จาง จั้วหลิน
จาง จั้วหลิน[a] (19 มีนาคม ค.ศ. 1875 – 4 มิถุนายน ค.ศ. 1928) เป็นขุนศึกชาวจีน ผู้ปกครองแมนจูเรียตั้งแต่ ค.ศ. 1916 ถึง ค.ศ. 1928 เป็นผู้นำก๊กเฟิ่งเทียน อันเป็นหนึ่งในกลุ่มการเมืองที่สำคัญที่สุดในสมัยขุนศึกของจีน ในช่วงบั้นปลายชีวิต จางได้สถาปนาตนเองเป็นประธานาธิบดีสาธารณรัฐจีนในช่วงเวลาสั้น ๆ
จาง จั้วหลิน | |
---|---|
張作霖 | |
![]() จาง จั้วหลิน ในเครื่องแบบทหาร | |
จอมพลสูงสุดแห่งรัฐบาลทหารจีน | |
ดำรงตำแหน่ง 18 มิถุนายน ค.ศ. 1927 – 4 มิถุนายน ค.ศ. 1928 | |
หัวหน้ารัฐบาล | พัน ฟู่ |
ก่อนหน้า | กู้ เหวย์จฺวิน (ประธานาธิบดีรักษาการ) |
ถัดไป | ถาน หยานไข่ (ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลคณะชาติ) |
ขุนศึกแมนจูเรีย | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 1922 – 4 มิถุนายน ค.ศ. 1928 | |
ถัดไป | จาง เสฺวเหลียง |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 19 มีนาคม ค.ศ. 1875 ไห่เฉิง มณฑลเหลียวหนิง จักรวรรดิชิง |
เสียชีวิต | 4 มิถุนายน ค.ศ. 1928 เฉิ่นหยาง มณฑลเฟิ่งเทียน สาธารณรัฐจีน | (53 ปี)
ลักษณะการเสียชีวิต | ถูกลอบสังหาร |
เชื้อชาติ | จีน |
พรรคการเมือง | ก๊กเฟิ่งเทียน |
คู่สมรส |
|
บุตร | 14 คน รวมถึง: |
ชื่อเล่น | นายพลเก่า นายพลสายฝน พยัคฆ์แห่งมุกเดน ราชาแห่งทิศอีสาน |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
รับใช้ | |
ประจำการ | ค.ศ. 1900–1928 |
ยศ | มหานายพลแห่งสาธารณรัฐจีน, จอมพลสูงสุด |
ผ่านศึก | |
เขาเป็นบุตรชายของครอบครัวชาวนาผู้ยากจนในแมนจูเรีย[1] เมื่ออายุได้ยี่สิบปี เขาถูกเกณฑ์เป็นทหารม้าในการต่อสู้สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (ค.ศ. 1894-1895)[2] ต่อมาเมื่อสงครามสิ้นสุดลง เขาจึบเดินทางกลับบ้านเกิดและผันตัวไปเป็นโจร[2] ซึ่งในช่วงเวลานี้เองที่เขาเริ่มมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุคคลบางกลุ่มที่ต่อมาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของก๊กทหารของเขา[3] สืบเนื่องจากความอ่อนแอของราชสำนักหลังจากเหตุการณ์กบฏนักมวย ทำให้กลุ่มโจรเป็นเพียงกองกำลังทหารที่สำคัญหนึ่งเดียวในภูมิภาค เป็นเหตุให้ทางการเริ่มเข้าหากลุ่มโจรเหล่านี้มากขึ้น[3] และทำให้กลุ่มโจรของจางเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพใน ค.ศ. 1903[4] ภายหลังสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่นยุติลง กองกําลังของจางยังคงมีรักษาสถานะที่คลุมเครือของตนไว้ระหว่างกองทหารปกติกับกลุ่มคนนอกกฎหมาย[5]
