จักรพรรดิเจิ้งเต๋อ

จักรพรรดิเจิ้งเต๋อ (จีน: 正德帝; พินอิน: zhèngdé dì) มีพระปรมาภิไธยว่า สมเด็จพระจักรพรรดิหมิงอู่จง (จีน: 明武宗帝; พินอิน: míng wǔzōng dì) (26 ตุลาคม พ.ศ. 2034 - 20 เมษายน พ.ศ. 2064) ทรงขึ้นครองราชย์ระหว่างวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2048 - 20 เมษายน พ.ศ. 2064 ต่อจาก จักรพรรดิหงจื้อ พระบิดา โดยใช้ชื่อรัชสมัยว่า เจิ้งเต๋อ(正德) พระองค์ได้รับการถวายพระนามหลังสวรรคตว่า จักรพรรดิอี้(จีน: 毅帝; พินอิน: Yì dì)

จักรพรรดิหมิงอู่จง
จักรพรรดิจีน
จักรพรรดิพระองค์ที่ 11 แห่ง ราชวงศ์หมิง
ครองราชย์9 มิถุนายน พ.ศ. 2048 - 20 เมษายน พ.ศ. 2064
(15 ปี 316 วัน)
ก่อนหน้าจักรพรรดิหงจื้อ
ถัดไปจักรพรรดิเจียจิ้ง
ประสูติ27 ตุลาคม พ.ศ. 2034
อำเภอซุ่นเถียน(順天府) เขตเป่ยจือลี่(北直隶), ราชวงศ์หมิง, (ปัจจุบันคือปักกิ่ง)
สวรรคต20 เมษายน พ.ศ. 2064 (29 พรรษา)
อ้ายเป้าฟ่าง(豹房) ราชอุทยานซีเยฺวี่ยน(ปัจจุบันคือจงหนานไห่), ปักกิ่ง, ราชวงศ์หมิง
ฝังพระศพคางหลิง(康陵), สุสานหลวงราชวงศ์หมิง, ปักกิ่ง
จักรพรรดินีจักรพรรดินีเซี่ยวจิงอี้
พระราชบุตรไม่มีรัชทายาท
พระนามเต็ม
แซ่: จู Zhū (朱)
ชื่อแรก: โฮ้วจ้าว Houzhao (厚照)
รัชศก
เจิ้งเต๋อ (正德) 24 มกราคม พ.ศ. 2049 – 27 มกราคม พ.ศ. 2065
พระสมัญญานาม
จักรพรรดิเฉิงเทียน ต้าเต้า ยิ่งซู่หรุ่ย เจ๋อเจา เต๋อ เซียนกง หงเหวิน ซือเสี้ยวอี้
承天達道英肅睿哲昭德顯功弘文思孝毅皇帝
พระอารามนาม
หมิงอู่จง
明武宗
ราชวงศ์ราชสกุลจู
ราชวงศ์ราชวงศ์หมิง
พระราชบิดาจักรพรรดิหมิงเสี้ยวจง
พระราชมารดาจักรพรรดินีเซี่ยวคังจิง

พระราชประวัติ แก้

วัยเยาว์ แก้

จักรพรรดิเจิ้งเต๋อประสูติเมื่อปีหงจื่อที่ 4 (วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2034) มีพระนามว่าองค์ชายจูโฮ้วจ้าว ทรงเป็นพระราชโอรสองค์โตของจักรพรรดิหงจื้อกับจักรพรรดินีเซี่ยวคังจิง พระองค์มีพระอนุชาและพระขนิษฐาร่วมพระมารดาเดียวกัน 2 พระองค์ มีพระนามว่า องค์ชายจูโฮ้วเว่ย และ องค์หญิงไท่คัง(จูซิ่วหรง) แต่เนื่องด้วยองค์ชายจูโฮ้วเว่ยสิ้นพระชนม์ตั้งแต่ 1 พระชันษาเศษ ส่งผลให้องค์ชายจูโฮ้วจ้าวเป็นพระโอรสองค์เดียวในจักรพรรดิหงจื้อ เมื่อมีพระชนมายุได้ 2 ชันษา พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นหวงไท่จื่อ(มกุฎราชกุมาร) ในปีหงจื้อที่ 11 พระองค์ถูกส่งเข้าศึกษา ณ สถาบันฮั่นหลิน พระองค์ฉายแววเป็นผู้มีสติปัญญาเฉลี่ยวฉลาดตั้งแต่พระเยาว์ ทั้งพระองค์ยังปฏิบัติดูแลอาจารย์ด้วยความเคารพเป็นอย่างดี ส่งผลให้พระราชบิดาให้ความรักต่อพระองค์เป็นอย่างมาก

