวมถึงค่าทิปไม่ถึง 10,000 บาทต่อเดือนด้วยซ้ำ จึงมีชีวิตความเป็นอยู่ค่อนข้างขัดสน [5]และยังมีปัญหาสุขภาพด้านดวงตาที่เริ่มจะมองไม่เห็น[1]ซึ่งเริ่มมาจากการชกแพ้น็อกยก 2 กับกอนซาเลซ[2] ในชีวิตความเป็นนักร้องของนภา เคยตกต่ำถึงขนาดได้ค่าตัวเพียงวันละ 20 บาท[1] และยังเคยแสดงนำในมิวสิควีดีโอ เพลง หนุ่มน้อยคาเฟ่ ของสันติ ดวงสว่าง ซึ่งเสมือนเป็นการตีแผ่ชีวิตตัวเอง ซึ่งเพลงนี้ก็กลายมาเป็นเพลงประตัวของนภา ต่อมา นภาได้รับการติดต่อว่าจะมีการช่วยเหลือจากสภามวยโลกด้านการเงินเป็นจำนวน 400 ดอลล่าร์สหรัฐ (ประมาณ 12,000 บาท) ต่อเดือน และจะมีการเพิ่มขึ้นเป็น 500 ดอลล่าร์ในอนาคต[3] แต่จนถึงปัจจุบันก็ไม่ได้มีการช่วยเหลือแต่อย่างใด[6]

เกียรติประวัติ

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 1.2 "ซีรีส์ จน ดัง หมดตัว วัฏจักรนักมวยจริงหรือ? ตอนที่ 1 จากแชมป์โลกสู่นักร้อง 20 บาท". ไทยรัฐ. 22 May 2015. สืบค้นเมื่อ 24 May 2015.
  2. 2.0 2.1 "เปิดชีวิต "นภา เกียรติวันชัย" จากคนจนสู่แชมป์โลก สุดท้ายหมดตัว! 1/2 #ปากโป้ง #ช่อง8 #thaich8". ยูทิวบ์. 28 May 2015. สืบค้นเมื่อ 31 January 2016.
  3. 3.0 3.1 "5เช้าข่าวดี - สภามวยโลกช่วยเงิน 'เวนิช-นภา' 2แชมป์โลกชาวไทย". ยูทิวบ์. 18 June 2013. สืบค้นเมื่อ 6 February 2014.
  4. 22 แชมป์โลกชาวไทย, นิตยสารคนเด็ด (ฉบับพิเศษ) โดย สำนักพิมพ์ดวงตา พ.ศ. 2538
  5. ชายพจน์. มวยดังไทยแลนด์ในอดีต: ไอ้จิ๋ว นภา เกียรติวันชัย นักชกไทยคนที่สองที่ได้แชมป์จากต่างแดน.นิตยสารมวยโลก. ฉบับที่ 870 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 หน้า 45 - 47
  6. "เปิดชีวิต "นภา เกียรติวันชัย" จากคนจนสู่แชมป์โลก สุดท้ายหมดตัว! 2/2 #ปากโป้ง #ช่อง8 #thaich8". ยูทิวบ์. 28 May 2015. สืบค้นเมื่อ 31 January 2016.

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้