ธงชาติเขตปกครองตนเองทิเบต เริ่มปรากฏการใช้เมื่อ พ.ศ. 2455 โดยทะไลลามะองค์ที่ 13 แห่งทิเบต ทรงออกแบบขึ้น โดยรวมเอาธงประจำกองทัพของชาวทิเบตในทุกเขตแขวงมาสร้างขึ้นเป็นธงเดียว ดังที่ปรากฏในปัจจุบัน ธงนี้ได้ใช้เป็นสัญลักษณ์ของกองทัพชาวทิเบตทั้งหมดมาจนถึง พ.ศ. 2493 เนื่องจากกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนได้บุกเข้ายึดครองทิเบต และสถาปานาดินแดนแห่งนี้เป็นเขตปกครองตนเองพิเศษของสาธารณรัฐประชาชนจีน[1]

ธงชาติทิเบต สัดส่วนธง 2:3

ในปัจจุบัน ธงนี้ยังคงใช้เป็นสัญลักษณ์ของรัฐบาลทิเบตพลัดถิ่น ซึ่งตั้งมั่นอยู่ที่เมืองธรรมศาลา ประเทศอินเดีย ส่วนในสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งรวมถึงเขตปกครองตนเองทิเบตในปัจจุบัน ถือว่าเป็นธงนอกกฎหมาย เพราะเป็นสัญลักษณ์ของขบวนการเรียกร้องเอกราชของชาวทิเบต [1]

อย่างไรก็ตาม การแสดงธงชาติทิเบตในฮ่องกงนั้น รัฐบาลท้องถิ่นมองว่าเป็นการแสดงออกถึงเสรีภาพของชาวทิเบต เนื่องจากว่าเขตบริหารพิเศษฮ่องกงนั้นมีกฎหมายบางส่วนที่บทบัญญัติใช้ในเขตการปกครองของตนแยกจากกฎหมายหลักของสาธารณรัฐประชาชนจีน[2]

ประวัติ

แก้

การออกแบบ

แก้
 
กองทหารราบทิเบต เชิญธงประจำกองเข้าพิธีสวนสนาม ในกรุงลาซา ค.ศ. 1938.

ตลอดช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18 ดินแดนทิเบตนั้นไม่มีกองทัพของตนเองประจำการ ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 หลังจากที่จักรวรรดิจีนสมัยราชวงศ์ชิงได้ป้องกันทิเบตไว้จากการรุกรานของเนปาล ในฐานะที่ทิเบตเป็นดินแดนประเทศราช รัฐบาลราชวงศ์ชิงจึงได้ออกมาตรการ 29 ข้อ ซึ่งเรียกว่า "ข้อบังคับยี่สิบเก้าประการเพื่อการปกครองที่ดีกว่าในทิเบต" ("Twenty-Nine Regulations for Better Government in Tibet")[3]

ในข้อที่สี่ของมาตรการดังกล่าว ได้ระบุว่า

"การขาดแคลนกองทหารของทางการในภูมิภาคทิเบตได้นำมาซึ่งการเกณฑ์ทหารอย่างฉุกเฉินในห้วงเวลาอันวิกฤต ซึ่งเป็นที่มาของความเดือดร้อนแห่งราษฎรชาวทิเบต องค์จักรพรรดิจึงได้มีพระบรมราชโองการให้ดินแดนทิเบตจัดตั้งกองทหารขึ้น โดยมีกำลังพลรวม 3,000 คน ให้แบ่งกำลังดูแลชายแดนด้านหน้า 1,000 คน ดูแลชายแดนด้านหลัง 1,000 คน ให้รักษาเมือง Shigatse และเมือง Dingri เมืองละ 500 คน"

กองทหารทั้ง 3,000 คนนี้เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ กองทหารราบทิเบต ("Tibetan Infantry") โดยที่มีการพิจารณาว่า ธงประจำกองทหารเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการฝึกทหารประจำวัน รัฐบาลจีนส่วนกลางจึงมีคำสั่งให้กองทหารราบทิเบตใช้ "ธงกิเลน" เป็นธงประจำกองทัพ ธรรมเนียมดังกล่าวนี้ยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน จากการที่รัฐบาลพลัดถิ่นของทิเบตยังคงใช้ "ธงกิเลน" นี้เป็นสัญลักษณ์ของตนอย่างเป็นทางการ

