จักรพรรดิโกะ-โคเมียว

จักรพรรดิโกะ-โคเมียว (ญี่ปุ่น: 後光明天皇โรมาจิGo-Kōmyō-tennō) เป็นจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นองค์ที่ 110[1] ตามลำดับการสืบราชสันตติวงศ์[2]

จักรพรรดิโกะ-โคเมียว
จักรพรรดิญี่ปุ่น
14 พฤศจิกายน ค.ศ. 164330 ตุลาคม ค.ศ. 1654
พิธีราชาภิเษก2 ธันวาคม ค.ศ. 1643
พระนามหลังสวรรคตจักรพรรดิโกะ-โคเมียว (後光明院)
ถวายพระนามเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 1654
รัชกาลก่อนหน้าเมโช
รัชกาลถัดไปโกะ-ไซ

พระราชสมภพ20 เมษายน ค.ศ. 1633
พระบรมนามาภิไธยเจ้าชายสึงุฮิโตะ (紹仁)
ได้รับพระราชทานเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1643
สวรรคต30 ตุลาคม ค.ศ. 1654
ฝังพระบรมศพ23 พฤศจิกายน ค.ศ. 1654
สุสานหลวงสึกิ โนะ วะ โนะ มิซะซะงิ (เคียวโตะ)
พิธีฉลองการเจริญวัย8 พฤศจิกายน ค.ศ. 1643
พระราชบิดาจักรพรรดิโกะ-มิซุโน

รัชสมัยของจักรพรรดิโกะ-โคเมียวกินเวลาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1643 ถึง ค.ศ. 1654[3]

จักรพรรดิในคริสต์ศตวรรษที่ 17 พระองค์นี้ได้รับการตั้งพระนามตามจักรพรรดิโคเมียวในยุคราชสำนักเหนือ-ใต้ ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 และคำว่า โกะ- (後) แปลว่าภายหลัง ดังนั้นจึงสามารถเรียกพระองค์ว่า "จักรพรรดิโคเมียวยุคหลัง" ได้ ในภาษาญี่ปุ่นคำว่า โกะ- ยังแปลให้หมายถึง ที่ 2 ในบางแหล่งข้อมูล จักรพรรดิพระองค์นี้ถูกระบุพระนามว่าเป็น "จักรพรรดิโคเมียวที่ 2"

พระราชประวัติ แก้

ก่อนที่จักรพรรดิโกะ-โคเมียวจะเสด็จขึ้นครองราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศ พระองค์มีพระนามว่า สึงุฮิโตะ (紹仁)[4] และพระราชทินนามก่อนขึ้นครองราชบัลลังก์ของพระองค์คือ ซูงะ-โนะ-มิยะ (素鵞宮)[5]

พระองค์เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 4 ของจักรพรรดิโกะ-มิซุโน พระราชมารดาของพระองค์คือ ฟูจิวาระ โนะ มิตสึโกะ; แต่พระองค์ถูกเลี้ยงดูมาราวกับว่าพระองค์เป็นโอรสของโทฟูกุ-มอนอิงหรือโทกูงาวะ มาซาโกะ ซึ่งเป็นจักรพรรดินีของจักรพรรดิโกะ-มิซุโน[6]

พระราชวงศ์ของจักรพรรดิโกะ-โคเมียวประทับอยู่กับพระองค์ในไดริหรือบริเวณเขตพระราชฐานชั้นในของพระราชวังหลวงเฮอัง พระราชวงศ์ของพระองค์มีพระราชธิดาเพียงองค์เดียวและไม่มีพระราชโอรส[7]

เหตุการณ์ในพระชนม์ชีพของจักรพรรดิโกะ-โคเมียว แก้

เจ้าชายสึงุฮิโตะได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าชายรัชทายาท และในปีต่อมา พระองค์กลายเป็นจักรพรรดิเมื่อพระเชษฐภคินีของพระองค์คือจักรพรรดินีเมโชสละราชบัลลังก์ พระเชษฐภคินีของพระองค์ก้าวลงจากราชบัลลังก์และสืบราชบัลลังก์โดยพระอนุชาของพระนาง หลังจากนั้นไม่นาน จักรพรรดิโกะ-โคเมียวก็ขึ้นครองสิริราชสมบัติ[8] รัชสมัยของจักรพรรดิโกะ-โคเมียวตรงกับช่วงเวลาที่โทกูงาวะ อิเอมิตสึ และโทกูงาวะ อิเอสึนะเป็นผู้นำของรัฐบาลเอโดะ