ครองราชย์ แก้

ในวันที่ 8 พฤษภาคม ปีหงจื้อที่ 18 (8 มิถุนายน พ.ศ. 2048) จักรพรรดิเสี่ยวจง(หงจื้อ)เสด็จสวรรคต หลังจากเตรียมงานพระราชพิธีพระบรมศพของพระราชบิดาแล้วเสร็จ ในวันที่ 18 พฤษภาคม ปีหงจื้อที่ 18 พระองค์จึงขึ้นครองราชย์เป็น สมเด็จพระจักรพรรดิหมิงอู่จง โดยถือว่าทรงครองราชย์ตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม ปีหงจื้อที่ 18 (9 มิถุนายน พ.ศ. 2048)

หลังขึ้นครองราชย์พระองค์ได้ราชาภิเษกสมรสกับธิดาตระกูลเซี่ยเมื่ออายุ 14 ปี พระองค์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ทรงเหมือนพระราชบิดา ในเรื่องที่ไม่สนใจการปกครองรวมถึงจักรพรรดินีของพระองค์ และไม่สนใจกิจการของรัฐส่วนใหญ่ มีความประมาท โง่เขลา ไร้จุดมุ่งหมาย และไม่มีความรับผิดชอบ ในรัชสมัยของพระองค์ทรงดำเนินชีวิตที่หรูหราและฟุ่มเฟือยและสนใจในอิสตรี ถึงขนาดมีเรื่องเล่าลือกันว่า พระองค์ชอบเที่ยวซ่องโสเภณีบ่อยๆ และแม้กระทั่งสร้างพระราชวังที่เรียกว่า "เป่าฟาง" (豹房 แปลว่า "ห้องเสือดาว") อยู่ในราชอุทยานซีเยฺวี่ยน ด้านนอกพระราชวังต้องห้ามของประตูซือหัว(西華門) เริ่มแรกมีลักษณะเป็นบ้านของสัตว์แปลก ๆ เช่น เสือและเสือดาว เพื่อความสนุกสนานส่วนพระองค์ ต่อมาก็เคยจัดบ้านให้สาวงามเพื่อความเพลิดเพลินส่วนพระองค์ โดยเฉพาะกับ "หวังม่านถัง" หนึ่งในหญิงสาวคนโปรดของพระองค์ มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะล่าเสือที่เป่าฟางพระองค์ถูกขย้ำอย่างสาหัส และไม่สามารถออกว่าราชการได้เป็นเวลาหนึ่งเดือน อีกวีรกรรมครั้งหนึ่งของพระองค์ได้เผาพระราชวังในช่วงเทศกาลโคมไฟโดยเก็บดินปืนไว้ในลานพระตำหนักเมื่อไฟจากโคมไฟไหม้ผ้าม่านของพระตำหนักและลามไปที่ดินปืนทำให้เกิดระเบิดในพระราชวังต้องห้าม พระองค์ทรงชื่นชมว่าเป็นพลุครั้งใหญ่ แม้ว่าพระองค์จะถูกกล่าวถึงในเรื่องเสียหาย แต่ก็เป็นที่สังเกตว่า พระองค์กลับปกครองบ้านเมืองอย่างเข้มงวด เคร่งครัด ได้อย่างค่อนข้างมีประสิทธิภาพ พระองค์ยังแสดงให้เห็นว่าพระองค์มีความสามารถในการตัดสินใจและการกำกับดูแล ภายใต้การปกครองของพระองค์เป็นอย่างดี ทำให้เศรษฐกิจยังคงเติบโต และเป็นยุคที่เจริญรุ่งเรืองยุคหนึ่ง ตลอดรัชกาลของพระองค์เริ่มมีชาติในยุโรปเข้ามาติดต่อทำการค้าและเจริญสัมพันธไมตรี

ในแต่ละครั้ง ครั้งละหลายเดือน พระองค์จะอาศัยอยู่นอกพระราชวังต้องห้ามหรือเดินทางไปทั่วประเทศโดยมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ในขณะที่ถูกร้องขอให้กลับไปที่วังและดูแลงานของรัฐบาล จักรพรรดิเจิ้งเต๋อมักปฏิเสธที่จะออกรับขุนนางทั้งหมดที่ขอเข้าเฝ้าและเพิกเฉยต่อฎีกาทั้งหมดของพวกเขา แต่พระองค์ก็จัดการปัญหาในราชสำนักได้ดี เช่น พระองค์ลงโทษการขึ้นมามีอำนาจของขันทีที่อยู่รอบตัวพระองค์ ตัวอย่างเช่น ขันทีหลิวจินผู้เป็นหัวหน้าของแปดพยัคฆ์(กองกำลังขันที)นั้นมีชื่อเสียงในเรื่องทุจริตและใช้จ่ายเงินจำนวนมหาศาลอย่างสิ้นเปลือง มีข่าวลือถึงแผนการที่หลิวจินตั้งใจจะลอบปลงพระชนม์จักรพรรดิ แผนการของหลิวจินถูกสืบพบในที่สุด และเขาถูกประหารชีวิตในปี พ.ศ. 2053 อย่างไรก็ตาม การฉ้อราษฎรบังหลวงยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดรัชสมัยของจักรพรรดิเจิ้งเต๋อ