ความหมาย

แก้

เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของรัฐบาลทิเบตพลัดถิ่น ได้อธิบายหมายของธงชาติทิเบตไว้ดังนี้[4]

  • รูปสามเหลี่ยมสีขาวที่กลางธงแทนภาพภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะในทิเบต หมายถึง ความยิ่งใหญ่ของประเทศทิเบต อันได้ชื่อว่าเป็น "ดินแดนที่ล้อมรอบด้วยภูเขาหิมะ" (Land Surrounded by Snow Mountains)
  • บนพื้นสีน้ำเงินเข้มมีรัศมีสีแดง 6 เส้นฉายออกมาจากยอดภูเขาหิมะ หมายถึง ชนเผ่าอันเป็นบรรพบุรุษแห่งชาวทิเบตทั้ง 6 เผ่า ได้แก่ เผ่าเซ (Se) เผ่ามู (Mu) เผ่าดง (Dong) เผ่าตง (Tong) เผ่าดรู (Dru) และเผ่ารา (Ra) ซึ่งได้มีผู้สืบเชื้อสายต่อมาถึง 12 สาย และส่วนพื้นสีน้ำเงินเข้มนั้นหมายถึงท้องฟ้า
  • บนยอดภูเขาหิมะนั้นมีดวงอาทิตย์เปล่งรัศมีไปทุกทิศ หมายถึง ความยินดีในเสรีภาพ ความสุขทั้งในด้านวัตถุและจิตใจ และความสุขสมบูรณ์ของทุกชีวิตในดินแดนทิเบต
  • ที่ฐานของภูเขาหิมะสีขาว มีรูปกิเลนหรือสิงโตหิมะยืนหันหน้าเข้าหากัน เท้าหน้าข้างหนึ่งของกิเลนแต่ละตนนั้นชูคบไฟแห่งความไม่หวาดหวั่น หมายถึง ความสำเร็จอย่าผู้มีชัยในการรวมวิถีชีวิตทั้งทางโลกและทางธรรมเข้าไว้ด้วยกัน
  • แก้วมณีสามดวงอันงดงามและเปล่งประกายอยู่ในดวงไฟที่กิเลนคู่ชูไว้ หมายถึงพระรัตนตรัย หรือดวงแก้วทั้งสามในพระพุทธศาสนา คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวทิเบตทั้งมวล
  • ดวงแก้วทรงกลมภายในเป็นลายเกลียวสองสี ซึ่งอยู่ระหว่างเท้าหน้าของกิเลนทั้งสอง อันมีลักษณะคล้ายสัญลักษณ์หยิน-หยางของลัทธิเต๋า หมายถึง หลักการปกป้องและคุ้มครองตนของมนุษย์ในการดำรงตนอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
  • ขอบธงสีเหลืองที่ล้อมรอบสามด้าน หมายถึง พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอันบริสุทธิ์ ซึ่งแพร่หลายและเจริญรุ่งเรืองไปทั่วในทุกสารทิศ
  • ขอบธงด้านที่ไม่มีขอบสีเหลือง หมายถึง ทิเบตมีความเปิดกว้างต่อลัทธิความเชื่ออื่นๆ ที่ไม่ใช่พระพุทธศาสนา [5]

อ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 The flag was not completely banned from 1951 to 1959 as exceptional case exists, see Melvyn C. Goldstein, Dawei Sherap, and William R. Siebenschuh, A Tibetan revolutionary : the political life and times of Bapa Phuntso Wangye, University of California Press, 2004, pp174-175
  2. http://www.info.gov.hk/gia/general/200804/24/P200804240241.htm http://www.info.gov.hk/gia/general/200804/24/P200804240242.htm
  3. Goldstein, Melvyn C. "The Snow Lion and the Dragon". University of California Press, 1997. Pg. 19
  4. "ความหมายธง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-05-09. สืบค้นเมื่อ 2008-02-27.
  5. From The International Campaign for Tibet เก็บถาวร 2008-03-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้