  • 20 เมษายน ค.ศ. 1633 (วันที่ 12 เดือน 3 ปี คันเอ ที่ 4) : การประสูติของเจ้าชายที่จะกลายเป็นที่รู้จักในพระนามจักรพรรดิโกะ-โคเมียว[9]
  • ค.ศ. 1642 (วันที่ 2 เดือน 9 ปี คันเอ ที่ 19) : เจ้าซูงะได้รับการประกาศพระนามให้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์
  • ค.ศ. 1642 (ปีคันเอ ที่ 19, วันที่ 15 เดือน 12) : ได้มีพระราชโองการสถาปนา เจ้าซูงะ เป็นเจ้าชายรัชทายาท
  • 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 1643 (วันที่ 27 เดือน 9 ปี คันเอ ที่ 20) : เจ้าซูงะได้เข้าพิธี เก็มปูกุ และเปลี่ยนพระนามเป็น เจ้าชายสึงุฮิโตะ
  • 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1643 (วันที่ 29 เดือน 9 ปี คันเอ ที่ 20) : จักรพรรดินีเมโชยกราชบัลลังก์ให้กับพระอนุชาโดยการสละราชบัลลังก์ และสืบราชบัลลังก์โดยพระอนุชาของพระนางคือ เจ้าชายสึงุฮิโตะ[8]
  • 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 1643 (วันที่ 3 เดือน 10 ปี คันเอ ที่ 20) : เจ้าชายสึงุฮิโตะเสด็จขึ้นครองราชบัลลังก์[8] พระองค์มีพระชนมายุเพียง 10 พรรษา[6] นับว่าได้เริ่มรัชสมัยของพระองค์ในวันนี้[9]
  • 2 ธันวาคม ค.ศ. 1643 (วันที่ 21 เดือน 10 ปี คันเอ ที่ 20) : เจ้าชายสึงุฮิโตะประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกที่ พระราชวังหลวงเกียวโต
  • 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1645 (วันที่ 23 เดือน 4 ปี โชโฮ ที่ 2) : โชกุน โทกูงาวะ อิเอมิตสึ ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น ซาไดจิง[5]
  • 1 เมษายน ค.ศ. 1649 (วันที่ 20 เดือน 2 ปี เคอัง ที่ 2) : เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เอโดะ[5]
  • ค.ศ. 1651 (ปีเคอัง ที่ 4) : โทกูงาวะ อิเอสึนะ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นโชกุน[5]
  • ค.ศ. 1653 (ปีเคอัง ที่ 5, เดือน 5) : นิฮงโอไดอิชิรัง ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในเกียวโตภายใต้การอุปถัมภ์ของ ไทโร ซากาอิ ทาดาคัตสึ ไดเมียวแห่งแคว้นศักดินาโอบามะของจังหวัดวากาซะ[5]
  • 3 ตุลาคม ค.ศ. 1653 (วันที่ 20 เดือน 8 ปี โจโอ ที่ 2) : ไฟไหม้รุนแรงทำลายพื้นที่ส่วนใหญ่ของพระราชวังหลวงเกียวโตและวัดหลายแห่งที่อยู่ใกล้เคียง หลังจากนั้นไม่นาน เด็กผู้หญิงหลายคนอายุ 12-14 ปี ถูกจำคุกในข้อหาลอบวางเพลิงที่เกี่ยวข้องกับการลอบวางเพลิงครั้งนี้ เช่นเดียวกับการลอบวางเพลิงครั้งอื่น ๆ ในเกียวโต[5]
  • 18 สิงหาคม ค.ศ. 1654 (วันที่ 6 เดือน 7 ปี โจโอ ที่ 3) : อิงเง็ง พระสงฆ์ผู้มีชื่อเสียงเดินทางมาจากประเทศจีนมาที่นางาซากิ ความตั้งใจของเขาคือการปฏิรูปวัตรปฏิบัติของพระพุทธศาสนาในญี่ปุ่น[5]
  • 30 ตุลาคม ค.ศ. 1654 (วันที่ 20 เดือน 9 ปี โจโอ ที่ 3) : จักรพรรดิโกะ-โคเมียวสวรรคต[9] มีความเป็นไปได้ที่จักรพรรดิจะสวรรคตด้วยพระโรคไข้ทรพิษ[7]
  • 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 1654 (วันที่ 15 เดือน 10 ปี โจโอ ที่ 3) : ได้มีการฝังพระศพของอดีตจักรพรรดิโกะ-โคเมียวที่พระราชสุสานในเกียวโต[10]

