พันเอก ณฐพงศ์ บัวแย้ม เป็นผู้ฝึกสอนทั้งวิชากระบี่กระบองและมวยคาดเชือก ซึ่งได้ทำการฝึกสอนมาเป็นเวลากว่าสองทศวรรษ[1][2] รวมถึงเป็นผู้ได้รับการเชื้อเชิญจากแดน อีโนซันโต ซึ่งเป็นอาจารย์ของบรูซ ลี ให้เดินทางไปสอนวิชากระบี่กระบอง ให้แก่สถาบันอีโนซันโตอะคาเดมีออฟมาเชียลอาร์ต ณ ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา[3]

พันเอก ณฐพงศ์ บัวแย้ม
เกิด ไทย
อาชีพผู้ฝึกสอนกระบี่กระบองและมวยคาดเชือก
คู่สมรสดวงเดือน
บุตรนันทิดา บัวแย้ม
เอกพล บัวแย้ม
รางวัลแชมป์กระบี่กระบองแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2510

ประวัติ แก้

พันเอก ณฐพงศ์ บัวแย้ม เป็นผู้ฝึกสอนศิลปะการต่อสู้ทุกรูปแบบของโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า มาเป็นระยะเวลากว่า 22 ปี[1] โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกระบี่กระบอง[4] นอกจากนี้ เขายังมีผลงานด้านการวิจัยของวิทยาลัยเสนาธิการทหาร รุ่นที่ 36 ที่ซึ่งเขาได้ทำการวิจัยเรื่อง ศักยภาพและบทบาททางทหารในกลุ่มอาเซียน[5]

พ.ศ. 2553 พันเอก ณฐพงศ์ ได้เคยเปรียบเทียบศิลปะการต่อสู้เทควันโดของเกาหลี ว่าไม่สามารถเทียบได้กับกระบี่กระบองหรือแม้แต่มวยไทย เนื่องด้วยมีรูปแบบการโจมตีที่สามารถใช้เป็นอาวุธพลิกแพลงได้รอบตัว อย่างไรก็ตาม เขาได้เปิดเผยถึงความนิยมของเทควันโดในประเทศไทยนั้นมีมากกว่ากระบี่กระบอง โดยมีโรงเรียนเปิดสอนเทควันโดหลายแห่งในประเทศไทย ในขณะที่โรงเรียนสอนกระบี่กระบองได้ทยอยปิดจนแทบไม่เหลือให้เยาวชนไทยได้ศึกษา แม้กระทั่งโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าที่เคยเปิดสอนเป็นวิชาบังคับก็ไม่มีการสอนในภายหลัง ส่วนศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่พอจะเทียบเคียงกระบี่กระบองของไทยได้คือมวยจีนแห่งวัดเส้าหลิน[3]

เขายังได้แสดงให้เห็นว่ากระบี่กระบองเป็นการต่อสู้ป้องกันตัวขั้นสูงสุดขึ้นไปอีกระดับ เนื่องด้วยต้องใช้วิชามวยไทยรวมเข้ากับอาวุธหลากชนิด ทั้งอาวุธสั้นและอาวุธยาว ด้านการฝึกสอนในระดับนานาชาติ แดน อีโนซันโต ผู้เป็นอาจารย์ของบรูซ ลี ได้ทำการเชิญให้ณฐพงศ์เดินทางไปสอนวิชากระบี่กระบองที่ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ครั้งแรกใน พ.ศ. 2541 ซึ่งมีผู้มาเรียนที่ประมาณ 20 ถึง 30 คน เป็นระยะเวลาประมาณ 20 วัน ครั้นเมื่อเขาเดินทางกลับประเทศไทย แดน อีโนซันโต ก็ได้เดินทางตามมาเพื่อเรียนวิชาจากเขาอีก โดยณฐพงศ์ได้พาเขามารับการฝึกที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร

ส่วนการสอนครั้งที่สองคือ พ.ศ. 2543 ซึ่งเขาได้รับการเชิญให้ไปทำการฝึกสอนที่สหรัฐอเมริกาอีกครั้ง โดยคราวนี้ได้เดินทางไปสอนหลายแห่งเป็นระยะเวลาหกเดือน รวมถึงได้มีการจัดสัมมนาที่ค่ายมวยไทยของสุรชัย ศิริสูตร์ ในรัฐออริกอน ซึ่งมีผู้มาลงทะเบียนเรียนจากหลายประเทศเป็นจำนวนมาก

และภายหลังจากที่มีการจัดฉายภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อเขาได้เดินทางไปทำการสอนที่สหรัฐอเมริกาเป็นครั้งที่สามในปี พ.ศ. 2552 ปรากฏว่ามีชาวต่างชาติมาเรียนร่วม 150 คน ทั้งจากฝรั่งเศส, เบลเยียม, เยอรมนี, อิตาลี และออสเตรเลีย โดยได้เดินทางมาศึกษา เพื่อนำความรู้ที่ได้รับไปเปิดสอนในประเทศของตัวเองต่อไป[3]

นอกจากนี้ ดร.มาร์ค เช็ง ซึ่งเป็นคอลัมนิสต์ของนิตยสารแบล็คเบลท์ ยังได้เคยเรียนวิชามวยไทยโบราณและกระบี่กระบองจากพันเอก ณฐพงศ์ บัวแย้ม และได้นำเสนอเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านทางนิตยสารดังกล่าว[6]

ชีวิตส่วนตัว แก้

ด้านชีวิตส่วนตัว พันเอก ณฐพงศ์ มีภรรยาชื่อดวงเดือน ชื่อเล่น เดือน (ภรรยาของเขาเป็นลูกสาวของนายดวงแขม ผู้เป็นบุตรของขุนปฏิเวชบรรณกิจ (แขม)) และมีบุตรธิดาด้วยกันคือ นันทิดา บัวแย้ม ชื่อเล่น แก้ม และเอกพล บัวแย้ม ชื่อเล่น เก่ง[7]

เกียรติประวัติ แก้

ผู้รับการฝึกสอนที่มีชื่อเสียง แก้

อ้างอิง แก้

  1. 1.0 1.1 1.2 Mongkol 9 (Honorary) - Master Muaythai Association
  2. "Muay Boran Technique and Accessories Demonstration". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-08-04. สืบค้นเมื่อ 2014-03-26.
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 สังคมยากปรองดอง กระบี่กระบองช่วยได้​ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
  4. "PAMA Newsletter - August 2009". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-12-08. สืบค้นเมื่อ 2014-03-26.
  5. "เอกสารวิจัยนักศึกษาวิทยาลัยเสนาธิการทหาร รุ่นที่ 36". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 2014-03-26.
  6. 6.0 6.1 6.2 "Muay Boran and Krabi Krabong Videos Show Two of Thailand's Martial Arts in Action!". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-03-26. สืบค้นเมื่อ 2014-03-26.
  7. "มูลนิธิสกุล ณ นคร และสายสัมพันธ์ เมืองพังงา". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2014-03-26.

แหล่งข้อมูลอื่น แก้