ธรรมจักร
ธรรมจักร (สันสกฤต: धर्मचक्र; บาลี: dhammacakka) หรือ กงล้อแห่งธรรม เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้แพร่หลายในศาสนาอินเดีย เช่น ศาสนาฮินดู, ไชนะ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในศาสนาพุทธ[1][2]
ต้นกำเนิด
แก้สัญลักษณ์กงล้อ/จักรเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์อินเดีย นักวิชาการ Madhavan และ Parpola ระบุว่าสัญลักษณ์กงล้อปรากฏมากในโบราณวัตถุจากอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ โดยเฉพาะบนตราประทับหลาย ๆ ตรา[3] ตัวอย่างชิ้นสำคัญคือเป็นหนึ่งในสิบสัญลักษณ์บนป้ายโธลาวีรา[3] ปรากฏเป็นสัญลักษณ์แทนดวงอาทิตย์ตั้งแต่ราว 2500 ปีก่อน ค.ศ.[4]
นักประวัติศาสตร์บางส่วนเชื่อมโยงจักรโบราณเข้ากับลัทธิสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์[5] ในพระเวท พระสุริยะอวตารในปางพระมิตรมีการบรรยายว่าเป็น "ดวงตาของโลก" ในแง่นี้พระอาทิตย์จึงอาจมองเป็นดวงตา (จักษุ) ซึ่งให้ความสว่างและการมองเห็นแก่โลก[6] ฉะนั้นจึงมีการเชื่อมโยงแนวคิดจักรเข้ากับแสงสว่างหรือปัญญา
ในศาสนาพุทธ
แก้ในศาสนาพุทธ ธรรมจักรปรากฏใช้ทั่วไปเพื่อสื่อถึงธรรมของพระพุทธเจ้า, บ้างใช้เป็นสัญลักษณ์แทนพระโคตมพุทธเจ้า และใช้แทนหนทางสู่การตรัสรู้ ปรากฏใช้เช่นนี้นับตั้งแต่ศาสนาพุทธยุคแรก[7][1][note 1] บางครั้งปรากฏเชื่อมโยงธรรมจักรเข้ากับอริยสัจสี่, อริยมรรคแปด และ ปฏิจจสมุปบาท
ธรรมจักรที่ปรากฏใช้ในยุคก่อนศาสนาพุทธถือว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์อัษฏมงคล[8][note 2] และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่เก่าแก่ที่สุดของศิลปะอินเดีย[7][7][note 1]
ตามธรรมเนียมพุทธระบุว่า พระพุทธเจ้าทรงเริ่มหมุนกงล้อแห่งธรรมครั้งแรกเมื่อทรงแสดงปฐมเทศนา[9] ดังที่ปรากฏใน ธัมมจักกัปปวัตนสูตร การ "หมุนกงล้อแห่งธรรม" นี้เป็นการแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่มีผลต่อจักรวาล เข้าใจว่าศาสนาพุทธรับเอาแนวคิดของกงล้อในฐานะสัญลักษณ์มาจาก แนวคิดปรัมปราอินเดียของ จักรวรรติน ("ผู้หมุนกงล้อ", หรือ "จักรพรรดิแห่งเอกภพ")[4][9] แนวคิดนี้ถูกรับมาแทนพระโคตมพุทธเจ้าในฐานะมหาปุริษา ในฐานผู้หมุนกงล้อ ("จักรวรรติน") ในทางจิตวิญญาณ แทนที่จะเป็นการหมุนกงล้อในทางโลกตามความหมายดั้งเดิมของจักรวรรติน[10]
ในการตีความ "การหมุนกงล้อแห่งธรรม" นั้น พระพุทธโฆษาจารย์ ภิกษุองค์สำคัญในธรรมเนียมเถรวาท อธิบายว่า "กงล้อ" ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงหมุนนี้ เข้าใจหลัก ๆ ในแง่ว่าเป็นปัญญา ความรู้ และญาณ ปัญญาที่ว่านี้มีสองแง่มุม คือ ปฏิเวธญาณ (paṭivedha-ñāṇa) หรือปัญญาแห่งการรู้ตนถึงความจริง และ เทศนาญาณ (desanā-ñāṇa) ปัญญาของการประกาศความจริง[6]