เขามีบทบาทสำคัญในการบดขยี้การปฏิวัติซินไฮ่ในมณฑลเฟิ่งเทียนในช่วง ค.ศ. 1911-1912[6] ต่อมาเมื่อ ค.ศ. 1916 เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ว่าราชการพลเรือนและทหารของมณฑล และใน ค.ศ. 1919 เขาได้รับอำนาจควบคุมเหนือพื้นที่สามมณฑลทางตะวันออกเฉียงเหนือ (มณฑลเฟิ่งเทียน มณฑลจี๋หลิน และมณฑลเฮย์หลงเจียง)[6] โดยเขาควบคุมดินแดนเหล่านี้จนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมใน ค.ศ. 1928 ในฐานะผู้นำก๊กเฟื่งเทียน[6] จางถือเป็นหนึ่งในขุนศึกที่สำคัญที่สุดคนหนึ่งของจีน โดยตั้งแต่ ค.ศ. 1918 เขาเริ่มขยายอำนาจไปยังมองโกเลียและที่ราบทางตอนเหนือของจีน[6] ในช่วงต้น ค.ศ. 1925 เขากลายเป็นผู้นําทหารที่มีอํานาจมากที่สุดในภาคเหนือของประเทศ[6] และตกเป็นเป้าหมายสำคัญในเหตุการณ์กรีธาทัพขึ้นเหนือเมื่อ ค.ศ. 1926 ที่นำโดยก๊กมินตั๋ง ซึ่งเป็นคู่แข่งทางการเมืองและเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาลของจางในปักกิ่ง[6]
เขาสามารถสร้างอิทธิพลต่อการเมืองระดับชาติได้ด้วยทรัพยากรอันมหาศาลที่เขาได้รับจากการแสวงประโยชน์ในมณฑลทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่มั่งคั่ง มีประชากรเบาบาง และอยู่ในระดับการพัฒนาเต็มที่ รวมถึงยังได้รับการหนุนหลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง[7] ฝ่ายการเมืองของจางส่วนใหญ่ก็เป็นผู้บริหารที่มีทักษะทั้งทางทหารและพลเรือน ซึ่งยังคงซื่อสัตย์ต่อเขาโดยแท้จริง[7] จางมีแนวคิดที่โน้มเอียงไปทางต่อต้านชาตินิยมและลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งนำไปสู่การปราบปรามการประท้วงอย่างรุนแรงตามเขตเมืองทั่วประเทศใน ค.ศ. 1925[8] การดำรงอยู่ซึ่งอำนาจของเขาในช่วงกลางทศวรรษนั้นเกิดจากการสนับสนุนของญี่ปุ่นอย่างแน่วแน่ ซึ่งสําหรับญี่ปุ่นแล้ว มองว่าจางเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการปกป้องผลประโยชน์ของญี่ปุ่นเมื่อเทียบกับขุนศึกคนอื่น ๆ[8] จางยังถูกมองว่าเป็นบุคคลผิดยุคสมัยที่เปรียบได้กับผู้พิชิตของจีนในอดีต แต่เพียงแค่เขาขาดอุดมการณ์ที่จะรักษาอำนาจของตนไว้[9]
จางเริ่มเมินเฉยต่อความประสงค์ของญี่ปุ่นที่ต้องการให้เขาละทิ้งความทะเยอทะยานของชาติและมุ่งสนใจไปที่การปฏิรูปมณฑลทางตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อผลประโยชน์ ทำให้ท้ายที่สุด จางจึงถึงแก่อสัญกรรมจากการลอบสังหารโดยนายทหารกองทัพคันโตเมื่อ ค.ศ. 1928[10] ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่จางกำลังล่าถอยไปยังฐานทัพทางตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อเผชิญกับการรุกรานของเจียง ไคเชก[11] จาง เสฺวเหลียง ผู้เป็นบุตรชาย ยังคงควบคุมมณฑลทางตะวันออกเฉียงเหนือต่อไปจนถึง ค.ศ. 1931[12]
หมายเหตุ
แก้- ↑ จีนตัวเต็ม: 張作霖; จีนตัวย่อ: 张作霖; พินอิน: Zhāng Zuòlín; เวด-ไจลส์: Chang Tso-lin; ชื่อรอง หยู่ติ๋ง (雨亭; Yǔtíng) และสมญานาม จาง เหล่า เกตา (張老疙瘩; Zhāng Lǎo Gēda)
เชิงอรรถ
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ Fairbank & Twitchett 1983, p. 295.