จักรพรรดิโกะ-โคเมียวเป็นหนึ่งในจักรพรรดิที่พระศพของพระองค์ประดิษฐานอยู่ในสุสานหลวงสึกิ โนะ วะ โนะ มิซาซางิ ที่วัดเซ็นเนียว ในเขตฮิงาชิยามะ นครเกียวโต นอกจากนี้ พระศพของจักรพรรดิรัชกาลก่อนหน้าของจักรพรรดิโกะ-โคเมียวยังประดิษฐานอยู่ในสุสานหลวงแห่งนี้ รวมทั้งจักรพรรดิโกะ-มิซุโนและจักรพรรดินีเมโช พระศพของจักรพรรดิผู้สืบราชบัลลังก์ต่อจากจักรพรรดิโกะ-โคเมียวก็ประดิษฐานอยู่ในสุสานหลวงแห่งนี้เช่นกัน เช่น จักรพรรดิโกะ-ไซ จักรพรรดิเรเง็ง จักรพรรดิฮิงาชิยามะ จักรพรรดินากามิกาโดะ จักรพรรดิซากูรามาจิ จักรพรรดิโมโมโซโนะ จักรพรรดินีโกะ-ซากูรามาจิ และจักรพรรดิโกะ-โมโมโซโนะ[11]

ดูเพิ่ม แก้

หมายเหตุ แก้

  1. Imperial Household Agency (Kunaichō) : 後光明天皇 (110)
  2. Ponsonby-Fane, Richard. (1959). The Imperial House of Japan, pp. 115–116.
  3. Titsingh, Isaac. (1834). Annales des empereurs du japon, pp. 412–413.
  4. Ponsonby-Fane, p. 9.
  5. 5.0 5.1 5.2 5.3 5.4 5.5 5.6 Titsingh, p. 412.
  6. 6.0 6.1 Ponsonby-Fane, p. 115.
  7. 7.0 7.1 Ponsonby-Fane, p. 116.
  8. 8.0 8.1 8.2 Titsingh, p. 412; Varley, p. 44; n.b., a distinct act of senso is unrecognized prior to Emperor Tenji; and all sovereigns except Jitō, Yōzei, Go-Toba, and Fushimi have senso and sokui in the same year until the reign of Emperor Go-Murakami.
  9. 9.0 9.1 9.2 Meyer, Eva-Maria. (1999). Japans Kaiserhof in der Edo-Zeit, p. 186.
  10. Titsingh, p. 413.
  11. Ponsonby-Fane, Richard. (1959). The Imperial House of Japan, p. 423.

อ้างอิง แก้

  • Meyer, Eva-Maria. (1999). Japans Kaiserhof in der Edo-Zeit: unter besonderer Berücksichtigung der Jahre 1846 bis 1867. Münster: LIT Verlag. ISBN 978-3-8258-3939-0; OCLC 42041594
  • Ponsonby-Fane, Richard Arthur Brabazon. (1959). The Imperial House of Japan. Kyoto: Ponsonby Memorial Society. OCLC 194887
  • Titsingh, Isaac. (1834). Nihon Ōdai Ichiran; ou, Annales des empereurs du Japon. Paris: Royal Asiatic Society, Oriental Translation Fund of Great Britain and Ireland. OCLC 5850691
  • Varley, H. Paul. (1980). Jinnō Shōtōki: A Chronicle of Gods and Sovereigns. New York: Columbia University Press. ISBN 978-0-231-04940-5; OCLC 59145842

แหล่งข้อมูลอื่น แก้