จากนั้นในปี พ.ศ. 2060 จักรพรรดิเจิ้งเต๋อได้ตั้งชื่อใหม่ให้กับตัวเองชื่อ "จูโชว"(朱壽) เพื่อที่พระองค์จะได้สละหน้าที่ในราชสำนักและส่งตัวเองออกเดินทางไปทางเหนือเพื่อขับไล่การรุกคืบของกองทัพหลักหมื่นซึ่งนำโดย "ต้ายันข่าน" แห่งราชวงศ์หยวนเหนือ พระองค์ได้พบกับศัตรูนอกเมืองยิงโจวโดยล้อมพวกเขาไว้และเอาชนะพวกมองโกลได้ในการต่อสู้ครั้งใหญ่ หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้เป็นเวลาอีกนานที่ชาวมองโกลไม่ได้บุกเข้ามาในดินแดนหมิง นอกจากนี้ยังมีการกบฎจากพระญาติของพระองค์ที่นำโดยอ๋องอันฮวา(จูจื่อฝาน)และการกบฎอีกครั้งที่นำโดยอ๋องหนิง(จูเฉินห่าว) แต่ก็ทรงปราบการกบฎได้สำเร็จ

ในบางช่วงเวลา จักรพรรดิเจิ้งเต๋อก็มีชื่อเสียงในเรื่องพฤติกรรมเด็กๆของพระองค์ เช่นเดียวกับการใช้อำนาจในฐานะจักรพรรดิในทางที่ผิด ตัวอย่างเช่น พระองค์ตั้งย่านการค้าที่มีฉากเป็นพระราชวัง และสั่งให้เสนาบดี ขุนนาง ขันที ทหาร และคนใช้ในวังของพระองค์แต่งตัวและทำหน้าที่เป็นพ่อค้าหรือคนขายของข้างถนนในขณะที่พระองค์เดินผ่านโดยแสร้งทำเป็นสามัญชน ผู้เข้าร่วมที่ไม่เต็มใจแสดง โดยเฉพาะขุนนาง(ซึ่งมองว่าเป็นการดูถูก)จะถูกลงโทษหรือปลดออกจากตำแหน่ง

สวรรคต แก้

จักรพรรดิเจิ้งเต๋อสิ้นพระชนม์ในปี 20 เมษายน พ.ศ. 2064 เมื่อพระชนมายุได้ 29 พรรษา ก่อนที่พระองค์จะสวรรคต มีเรื่องเล่าว่าวันหนึ่งพระองค์เมาตกจากเรือและเกือบจมน้ำสวรรคตขณะล่องเรือในทะเลสาบในฤดูใบไม้ร่วงในปี พ.ศ. 2063 และการสวรรคตสืบเนื่องจากป่วยครั้งนี้ เนื่องจากพระองค์ไม่มีรัชทายาทสืบทอดราชบัลลังก์ จึงได้เลือกผู้สืบทอดจากพระญาติที่เป็นพระภาดา(ลูกพี่ลูกน้อง)ของพระองค์คือ "องค์ชายจูโฮ่วโชว" ซึ่งเป็นพระโอรสของอ๋องซิงพระปิตุลา(อา)ของจักรพรรดิเจิ้งเต๋อ เมื่อขึ้นครองราชย์จึงกลายเป็นที่รู้จักในนามจักรพรรดิเจียจิ้ง หลุมฝังพระบรมศพของพระองค์ตั้งอยู่ที่ คางหลิน ในสุสานหลวงราชวงศ์หมิง พระองค์ได้รับการถวายพระนามหลังสวรรคตว่า จักรพรรดิอี้

ก่อนหน้า จักรพรรดิเจิ้งเต๋อ ถัดไป
จักรพรรดิหงจี่   จักรพรรดิจีน
(พ.ศ. 2048 - พ.ศ. 2064)
  จักรพรรดิเจียจิ้ง|}