ปรากฏการออกแบบธรรมจักรมีซี่ที่แตกต่างกัน โดยที่พบมากคือ 8, 12, 24 หรือมากกว่านั้น การตีความจำนวนนี้แตกต่างกันไปตามธรรมเนียม โดยทั่วไปมักตีความถึงคำสอนต่าง ๆ ของพระพุทธเจ้า เช่น ในธรรมเนียมทิเบตตีความกงล้อ 8 ซี่ว่าแทนมรรคแปด และองค์ประกอบสามส่วนของจักร คือ ตุมล้อ, ขอบ และ ซี่ แทนการปฏิบัติสามประการของพระพุทธเจ้า (ศีล, สมาธิ และ ปัญญา)[11] หรือในคติเถรวาทแบบไทย ตีความจักร 12 ซี่ หมายถึงปฏิจจสมุปบาทสิบสอง หรือ 31 ซี่ หมายถึง ภูมิทั้ง 31 (กามภูมิ 11 รูปภูมิ 16 และอรูปภูมิ 4) เป็นต้น นอกจากนี้ยังปรากฏการแทนความหมายของวงล้อที่หมุนไปในฐานะวงล้อของการเวียนว่ายตายเกิด (สังสารวัฏ) ซึ่งเรียกจักรในความหมายนี้ว่า "สงสารจักร" หรือ "สังสารจักร" และ "ภวจักร"[6]
ในการใช้งานแบบอื่น ๆ
แก้ปรากฏธรรมจักรเป็นสัญลักษณ์ในศรมัณของศาสนาไชนะ และบางครั้งปรากฏบนเทวรูปของตีรถังกร[12][13][14] และในภควัทคีตา ปรากฏแนวคิดของธรรมจักรและการหมุนกงล้อเช่นกัน[15]
อโศกธรรมจักร 24 ซี่ ปรากฏในธงชาติอินเดีย เพื่อแทนแนวคิดของธรรมในศาสนาอินเดียโดยรวม[16] และตราแผ่นดินอินเดียซึ่งเป็นภาพของหัวเสาอโศกรูปสิงห์จากสาญจีก็ปรากฏธรรมจักรบนนั้น[17] สรเวปัลลี รธากฤษณัน รองประธานาธิบดีคนแรกของอินเดียระบุว่าอโศกจักรในสัญลักษณ์ของชาติอินเดียนั้นแทน "กงล้อของกฎหมายของธรรม" และ "ความจริงหรือสัตยะ" (ดังที่ปรากฏในคำขวัญประจำชาติ สัตยเมวชยเต), "คุณธรรม" และ "ดารเคลื่อนไหว" ในแง่ของ "พลวัตของการเปลี่ยนแปลงอย่างสันติ"[16]
หมายเหตุ
แก้- ↑ 1.0 1.1 Grünwedel e.a.:"The wheel (dharmachakra) as already mentioned, was adopted by Buddha's disciples as the symbol of his doctrine, and combined with other symbols—a trident placed above it, etc.—stands for him on the sculptures of the Asoka period."[7]
- ↑ Goetz: "dharmachakra, symbol of the Buddhist faith".[8]
อ้างอิง
แก้- ↑ 1.0 1.1 John C. Huntington, Dina Bangdel, The Circle of Bliss: Buddhist Meditational Art, p. 524.
- ↑ "Buddhist Symbols". Ancient-symbols.com. สืบค้นเมื่อ 22 June 2018.
- ↑ 3.0 3.1 The Ancient Indus Valley: New Perspectives By Jane McIntosh. p. 377
- ↑ 4.0 4.1 Beer 2003, p. 14.
- ↑ Issitt, Micah. Main, Carlyn. (2014). Hidden Religion: The Greatest Mysteries and Symbols of the World's Religious Beliefs, ABC-CLIO, p. 185.
- ↑ 6.0 6.1 6.2 T. B. Karunaratne (1969), The Buddhist Wheel Symbol, The Wheel Publication No. 137/138, Buddhist Publication Society, Kandy • Sri Lanka.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 7.3 Grünwedel 1901, p. 67.