- ↑ 2.0 2.1 McCormack 1977, p. 16.
- ↑ 3.0 3.1 McCormack 1977, p. 17.
- ↑ Nathan 1998, p. 1903.
- ↑ McCormack 1977, p. 18.
- ↑ 6.0 6.1 6.2 6.3 6.4 6.5 McCormack 1977, p. 9.
- ↑ 7.0 7.1 McCormack 1977, p. 251.
- ↑ 8.0 8.1 McCormack 1977, p. 147.
- ↑ McCormack 1977, p. 253.
- ↑ McCormack 1977, pp. 223, 248.
- ↑ Wou 1978, p. 143.
- ↑ Boorman 1967, p. 115.
บรรณานุกรม
แก้- Boorman, Howard L. (1967). Biographical Dictionary of Republican China, Volume 1 (ภาษาอังกฤษ). Columbia University Press. p. 471. ISBN 9780231089586.
- Ch'i, Hsi-sheng (1976). Warlord Politics in China, 1916-1928 (ภาษาอังกฤษ). Stanford University Press. p. 282. ISBN 9780804708944.
- Dull, Paul S. (1952). "The Assassination of Chang Tso-Lin". The Far Eastern Quarterly. 11 (4): 453-463.
- Fairbank, John King; Twitchett, Denis (1983). The Cambridge History of China: Republican China 1912-1949, Part 1 (ภาษาอังกฤษ). Cambridge University Press. ISBN 9780521235419.
- Li, Jiannong (1956). The Political History of China, 1840-1928 (ภาษาอังกฤษ). Stanford University Press. p. 545. ISBN 9780804706025.
- McCormack, Gavan (1977). Chang Tso-lin in northeast China, 1911-1928 : China, Japan, and the Manchurian idea (ภาษาอังกฤษ). Stanford University Press. p. 334. ISBN 9780804709453.
- Mitter, Rana (2000). The Manchurian Myth: Nationalism, Resistance, and Collaboration in Modern China (ภาษาอังกฤษ). University of California Press. p. 295. ISBN 9780520221116.
- Nathan, Andrew (1998). Peking Politics 1918-1923: Factionalism and the Failure of Constitutionalism (ภาษาอังกฤษ). Center for Chinese Studies. p. 320. ISBN 9780892641314.
- Pye, Lucian W. (1971). Warlord Politics: Conflict and Coalition in the Modernization of Republican China (ภาษาอังกฤษ). Praeger. p. 224. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 มกราคม 2015. สืบค้นเมื่อ 3 มกราคม 2015.
- Wou, Odorik Y. K. (1978). Militarism in modern China. The career of Wu P’ei-Fu, 1916-1939 (ภาษาอังกฤษ). Australian National University Press. p. 349. ISBN 0708108326.
- Yoshihashi, Takehiko (1963). Conspiracy at Mukden : the rise of the Japanese military (ภาษาอังกฤษ). Yale University Press. p. 274. OCLC 258717.
- Young, John W. (1972). "The Hara Cabinet and Chang Tso-lin, 1920-1". Monumenta Nipponica. 27 (2): 125-142.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้ก่อนหน้า | จาง จั้วหลิน | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
กู้ เหวย์จฺวิน รักษาการประธานาธิบดี |
จอมพลสูงสุดแห่งรัฐบาลทหารจีน เทียบเท่าประธานาธิบดีสาธารณรัฐจีน (18 มิถุนายน ค.ศ. 1927 – 4 มิถุนายน ค.ศ. 1928) |
ถาน หยานไข่ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลคณะชาติ |