ชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์
ชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ (เกิด 24 ธันวาคม พ.ศ. 2504)[1] สมาชิกอดีตสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรครักประเทศไทย อดีตเลขาธิการพรรคต้นตระกูลไทย พรรคสู้เพื่อไทย และพรรครักประเทศไทย
ชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ | |
---|---|
เลขาธิการพรรครักประเทศไทย | |
ดำรงตำแหน่ง 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 – 9 มกราคม พ.ศ. 2555 | |
ถัดไป | สุพัสรา นราแย้ม |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 24 ธันวาคม พ.ศ. 2504 จังหวัดนครศรีธรรมราช ประเทศไทย |
พรรคการเมือง | ประชาธิปัตย์ |
การศึกษา
แก้ชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ จบการศึกษาชั้นมัธยมต้น จากโรงเรียนชิโนรสวิทยาลัย จบชั้นมัธยมปลาย จากโรงเรียนเทพศิรินทร์ จากนั้นได้ศึกษาจนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขานิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง และปริญญาโท จากคณะพัฒนาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
การทำงาน
แก้ชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ ประกอบอาชีพเป็นทนายความ เริ่มทำงานประจำที่สำนักงานบำรุงสุวิชา อภิศักดิ์ ต่อมาจึงได้เข้าร่วมงานทางการเมืองร่วมกับพรรคความหวังใหม่ พรรคกิจสังคม และลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตที่ 3 สังกัดพรรคถิ่นไทย[1] แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง จากนั้น ได้ย้ายมาร่วมงานการเมืองกับชูวิทย์ และเป็นเลขาธิการพรรคซึ่งชูวิทย์ก่อตั้ง ได้แก่ พรรคต้นตระกูลไทย พรรคสู้เพื่อไทย
ในระหว่างที่ชูวิทย์ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งของชูวิทย์ จากนั้น ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 11 สังกัดพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา แต่ไม่ได้รับเลือกตั้งอีก ก็ย้ายกลับมาทำงานกับชูวิทย์ ในการจัดตั้งพรรคการเมือง ชื่อ พรรครักประเทศไทย ซึ่งในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 ได้ลงสมัคร ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรครักประเทศไทย ในลำดับที่ 2[2] และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สมัยแรกในการเลือกตั้งครั้งนี้
ต่อมาในเดือนมกราคม พ.ศ. 2555 ได้ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรครักประเทศไทย แต่เกิดข้อขัดแย้งกับชูวิทย์ในเรื่องการลาออกจากสมาชิกพรรค โดยชูวิทย์ไม่พอใจที่ชัยวัฒน์ลงมติไว้วางใจพลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก และความสนิทสนมกับจตุพร พรหมพันธุ์[3] ชูวิทย์ได้แถลงข่าวพร้อมทั้งนำวิดีโอการสนทนากับชัยวัฒน์ โดยมีใจความว่าชัยวัฒน์ มีส่วนได้ผลประโยชน์จากการสร้างถนนในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช[4] วันที่ 31 มกราคม 2556 กกต. มีมติเห็นชอบให้เสนอเรื่องไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการสิ้นสุดความเป็นสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย ของชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ ตามที่คณะกรรมการไต่สวนของกกต.เสนอ ซึ่งความเห็นของคณะกรรมการไต่สวนเห็นว่า การที่ชัยวัฒน์ลงลายมือชื่อในหนังสือลาออกจากเป็นสมาชิกพรรครักประเทศไทยจริง ตามกฎหมายแล้ว ถือว่าเมื่อหนังสือลาออกของชัยวัฒน์ ยื่นถึงนายทะเบียนสมาชิกพรรค การลาออกนั้นเป็นอันสมบูรณ์ จึงส่งผลให้สิ้นสุดสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 (7)
ในปี พ.ศ.2562 เขาลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ[5] แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง
ในปี พ.ศ.2566 เขาลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
แก้- พ.ศ. 2555 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)[6]
- พ.ศ. 2554 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)[7]
อ้างอิง
แก้- ↑ 1.0 1.1 ประวัติผู้สมัคร ส.ส.[ลิงก์เสีย]กรมการปกครอง
- ↑ รายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมนโยบายของพรรคการเมือง เก็บถาวร 2011-06-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีนจากเว็บไซต์ สำนักงาน กกต. สืบค้นวันที่ 3 มิถุนายน 2554
- ↑ "ชูวิทย์"ยื่นหนังสือ กกต. หลัง"ชัยวัฒน์-โปรดปราน"ลาออกสมาชิกพรรค[ลิงก์เสีย]
- ↑ 'ชูวิทย์'งัดคลิปวิดีโอแฉ ยืนยัน'ชัยวัฒน์'เซ็นลาออกเอง
- ↑ 150ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อชาติ เด็กจตุพร-ยงยุทธเพียบ
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๕ เก็บถาวร 2022-02-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๙ ตอนที่ ๓๕ ข หน้า ๗๔, ๓ ธันวาคม ๒๕๕๕
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๔ เก็บถาวร 2022-09-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๘ ตอนที่ ๒๔ ข หน้า ๑๘๓, ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔
ก่อนหน้า | ชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
ไม่มี | เลขาธิการพรรครักประเทศไทย (18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 - 9 มกราคม พ.ศ. 2555) |
สุพัสรา นราแย้ม |