- ↑ 8.0 8.1 Goetz 1964, p. 52.
- ↑ 9.0 9.1 Pal 1986, p. 42.
- ↑ Ludowyk, E.F.C. (2013) The Footprint of the Buddha, Routledge, p. 22.
- ↑ A Lamp Illuminating the Path to Liberation: An Explanation of Essential Topics for Dharma Students by Khenpo Gyaltsen (translated by Lhasey Lotsawa Translations, Nepal: 2014, pp. 247–248).
- ↑ Framing the Jina: Narratives of Icons and Idols in Jain History, p. 314, by John Cort, Oxford University
- ↑ Asha Kalia, Art of Osian Temples: Socio-economic and Religious Life in India, 8th–12th Centuries A.D. Abhinav Publications, 1982, chapter 16.
- ↑ Sharma, Savita (1990). Early Indian Symbols: Numismatic Evidence, Agam Kala Prakashan, 1990 p. 51.
- ↑ "The Bhagavad-gita" (PDF). Vivekananda.net. สืบค้นเมื่อ 22 June 2018.
- ↑ 16.0 16.1 "The national flag code" (PDF). Mahapolice.gov.in. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 15 December 2017. สืบค้นเมื่อ 22 June 2018.
- ↑ Kamal Dey v. Union of India and State of West Bengal, [1] (Calcutta High Court 2011-07-14).
บรรณานุกรม
แก้- Anthony, David W. (2007), The Horse The Wheel and Language. How Bronze-Age Riders From The Eurasian Steppes Shaped The Modern World, Princeton University Press
- Beer, Robert (2003), The Handbook of Tibetan Buddhist Symbols, Serindia Publications, Inc., ISBN 978-1932476033
- Day, Terence P. (1982), The Conception of Punishment in Early Indian Literature, Ontario: Wilfrid Laurier University Press, ISBN 0-919812-15-5
- Goetz, Hermann (1964), The art of India: five thousand years of Indian art, Crown
- Grünwedel, Albert; Gibson, Agnes C.; Burgess, James (1901), Buddhist art in India, Bernard Quaritch
- Harrison, Jane Ellen (2010) [1912], Themis: A Study of the Social Origins of Greek Religion, Cambridge University Press
- Hiltebeitel, Alf (2007), Hinduism. In: Joseph Kitagawa, "The Religious Traditions of Asia: Religion, History, and Culture". Digital printing 2007, Routledge
- Inden, Ronald (1998), Ritual, Authority, And Cycle Time in Hindu Kingship. In: JF Richards, ed., "Kingship and Authority in South Asia", New Delhi: Oxford University Press
- Mallory, J.P. (1997), Encyclopedia of Indo-European Culture, London: Fitzroy Dearborn Publishers, ISBN 978-1-884964-98-5
- Nath, Vijay (March–April 2001), "From 'Brahmanism' to 'Hinduism': Negotiating the Myth of the Great Tradition", Social Scientist, 29 (3/4): 19–50, doi:10.2307/3518337, JSTOR 3518337
- Pal, Pratapaditya (1986), Indian Sculpture: Circa 500 B.C.–A.D. 700, University of California Press
- Queen, Christopher S.; King, Sallie B. (1996), Engaged Buddhism: Buddhist liberation movements in Asia., SUNY Press
- Samuel, Geoffrey (2010), The Origins of Yoga and Tantra. Indic Religions to the Thirteenth Century, Cambridge University Press
- Yan, Xiaojing (2009), The confluence of East and West in Nestorian Arts in China. In: Dietmar W. Winkler, Li Tang (eds.), Hidden Treasures and Intercultural Encounters: Studies on East Syriac Christianity in China and Central Asia, LIT Verlag Münster
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร. พระไตรปิฏกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก [2]. เข้าถึงเมื่อ 9-6-52
- หนังสือศัพท์วิเคราะห์ โดยพระมหาโพธิวงศาจารย์ (ทองดี สุรเตโช): แม่บทแห่งธรรม ธัมมจักกัปปวัตนสูตร